สิ้นสุดการรอคอยหลังจากค่ายนิสสันเปิดตัว Nissan Terra ใหม่ รถอเนกประสงค์ตัวถังบนแชสซีส์ 7 ที่นั่ง ในแนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility: NIM) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและลูกเล่นหลายตัวที่นิสสันจัดมาเต็มใน Nissan Terra ใหม่ ให้เลือก 3 รุ่น เปิดราคาในรุ่นเริ่มต้นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ 1,316,000 บาท





Nissan Terra ใหม่ มีมิติ ความยาว 4.885 ม. กว้าง 1.865 ม. สูง 1.835 ม. มีระยะฐานล้อ 2.85 ม. ในขณะที่มีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 22.5 ซม. มีระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็คแอนด์พิเนียน (Rack and Pinion) โดยมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร  มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีน้ำตาล เอิร์ธ บราวน์ (Earth Brown), สีดำ แบล็คสตาร์ (Black Star), สีขาว ไวท์เพิร์ล (White Pearl), สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเสอร์ (Brilliant Silver) และ สีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray)  และ 3 รุ่นย่อย คือ  2.3V 2WD 7AT, 2.3VL 2WD และ 2.3VL 4WD 7AT

Nissan Terra ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ทวินเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ DOHC ขนาด 2,298 ซีซี (เครื่องยนต์ใหม่) มาพร้อมหัวฉีดเชื้อเพลิงระบบไดเร็คอินเจคชัน ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบแบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่มาพร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวล (M mode) และมีรุ่นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกอีกด้วย




     


รูปโฉมภายนอก ตัวรถมีขนาดใหญ่ หน้าตาก็ยังคงมีความคล้ายกับ Nissan Navara แต่ปรับเปลี่ยนไฟหน้า กระจังหน้า กันชนหน้า ไฟท้ายที่มองแล้วจะรู้สึกเรียบๆ ไม่โฉบเฉี่ยว หรือไปทางสปอร์ตมากนัก เอาเป็นว่ารูปโฉมภายนอกแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลกันเลย

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Nissan Terra ใหม่ ให้ความรู้สึกกว้างขวาง ที่นั่ง 3 แถวเป็นแบบเธียเตอร์ ทำให้เบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 มีมุมมองด้านหน้าที่ค่อนข้างโปร่ง ไม่อึดอัด โดยความพิเศษของเบาะนั่งแถวที่ 2 ของ Nissan Terra ใหม่ สามารถปรับพับอัตโนมัติได้ 2 วิธี คือ  วิธีแรกคือปรับที่ด้านข้างเบาะเหมือนรถทั่วไป วิธีที่สอง กดปุ่มบนแผงควบคุมบริเวณคอนโซลกลางที่มีทั้งซ้าย-ขวา เบาะนั่งแถวที่ 2 ก็จะพับลงมาอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถปรับพับขึ้นไปเองได้ โดยยังต้องใช้วิธีดึงเบาะขึ้นไปคืนแบบทั่วไป ซึ่งตัวเบาะมีน้ำหนักค่อนข้างมากเหมือนกัน อีกจุดที่พบในช่วงไปทดลองนั่งเบาะแถวที่ 3 ก็ยังไม่น่าเหมาะกับการให้ผู้ใหญ่ไปนั่งอยู่ดี เพราะพื้นที่วางขาค่อนข้างน้อย ทั้งๆที่เลื่อนเบาะแถวที่ 2 ช่วยแล้วก็ตาม ถ้าเป็นเด็กเล็ก หรือใช้วางของก็น่าจะเหมาะกว่า




     

     




อีกจุดหนึ่งที่ออกแบบมาให้เหมาะกับรถแบบอเนกประสงค์ 3 แถว 7 ที่นั่ง ก็คือ ปุ่มปรับแอร์ของเบาะแถวที่ 2 และ 3 จะอยู่ที่เพดานกึ่งกลางพอดี ผู้นั่งโดยสารแถว 3 สามารถเอื้อมมาปรับระดับความเย็นได้อย่างสะดวก แต่ก็ยังมีออพชั่นที่ขาดหายไปคือ จุดชาร์จไฟที่ไม่มีมาให้ในส่วนของห้องโดยสารด้านหลัง ซึ่งต้องไปใช้รวมกับด้านหน้าบริเวณคอนโซล

