มาสด้าชวนร่วมบันทึกการเดินเพื่อพิชิตดินแดนขั้วโลกเหนือ ด้วยการทดลองขับรถยนต์ Mazda CX-5 ด้วยเส้นทางที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของธรรมชาติ ภูมิประเทศอันสวยงาม และภูมิอากาศสุดขั้ว ในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียที่ท้าทายทั้งรถและคนขับกับกิจกรรม Mazda passion drive to the new horizon “เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า”





สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ทีมงาน Auto-Thailand อยู่ใน Group B วันแรกโดยเริ่มเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยสายการบินไทย บินลัดฟ้าสู่ ออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ใช้เวลาบินกว่า 11 ชม. เมื่อเดินทางถึงออสโล Oslo คณะเรายังต้องรอต่อเครื่องด้วยสายการบิน สแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองอัลต้า Alta หลังจากนั้นเดินทางต่อด้วยรถบัสไปยังเมืองเมืองฮอนนิงสวัค Honningswag ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดและเป็นที่พักของเราในคืนนี้

เมื่อเดินทางถึงเมืองฮอนนิงสวัค Honningswag คณะ Group B ของเราก็จะได้พบกับสื่อมวลชน Group A ที่ขับ Mazda CX-5 ขึ้นมาจากออสโล เพื่อร่วมงานเลี้้ยงอาหารค่ำ ซึ่งในวันนี้จะเป็นไฮไลต์หนึ่งในการเดินทางครั้งนี้ พวกเรามีภาระกิจตามล่าแสงเหนือ โดยหลังรับประทานอาหารเสร็จก็เดินทางด้วยรถบัสเพื่อไปชมแสงเหนือ ระยะทางไม่ไกลนัก เดินทางกันครึ่งชั่วโมงก็ถึง NorthCape 





ระหว่างเดินทาง พี่ไกด์ที่พาเรามาก็บอกเล่าข้อมูลพร้อมคาดเดาว่าวันนี้การเดินทางเจอฝนเกือบตลอดทางและยังมีเมฆมาก ทำให้โอกาสที่พวกเราจะได้เจอกับแสงเหนือนั้นค่อนข้างน้อย แต่พวกเราก็ยังมีความหวังลึกๆว่าต้องได้เห็นแสงเหนือให้ได้ ซึ่งแน่นอนปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นกับพวกเราเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็พบกับความสวยงามของแสงเหนือกับสภาพอากาศช่วงนั้นที่หนาวเย็นกับอุณหภูมิเลขตัวเดียว ชื่นชมความสวยงามกันแล้วต้องรีบหลบเข้าตัวอาคารไปเดินชมนิทรรศการด้านในก่อนเดินทางกลับที่พักในคืนนี้

วันที่ 3 ของการเดินทาง ในวันนี้จะเป็นวันแรกที่เราจะได้ขับรถเอง ซึ่งจริงๆแล้วรถทดสอบของพวกเราจะต้องเป็นรถยนต์มาสด้าที่ส่งขึ้นเรือมาจากประเทศไทย แต่ด้วยขัดคล่องเล็กน้อย ซึ่งก็ถือเป็นความโชคดีที่เราจะได้ทดลองขับ Mazda CX-5 สเปกเดนมาร์ก ที่รูปโฉมภายนอกนั้นเหมือนกับที่ทำตลาดในบ้านเรา แต่จะมีออพชั่นบางตัวไม่เหมือนบ้านเรา คือ เป็นรถพวงมาลัยซ้าย อุปกรณ์คอนโซนหน้าก็จะสลับซ้ายขวากับบ้านเรา รวมถึงมีออพชั่นทำความร้อนที่พวงมาลัย และเบาะนั่งทั้งหน้าหลัง ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าจะได้ใช้งาน แต่ช่วงการเดินทางวันหลังๆก็ได้ใช้ประโยชน์จากออพชั่นนี้กันแบบเต็มๆ 




     




