auto-thailand.com
Mitsubishi Pajero Sport รถอเนกประสงค์ SUV จากมิตซูบิชิที่เผยโฉมมาพักใหญ่ มาวันนี้ก็ได้มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีการปรับรูปโฉมทั้งภายนอกภายใน รวมถึงเพิ่มออพชั่นต่างๆที่ควรมีกับรถในยุคปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในรถรุ่นนี้จะมีออพชั่นมากกว่า กับราคาบวกเพิ่มอีกเล็กน้อย รูปโฉมภายนอกของ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ ภาพรวมรวมไม่ต่างจากเดิมนัก แต่จะมีการออกแบบด้านหน้าใหม่แบบ Advanced Dynamic Shield เอกลักษณ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เช่นเดียวกับ Xpander กับ Triton ที่ปรับเปลี่ยนกันไปแล้ว ชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ และชุดไฟคอมบิเนชั่นที่ติดตั้งอยู่ด้านนอกของกันชนหน้า แบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วยส่วนบนสุดเป็นไฟเลี้ยว ตรงกลางเป็นไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว ส่วนล่างสุดเป็นไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ส่วนที่ด้านหลังนั้นไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่สั่นลงกว่าเดิม พร้อมออกแบบกันชนหลังให้รับกับไฟท้ายที่สั้นลงดูลงตัวมากกว่ารุ่นเดิม และยังมีเสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว ซึ่งส่วนตัวชอบล้ออัลลอยแบบเดิมมากกว่า อีกออพชั่นที่เพิ่มเข้ามาและจะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ประตูหลังไฟฟ้า ที่สามารถสั่งเปิดได้ด้วยการเตะที่บริเวณมุมกันชนหลังทั้งสองข้าง ซึ่งต่างจากรุ่นอื่นๆที่ต้องเตะไปบริเวณตรงกลางของกันชน โดยทีมงานมิตซูบิชิให้เหตุผลว่า ถ้าเราเตะที่ตรงกลางเวลาประตูไฟฟ้าเปิด เราต้องถอยหลังเพื่อหลบ แต่ถ้าเตะที่ด้านข้าง เวลาประตูเปิดก็จะไม่โดดเราแน่นอน ที่สำคัญยังมีระบบป้องกันเวลามีสิ่งกีดขวาง เช่นเรายังเก็บของหรืออยู่ในพื้นที่ที่ประตูจะปิดจะหยุดการทำงาน เหมือนแบบกระจกประตูข้างที่มีระบบ jam Protection ป้องกันการหนีบ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งงานเปิดปิดผ่านแอพพลิเคชั่น Mitsubishi Remote Control ได้อย่างสะดวกสบาย ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ ก็ได้รับการปรับใหม่หลายจุด เน้นให้ภายในกว้างขึ้น โดยออกแบบลดความหนาของบริเวณคนอโซลเกียร์ให้บางลง ทำให้เวลาใช้งานในการนั่งโดยสารช่วงหัวเข่าจะไม่เบียดกับคอนโซลมากนักเหมือนรุ่นก่อน รวมถึงความสะดวกสบายจากออพชั่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้วใหม่แสดงผลมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์และข้อมูลอื่นๆ ของตัวรถที่สามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอได้ 3 แบบ ดูทันสมัยสุดในกลุ่ม รองรับเมนูภาษาไทย สามารถเชื่อมต่อและแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA (Smartphone-link Display Audio) ขนาด 8 นิ้ว ที่บริเวณคอนโซลกลางได้โดยไม่ต้องละสายตาจากจอแสดงข้อมูลขับขี่ และผู้โดยสารตอนหลังยังติดตั้งจอภาพพร้อมรีโมทคอนโทรล ขนาด 12.1 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานรถ รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนผ่าน HDMI และ USB พร้อมสาย Dongle เพื่อรับสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือแสดงผลขึ้นที่หน้าจอในรถได้สะดวกง่ายดาย และที่ช่องวางตรงกลางยังมีช่องเสียบปลั๊กไฟบ้าน AC150W พร้อมช่อง USB อีก 2 ช่องสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ในด้านเครื่องยนต์ของ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร MIVEC VG Turbo Clean Diesel 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II ที่สามารถเลือกการขับขี่ได้ 4 โหมด ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H (4WD High-Range) ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-Range with Locked Transfer) และ โหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) นอกจากนี้ในโหมดออฟโรดยังสามารถเลือกได้อีก 