ในส่วนของคอนโซลด้านหน้านั้นก็จะคล้ายกับ Nissan Navara ซึ่งเมื่อนำมาใช้กับ Nissan Terra ใหม่ ที่จะเน้นความหรูหราจึงให้ความรู้สึกถึงวัสดุที่ยังไม่เหมาะสมกับราคารถ  แต่ก็มีออพชั่นต่างๆมาให้ใช้หลายตัว อย่างที่นิสสันชูเป็นจุดเด่นก็คือ กระจกมองหลังอัจฉริยะ ที่สามารถปรับเปลี่ยนมุมมองแบบกระจกมองหลังทั่วไป เพียงผลักก้านตรงกลางกระจกมองหลัง ภาพที่ได้จะมาจากกล้องหลังที่ให้ความคมชัดระดับหนึ่ง แต่ภาพจะดูหลอกๆตานิดต้องใช้งานให้คุ้นชิน ซึ่งต้องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชินกับการมองกระจกหลังเวลาขับขี่ ถ้ามีคนนั่งเต็มที่เบาะแถว 2 หรือ 3 หรือมีการกางจอภาพที่เพดานเพื่อดูหนังฟังเพลง หรือมีการขนสัมภาระสิ่งของที่มีความสูงที่ด้านหลัง กระจกมองหลังอัจฉริยะก็ช่วยให้มองเห็นได้แบบสบาย และเมื่อมีการเข้าเกียร์ถอยหลัง หน้าจอจะแสดงภาพรอบทิศทางแบ่งหน้าจอแสองผลให้ถอยจอดได้อย่างง่ายดาย แต่ตรงนี้ภาพต่างๆจะไม่ไปแสดงที่หน้าจอที่คอนโซลกลาง ซึ่งก็อาจจะดูขาดๆเกินๆไปบ้างสำหรับบ้างคน

มาถึงช่วงที่ทดลองขับ Nissan Terra ใหม่ ที่จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การขับขี่ออฟโรด และการขับขี่ในทางเรียบ โดยเริ่มต้นด้วยการทดลองขับในสถานีออฟโรด กับ Nissan Terra VL 2.3 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ททาม มีให้เลือก 3 แบบ คือ 2WD, 4H และ 4L โดยที่หน้าปัดมาตรวัดจะมี Off Road Meter ที่จะแสดงองศาความเอียงของตัวรถ และการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แสดงให้ดูชัดเจน




     




การขับในสถานีออฟโรด เส้นทางก็จะไม่ได้โหดอะไรมากนัก ก็จะมีให้ขับลงบ่อน้ำ ทางเอียง ขึ้นลงทางชัน Nissan Terra ใหม่ ก็สามารถขับผ่านได้แบบสบาย สำหรับในช่วงที่ปรับระบบเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะสังเกตได้ว่าน้ำหนักของพวงมาลัยจะมีน้ำหนักขึ้นนิดหน่อย แต่ยังให้การขับขี่ควบคุมเลี้ยวซ้ายขวาได้คล่องตัวเช่นเดิม นอกจากนี้ระบบช่วงล่างที่ให้ความหนึบนุ่มลดแรงกระแทกกระทั้นจากเส้นทางออฟโรดได้ค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว

เสร็จจากสถานีออฟโรด ก็จะเป็นการทดลองขับบนทางทั่วไป ด้วย Nissan Terra VL 2.3 รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ โดยเส้นทางส่วนให้จะเป็นทางเรียบพื้นราบ รวมขึ้นขึ้นลงเขา ที่ต้องเจอทั้งโค้งซ้ายขวาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้สัมผัสถึงจุดเด่นของ Nissan Terra ใหม่ ในส่วนของการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกของห้องโดยสารที่ทำได้ดีเลย เสียงลมจะได้ยินกันที่ความเร็วสูงเกิน 120 กม./ชม. จากการเพิ่มวัสดุซับเสียงรอบห้องโดยสาร รวมถึงเลือกใช้กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวนจากภายนอกหนาถึง 3 ชั้น