Mazda CX-5 ที่ได้ทดลองขับเป็นรุ่น 2.2 SKYACTIV-D Optimum AWD มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร สเป็คเดียวกับบ้านเราให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ i-ACTIV AWD ซึ่งในรุ่นนี้จะไม่มีหลังคาซันรูฟแบบบ้านเรา และระบบ Mazda Radar Cruise Control (MRCC) ที่สามารถชะลอความเร็วได้จนถึงจุดหยุดนิ่ง ต่างจากบ้านเราที่เมื่อรถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วต่ำกว่า 40 กม./ชม. ระบบจะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ

ทีมงาน Auto-Thailand เริ่มการเดินทางด้วย Mazda CX-5 เบอร์ 04 พร้อมผู้ร่วมเดินทางอีก 2 คน โดยระยะทางที่เราต้องขับในวันนี้กว่า 600 กม.มุ่งหน้าสู่เมืองทรอมโซ่ Tromso ช่วงแรกของการเดินทางจะรู้สึกแปลกกับการต้องมาขับรถพวงมาลัยซ้าย และต้องขับเลนขวาชิดขวาแซงซ้าย ซึ่งเส้นทางในนอร์เวย์จะเป็นถนนสองเลนสวนที่ทางค่อนข้างแคบ เวลาขับสวนกับรถบัสรถบรรทุกก็จะมีเสียวๆอยู่บ้าง แต่ต้องบอกว่าคนขับรถที่นี่จะรักษากฎจราจรอย่างเคร่งครัดไม่เหมือนบ้านเรา โดยเฉพาะตลอดทางจะมีกล้องจับความเร็วที่จะมีป้ายจำกัดความเร็วให้เราต้องใช้ความเร็วตามนั้น และช่วงที่เราเดินทางก็จะเจอกับฝนตกเกือบตลอดทาง แต่พวกเรามาแบบคาราวานมีรถนำพร้อมวิทยุสื่อสารคุยกันตลอดทางทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น





วันที่ 4 ออกเดินทางจากเมืองทรอมโซ่ Tromso มุ่งหน้าสู่เมืองลูเลีย Lulea ประเทศสวีเดน ระยะทางวันนี้กว่า 660 กม. ในการเดินทางในวันนี้ยังได้มีโอกาสผ่านเข้าพรมแดนประเทศฟินแลนด์ ซึ่งตลอดเส้นทางก็มีฝนตกสลับไปเกือบตลอดทาง และอุณหภูมิส่วนใหญ่ก็จะเป็นเลขตัวเดียว ซึ่ง Mazda CX-5 สเปกเดนมาร์ก ก็จะมีระบบอีทเตอร์ร่วมถึงระบบทำความร้อนที่พวงมาลัย และเบาะนั่งทั้งหน้าหลังที่สามารถปรับเลือกความอุ่นได้ ซึ่งก็ทำให้เราสามารถขับขี่รถในสภาพอากาศหนาวเย็นได้สะดวกสบายมากขึ้น

นอกจากนั้นกับระยะทางที่ค่อนข้างไกลและไม่สามารถใช้ความเร็วเกินกำหนดได้ ทำให้ต้องเดินทางถึงที่พักในช่วงค่ำ ซึ่ง Mazda CX-5 ก็จะมีระบบไฟสูงอัตโนมัติ ALH (Adaptive LED Headlight) ซึ่งสามารถเปิดไฟสูงค้างไว้โดยไม่ทำให้รบกวนสายตารถคันข้างหน้าหรือคันที่สวนมา ซึ่ง Mazda CX-5 บ้านเราก็มีออพชั่นนี้ ทำให้การขับขี่ช่วงค่ำคืนมีทัศนวิสัยชัดเจนและความปลอดภัย





วันที่ 5 ออกเดินทางจากเมืองลูเลีย Lulea ประเทศสวีเดน มุ่งหน้าสู่เมืองทรอนด์ไฮม์ Trondheim ประเทศนอร์เวย์ กับระยะทางกว่า 900 กม. ซึ่งเป็นวันที่มีระยะทางมากสุดของทริปนี้ ตลอดการเดินทางก็จะได้พบเจอกับวิวที่สวยงามของธรรมชาติ รวมถึงกวางเรนเดียร์ที่มีให้เห็นได้ตลอดเส้นทาง