4 รูปแบบ ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock รวมทั้งระบบล็อกเฟืองท้ายที่จะช่วยให้การขับขี่ผ่านอุปสรรคในเส้นทางออพโรดได้ง่ายยิ่งขึ้น ช่วงทดสอบ Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD กับทีมงาน Auto-Thailand กิจกรรมทดลองขับ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ ครั้งนี้ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ - หัวหิน - กรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นใจกลางเมืองย่านสาทร ด้วย Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD มีผู้ร่วมเดินทางอีก 2 คน เดินทางกันแบบฟรีรัน ซึ่งจุดพบแรกอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เริ่มออกเดินทางโดยทีมงาน Auto-Thailand เป็นผู้ขับขี่ก่อน สำหรับเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของรถยนต์ Mitsubishi ทั้งที่อยู่ใน Pajero Sport และ Triton รุ่นที่ผ่านมาที่เราได้เคยทดลองขับ ต้องบอกว่าค่อนข้างประทับใจในการขับขี่ ซึ่งแน่นอนสำหรับใน Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ รุ่นนี้ก็ยังคงเป็นชุดเดิม เน้นการปรับเปลี่ยนที่รูปโฉมภายนอก-ภายใน เพิ่มออพชั่นต่างๆ โดยเฉพาะใน Pajero Sport GT-Premium 4WD ใหม่รุ่นนี้ ถ้านำไปเทียบออพชั่นกับรุ่นเดิมจะเห็นว่ามีออพชั่นเพิ่มขึ้นมาหลายตัว แต่ราคาค่าตัวปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว ความรู้สึกในการทดลองขับ Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD ก็ต้องบอกตรงๆว่าไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก โดยเฉพาะเรื่องเครื่องยนต์ พละกำลัง กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่มีการตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง ช่วงออกตัวไม่ได้รวดเร็วทันใจ แต่ก็ทำได้น่าพอใจกว่ารุ่นอื่นๆที่ได้ลองมา แต่เมื่อใช้ความเร็วลอยตัวได้แล้วในการจะเร่งแซงก็เพียงแค่เติมคันเร่งลงไป หรือจะใช้แป้นแพดเดิลชิฟที่พวงมาลัย ซึ่งของมิตซูบิชิจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะติดตั้งอยู่ที่คอพวงมาลัยจะไม่หมดตามพวงมาลัย ซึ่งแรกๆที่เคยใช้ก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่พอใช้งานไปเรื่อยๆ ในเส้นทางที่ต้องหักเลี้ยวหรือใช้พวงมาลัยมากๆ ถึงได้เข้าใจว่าที่เขาออกแบบมาแบบนี้ เพื่อไม่ให้หลงทิศทางเมื่อพวงมาลัยไม่อยู่ในตำแหน่งตรง เราก็สามารถกดแป้นแพดเดิลชิฟบวกลบเพิ่มลดตำแหน่งเกียร์ได้อย่างถูกต้อง ช่วงแรกในการขับขี่ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางตรง Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD จะมีน้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างหนักอยู่แล้วในสไตล์รถเอสยูวี แต่จะมีความแม่นยำ คล่องตัวในการใช้งาน แต่อาจจะรู้สึกหนักไปสำหรับคุณผู้หญิง การขับขี่ในทางตรงระบช่วงล่างของ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ โฉมนี้จะมีการปรับเซตด้านหลังใหม่เล็กน้อย กับการที่รุ่นนี้จะไม่มียางอะไหล่ทำให้ด้านหลังเบาลง การขับขี่เลยรู้สึกถึงความนิ่งในช่วงที่ขับในทางโค้งทำได้เนียนมากขึ้น โดยช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แบบดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทรีลิงค์ ทอล์คอาร์ม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง เช่นเดิม การนั่งโดยสารค่อนข้างนุ่มนวลกับการขับขี่ใช้ความเร็วทั่วไป แต่โดยส่วนตัวถ้าใช้ความเร็วสูงก็อยากได้ความหนึบแน่นเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยก็จะให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีขึ้นไปอีก และสำหรับผู้โดยสารตอนหลังทั้งแถวที่ 2 และ 3 จะมีช่องแอร์ที่เพดานกระจายแรงลมได้อย่างทั่วถึงสู่แสงแดดกลางวันได้สบาย หลังจากถึงจุดนัดพบ จึงเดินทางเป็นขบวนเข้าไปห้วยคมกฤต อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งได้มีการขออนุญาตอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานค่อยดูแลตลอด