     

     




สมรรถนะของระบบช่วงล่างก็สามารถทำได้ดีทั้งการขับทำความเร็วในทางตรง ทางโค้งซ้ายขวาต่อเนื่อง ตัวรถนิ่งโคลงตัวน้อยมาก ทั้งยังให้ความหนึบนุ่มในการนั่งโดยสาร ซึ่งน่าจะมาจากการเพิ่มบูชยางและขนาดบูชยางให้ใหญ่ขึ้นระหว่างแชสซี่กับห้องโดยสาร ในความเห็นส่วนตัวระบบช่วงล่างของ Nissan Terra ใหม่ ทำได้ดีไม่แพ้คู่แข่งเจ้าตลาดแน่นอน

และในช่วงขับขี่ช่วงนี้ ทำให้ได้สัมผัสถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่ YS23DDTT ทวินเทอร์โบ 2.3 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน ที่ถ่ายทอดกำลังกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดลูกเดียวกับ Nissan Navara แต่ค่อนข้างให้ความลงตัวโดยเฉพาะอัตราเร่งในทางเรียบที่ทำได้เร็วตามสั่ง อัตราเร่งให้ความรู้สึกต่อเนื่อง ขึ้นเร็วกว่าเครื่องเทอร์โบคู่รุ่นอื่น

แต่ที่น่าแปลกใจกับการเซตระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดลูกนี้ในช่วงที่ขับลงทางลาดชัน จะค่อนข้างน่ากลัว คือเกียร์จะไม่เชนเกียร์ลงช่วย เหมือนไม่มีเอนจิ้นเบรก จึงทำให้ต้องใช้เบรกมากเกินความจำเป็น ต้องอาศัยการผลักคันเกียร์มาแบบแมนนวล M mode ที่ต้องละมือจากพวงมาลัยในช่วงลงเขามาคอยเชนเกียร์ ซึ่งตรงนี้อาจจะต้องระมัดระวังในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น





นอกจากนี้ยังได้ทดลองใช้อุปกรณ์ PerformanceBox วัดอัตราเร่งของ Nissan Terra ใหม่  นั่ง 2 คน ได้ข้อมูลดังนี้

0-60 กม./ชม. ทำได้ 5.6 วินาที 

50-70 กม./ชม. ทำได้ 2.3 วินาที  

80-120 กม./ชม. ทำได้ 7.8 วินาที

0-100 กม./ชม. ทำได้ 11.6 วินาที 





ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ Nissan Terra ใหม่ รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งจากค่ายนิสสัน รูปโฉมภายนอกนั้นน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของแฟนพันธุ์แท้รถยนต์นิสสัน แต่สำหรับลูกค้าทั่วไปน่าจะยังไม่โดนใจนัก แต่จุดเด่นของ Nissan Terra ใหม่ คือเรื่องความเงียบ ความนุ่มนวลของห้องโดยสาร ระบบช่วงล่างที่ปรับเซตมาดีไม่แพ้ใครในกลุ่ม พละกำลังอัตราเร่งในทางเรียบ ทำได้ต่อเนื่องรวดเร็วกว่าถึงแม้จะมีแค่ 7 สปีด จะมีข้อด้อยของระบบเกียร์ก็ช่วงขับลงทางชันลงเขาที่จะต้องระมัดระวังกันบ้างดังที่กล่าวไปแล้วขั้นต้น ถึงตรงนี้ในความเห็นส่วนตัว Nissan Terra ใหม่ เป็นรถรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนกัน ที่ได้ทั้งรถคันใหญ่...ช่วงล่างเด่นไม่แพ้ใครในกลุ่ม...ถ้าราคาค่าตัวจะเบาลงกว่านี้อีกสักหน่อยก็น่าจะตัดสินใจจับจองได้ง่ายขึ้นครับ...