การเดินทางด้วยระยะทางไกลๆแบบนี้ ทำให้ได้ทดลองใช้งานระบบ Mazda Radar Cruise Control (MRCC) ใน Mazda CX-5 ที่เราเพียงแค่ค่อยควบคุมพวงมาลัย ระบบจะรักษาระยะห่างและความเร็วตามที่เราตั้งไว้จากรถคันข้างหน้าทำให้การขับรถระยะทางไกลๆเป็นเรื่องง่ายไปในทันที




     




วันที่ 6 ออกเดินทางจากเมืองทรอนด์ไฮม์ Trondheim มุ่งหน้าสู่เมืองไลเเคงเกอร์ Leikanger กับระยะทาง 580 กม. ซึ่งในวันนี้ก็จะได้ขับผ่านเส้นทางที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งนั้นคือ Atlantic Road ถนนที่สวยที่สุดในโลก จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวลัดเลาะทะเลฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์ ระยะทางประมาณ 8 กม. เป็นถนนเเละสะพานที่เชื่อมข้ามเกาะแก่งที่มีความสวยงามตลอดเส้นทาง และในหน้ามรสุมหรือมีพายุก็จะมีความอันตรายจากคลื่นทะเลขนาดใหญ่ซัดเข้ามา แต่วันนี้คลื่นลมไม่แรงมากนักทำให้คณะเราได้แวะชมธรรมชาติกันแบบเต็มอิ่ม

และด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะแก่งมากมายทำให้การเดินทางหลายช่วงต้องผ่านเข้าอุโมงที่เจาะเชื่อมระหว่างเกาะต่างๆ รวมถึงบางช่วงก็ต้องอาศัยเรือเฟอรร์รี่ในการขนรถข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง

วันที่ 7 ออกเดินทางจากเมืองไลเเคงเกอร์ Leikanger มุ่งหน้าสู่เมืองเบอร์เก้น Bergen ระยะทาง 260 กม. เป็นวันที่อาจเดินทางไม่เยอะ แต่เราจะได้ไปล่องเรือชมความงามของฟยอร์ดที่เมือง Flam ซึ่งไกด์ได้บอกว่าช่วงเวลาที่เรามานั้นถือเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะหิมะยังไม่ตก จึงทำให้ได้เห็นน้ำตกที่เกิดจากการละลายของหิมะที่สวยงามตลอดการล่องเรือ




     



     




วันที่ 8 ออกเดินทางจากเมืองเบอร์เก้น Bergen สู่เมืองออสโล Oslo ระยะทาง 460 กม. การเดินทางวันนี้ถือว่าไม่ไกลนัก เส้นทางก็จะมีทางขึ้นลงเขา และในช่วงที่ต้องขับข้ามเขานี่เองที่พวกเราได้เจอกับสภาพอากาศที่พี่ไกด์บอกว่าไม่ค่อยเจอคือ หิมะตกหนัก ซึ่งจริงๆช่วงนี้เป็นน่าร้อน ซึ่งก็ถือเป็นความโชคดีของพวกเราอีกเช่นกัน

แต่ในช่วงที่ต้องขับฝ่าหิมะที่ตกลงมานั้น รถในขบวนของเรา 1 คัน เป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อ ทำให้การขับขี่บนพื้นผิวหิมะมีการลื่นไถล จึงต้องให้รถในขบวนที่เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาขับนำเพื่อเปิดทางให้ แต่ทั้งขบวนก็ต้องขับด้วยความเร็วต่ำมาก เพราะว่ายางที่เราใช้ไม่ได้เตรียมมาสำหรับขับขี่ในพื้นหิมะ และหิมะที่ตกมาไปเกาะกับเรดาร์เซ็นเซอร์ทำให้ระบบบางตัวไม่สามารถทำงานได้และมีไฟเตือนที่หน้าปัดจึงต้องขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งวันนี้ทำให้เราได้เห็นประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ต้องบอกเลยว่า บางทีมีไว้ไม่ได้ใช้ยังดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีครับ หลังจากนั้นก็เดินทางเข้าที่พักในเมืองออสโล Oslo เป็นจบทริปการเดินทางกับกิจกรรม Mazda passion drive to the new horizon เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับ Mazda CX-5




ขอบคุณ : ทีมงาน Mazda ที่ให้เกียรติเชิญและอำนวยความสะดวกทีมงาน Auto-Thailand มาร่วมทริปสุดยอดการเดินทางในครั้งนี้