ซึ่งสภาพเส้นทางในการเข้าไปยังจุดนี้ อาจจะไม่ได้โหดมาก แต่ก็ต้องเป็นรถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อก็จะสามารถเดินทางได้สะดวกกว่า โดยในช่วงเส้นทางที่เป็นทางโค้งขึ้นลงเข้าก็ได้ลองใช้โหมด 4H ในการขับขี่ซึ่งก็ให้การควบคุมที่มั่นใจมากขึ้น และที่สำคัญเมื่อเข้าใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในรถมิตซูบิชิจะรู้สึกได้เลยว่าน้ำหนักของพวงมาลัยจะมีความใกล้เคียงจากการใช้งานในโหมดปรกติที่โดยทั่วไปเวลาเข้าสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พวงมาลัยจะรู้สึกหนักขึ้นมากและวงเลี้ยวจะกว้างมากขึ้น โดยการขับเข้าไปยังเส้นทางออฟโรดช่วงนี้ เราใช้โหมด 4HLc ก็สามารถเคลื่อนตัวผ่านอุปสรรคได้แล้ว ซึ่งบางช่วงก็เจอกับฝนตกมาบ้าง รวมถึงต้องขับผ่านทางน้ำที่ไม่ลึกมากก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD ที่มีพละกำลังแรงบิดเพียงพอกับการพาตัวรถขนาดใหญ่ผ่านเส้นทางแบบนี้ได้ไม่ยากนัก ในบางช่วงที่ทางแคบหรือมีสิ่งกีดขวางที่อาจทำความเสียหายกับตัวรถเมื่อขับผ่าน Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD ก็มีกล้องมองภาพรอบทิศทางที่สามารถเป็นตัวช่วยในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี หลักจากนั้นในเที่ยวกลับออกจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เปลี่ยนมานั่งโดยสารบ้าง เส้นทางออฟโรดที่มีหลุมบ่อทางขุรขระ ระบบช่วงล่างของ Pajero Sport ก็ช่วยซับแรงกระแทกไปได้มากเลยทีเดียว เดินทางออกมามุ่งหน้าเข้าที่พัก เส้นทางถนนหลวงทั่วไปก็ให้ความนุ่มนวลพอประมาณ การนั่งที่เบาะนั่งด้านหน้ารู้สึกได้ถึงความกว้างขวางที่เพิ่มขึ้นจากการปรับความหนาของคอนโซลเกียร์ให้บางลง พื้นที่ช่วงขาเลยดูกว้างขึ้น ส่วนเบาะหลังนั้น นอกจากเบาะนั่งที่กว้างสบาย และมีช่องแอร์ในทุกตำแหน่งแล้ว และยังมีจอภาพขนาดใหญ่ที่เพดาน พร้อมเชื่อมต่อและนำข้อมูลจากสมาร์ทโฟนขึ้นไปแสดงที่จอภาพได้ เรียกว่าสามารถให้ความบันเทิงได้ทุกรูปแบบเท่าที่ความสามารถของสมาร์ทโฟนจะเชื่อมต่อได้ สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 3 การขึ้นลงก็ถือว่าค่อนข้างสะดวก การก้าวขึ้นลงอาจจะสูงไปบ้างกับความที่เป็นรถเอสยูวี เบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถนั่งได้เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่ตัวไม่ใหญ่นัก หรือถ้าจะให้นั่งสบายก็ต้องเป็นที่นั่งสำหรับเด็กเล็กจะดีกว่า เพราะตัวเบาะกว้างใช้ได้ แต่ต้องนั่งชันเข่าถ้าเดินทางไกลๆจะไม่ค่อยสะดวกสบายนัก ส่วนในช่วงขากลับจากหัวหินเข้ากรุงเทพฯ เรารับหน้าที่ขับมือเดียว ตลอดเส้นทางก็ขับขี่ได้สบาย และบางช่วงจะได้ยินเสียงเตือน ซึ่งตอนแรกก็สงสัยว่าเป็นสัญญาณเตือนอะไร จนได้คำตอบว่า ใน Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD จะมีการเตือนว่าเส้นทางข้างหน้าจะมีกล้องจับความเร็วอยู่ เท่าที่เราลองสังเกตดูก็จะตรงตามที่ระบบแจ้งเตือน ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เราเดินทางได้สะดวกไม่มีอะไรส่งไปที่บ้าน แต่ก็แนะนำว่าขับขี่ปลอดภัยใช้ความเร็วตามกำหนดจะดีกว่า อีกเรื่องที่สังเกตได้ก็คือ เรื่องอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD ก็ต้องบอกตรงๆว่าทำตัวเลขได้ประมาณ 12-13 กิโลลิตร ซึ่งก็ใกล้เคียงกับที่ทางมิตซูบิชิเคลมมา ก็ต้องบอกว่าเรื่องความประหยัดอาจจะไม่ใช้จุดเด่นของรถรุ่นนี้ แต่จะเป็นเรื่องสมรรถนะการขับขี่มากกว่า ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอก ภายใน และยังมาพร้อมออพชั่นต่างๆ ที่ใครหลายคนอยากได้ในรุ่นก่อนหน้าก็จัดมาเต็มๆในรุ่นนี้ ความโดดเด่นอยู่ที่การขับขี่และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ถึงแม้ในช่วงออกตัวจะยังไม่ทันใจนัก แต่หลังจากนั้นก็ตอบสนองได้น่าพอใจ เอาเป็นตัวรถราคา 1,599,000 บาท กับออพชั่นที่เพิ่มเข้ามา เมื่อเทียบส่วนต่างกับรุ่นก่อนหน้า ก็ต้องบอกว่ามีความคุ้มค่าน่าใช้เลยทีเดียวครับ กับ Mitsubishi Pajero Sport GT-Premium 4WD คันนี้