Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) รถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่มีจำหน่ายทั้ง 3 รูปแบบระบบขับเคลื่อน ได้แก่ ไฮบริด, ปลั๊กอิน ไฮบริด และอีวี โดยเป็นรถยนต์ที่มีมลพิษต่ำที่สุด นอกจากจะเป็นรถยนต์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย กับราคาค่าตัวที่ 1,749,000 บาท
VIDEO
ภายนอกของ Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ได้รับการออกแบบโดยเน้นที่ปัจจัยหลัก 2 อย่าง คือ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพ ทำให้มีบุคลิกของความเป็นรถยนต์แห่งอนาคต รูปทรงตัวรถเป็นแบบรถแฮ็ทช์แบ็กทรงสปอร์ต มาพร้อมเส้นสายที่พลิ้วไหว รวมถึงการออกแบบตัวถังส่วนต่างๆเช่น ช่องดักลมที่ล้อคู่หน้า, สปอยเลอร์ด้านหลัง, ดิฟฟิวเซอร์ ชายล่างประตูทั้งสี่บาน แผ่นปิดใต้ท้องรถ รวมถึงล้ออัลลอย ทั้งหมดนี้ ทำให้อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างสะดวกและลื่นไหลตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.24
Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ยังมีการออกแบบด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 12.6 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป
Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) เป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า กระจังหน้าถูกออกแบบในลักษณะปิดทึบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งานเพื่อการระบายความร้อนเครื่องยนต์ แต่ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์สะอาดตา ด้วยสีเทาเข้ม ไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED บริเวณชายกันชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งชายประตูทั้ง 4 บาน ถูกตกแต่งด้วยสีทองแดง ที่สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ภายในของ Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ออกแบบเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคต ด้วยแนวคิด ‘Purified High-Tech’ ที่เน้นถึงความเรียบง่าย ลื่นไหล แต่มีความปราณีต และใช้งานง่าย เน้นการใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่น้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบ ลื่น และให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์ วัสดุภายใน เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าหลังคาและพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย เพื่อช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสาร มีความบริสุทธิ์, สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อให้มีประกายของเม็ดสีที่สวยงาม, แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ผสมกับผงไม้และหินจากภูเขาไฟ แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงและคุณภาพที่ดี นอกจากนี้ บริเวณช่องแอร์, คอนโซลกลาง, พวงมาลัย และเบาะนั่ง ถูกตกแต่งด้วยสีส้มทองแดง ซึ่งเป็นสีที่เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถยนต์ ได้แรงบันดาลใจจากทองแดงที่อยู่ในคอนดักเตอร์ของระบบไฟฟ้า
เมื่อผู้ขับขี่ปลดล็อกรถด้วยระบบ Smart Entry ระบบ Welcome Function จะทำงาน ด้วยการสั่งให้ไฟหน้าและไฟท้ายส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะจอดรถในที่มืดหรือยามค่ำคืน และเมื่อผู้ขับขี่เปิดประตูรถ เบาะที่นั่งคนขับ จะปรับเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย เบาะที่นั่งคนขับ ปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังแบบไฟฟ้า (Lumbar Support) ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้าอีกด้วย
ห้องโดยสารของ Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) มีความกว้างขวางและสะดวกสบาย โดยเฉพาะที่นั่งของผู้โดยสารตอนหน้า มีความโปร่งและกว้างขวางเป็นพิเศษ เนื่องจากระบบเกียร์ ถูกออกแบบให้เป็นแบบปุ่มกด หรือ shift by wire ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ยังมีระบบเบรคมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold ที่ช่วยหยุดรถชั่วขณะในสภาพการจราจรติดขัด และระบบ wireless charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรีโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เพียงวางโทรศัพท์บริเวณช่องชาร์จด้านซ้ายของปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์
ระบบความบันเทิง สามารถควบคุมได้ผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 5 นิ้ว ที่สามารถเลือกฟังก์ชันเพื่อความบันเทิงได้ตามต้องการ เช่น ระบบวิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, ช่องต่อระบบ USB และ AUX
หน้าปัดมาตรวัดแสดงการทำงานของระบบต่างๆบริเวณคนขับ ด้วยหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว แบบ TFT ที่แสดงข้อมูลพื้นฐานต่างๆของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ระยะทางที่สามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง, ระดับพลังงานของแบตเตอรี่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆของตัวรถที่จำเป็น ซึ่งผู้ขับขี่ สามารถเลือกดูได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
หน้าปัดมาตรวัดยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ ตามรูปแบบการขับขี่ โดยผู้ขับขี่ สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ ผ่านปุ่ม Drive Mode บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal และ Sport
ในโหมด Eco หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ และแถบสีเขียวบริเวณตัวเลขความเร็ว พร้อมไฟแสดงสถานะโหมด Eco สีเขียว
ในโหมด Normal หน้าปัดจะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบอนาล็อก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ จากแถบสีเขียวในโหมด Eco จะถูกเปลี่ยนเป็นแถบสีเทา และไม่มีไฟแสดงสถานะโหมด Normal
ในโหมด Sport หน้าปัดจะถูกเปลี่ยนจากมาตรวัดความเร็ว เป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังการขับเคลื่อนของรถจาก 0 ถึง 100 เปอร์เซนต์ ในรูปแบบอนาล็อกพร้อมแถบสีแดง ตรงกลางจะแสดงความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอล ที่จะถูกไล่ลำดับขึ้นไปตามความเร็วของรถยนต์
ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์เป็นแบบ Dual Zone ที่เลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ควบคู่กับการลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ยังมีระบบปรับอากาศที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกให้ลม ออกจากช่องปรับอากาศเฉพาะผู้ขับขี่อย่างเดียวได้ เพียงกดปุ่ม Driver Only ที่บริเวณแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ เท่านี้ ก็จะช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) มาพร้อมการขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ single-speed ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 165 กม./ชม.
แบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนนั้น เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพการชาร์จไฟที่ดี และมีหน่วยความจำรอบการชาร์จไฟที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบนิกเกิล เมทัล ไฮดราย สำหรับใน Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) นั้น เป็นแบตเตอรี่ขนาด 28 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาที โดยประมาณ และการชาร์จไฟแบบ quick charge ที่กำลังการชาร์จไฟขนาด 50 kW จะใช้เวลา30 นาที และ 23 นาทีโดยประมาณ ด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 100 kW โดยแบตเตอรี่ถูกติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ที่สามารถบรรจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 650 ลิตร
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไอออนิค มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับระบบ regenerative braking system ที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่ม paddle shift บริเวณด้านหลังพวงมาลัย มีทั้งหมด 4 ระดับ โดยแต่ละระดับ จะเป็นระดับการนำพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่จากมากไปน้อย เพียงผู้ขับขี่กดปุ่ม paddle shift รถยนต์จะลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อให้ระบบ regenerative braking system ทำงาน และนำกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เพื่อช่วยให้มีระยะทางการวิ่งที่ยาวขึ้น
ระบบช่วงล่างของ Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ผลิตจากอลูมิเนียม ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน พร้อมระบบ ABS, EBD และ BA
ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วยระบบ Blind Spot Detection ที่จะทำหน้าที่ตรวจจับรถในจุดอับสายตาขณะขับขี่ โดยทำงานควบคู่กันกับระบบ Lane Change Assist ที่จะช่วยตรวจจับรถในเลนด้านข้างในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะเปลี่ยนเลน และยังทำงานร่วมกับระบบ Rear Cross Traffic Alert ในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะถอยรถออกจากที่จอดรถ ระบบจะตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือคนเดินเท้า หากมีวัตถุเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังรถ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ เพื่อความปลอดภัยขณะถอยรถ
นอกจากนี้ ยังมีระบบ Lane Departure Warning (LDW) โดยระบบ จะใช้กล้องที่อยู่บริเวณด้านบนตรงกลางของกระจกบังลมหน้า ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร หากรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ ให้นำรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิม ระบบ Lane Keeping Assist (LKA) ที่ใช้กล้องตัวเดียวกัน ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร เมื่อรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะสั่งการให้หักพวงมาลัยกลับมาในช่องจราจร และระบบ Smart Cruise Control (SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ โดยระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ที่อยู่บริเวณโลโก้บนกระจังหน้า ในการรักษาระดับความเร็วแบบแปรผัน ตามความเร็วของรถที่อยู่ด้านหน้า และผู้ขับขี่ ยังเลือกระดับการรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าได้อีกด้วย เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยขณะขับขี่
ระบบ Forward Collision Warning (FCW) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ หากผู้ขับขี่ ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป และถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ ไม่เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ และระบบ Autonomous Emergency Braking System (AEB) ที่จะช่วยเบรกรถอัตโนมัติ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในขณะที่รถกำลังเข้าใกล้รถคันข้างหน้า หรือในกรณีที่คนเดินถนนเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะกระชั้นชิด กล้องบริเวณด้านบนกระจกบังลมหน้า และเรดาร์บริเวณกระจังหน้า จะทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุและคนเดินถนน และจะสั่งการให้รถหยุดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ช่วงทดสอบ Hyundai Ioniq Electric รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%
กับทีมงาน Auto-Thailand
สำหรับการทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ครั้งนี้ทางฮุนไดต้องการให้ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้จริงและมีจำหน่ายแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าระยะทางและเวลาที่ใช้ในการทดลองขับจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็พอจะบอกได้ว่าสมรรถนะของ Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) นั้นใช้งานได้จริง เพียงแต่ว่าจะต้องวางแผนและจัดการเกี่ยวกับเรื่องการชาร์จไฟของตัวรถให้เหมาะกับระยะทางที่เราใช้งาน
ความรู้สึกในการทดลองขับ Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ก่อนเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่นั้นถือว่า รูปโฉมภายนอกถ้าไม่มีการติดสติกเกอร์ว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็ไม่มีใครรู้แน่ เพราะหน้าตาก็จะเหมือนรถยนต์ทั่วไป ไม่ได้ล้ำสมัยรูปร่างอวกาศจนเกินไป
ส่วนภายในนั้น ห้องโดยสารก็มีความกว้างขวาง วัสดุที่ใช้สัมผัสได้ถึงคุณภาพงานประกอบ ตรงนี้น่าจะเป็นความโชคดีของบ้านเราที่ได้รถในสเปกยุโรปแบบออพชั่นเต็มมา ซึ่งออพชั่นบางตัวก็อาจจะไม่ได้ใช้งานก็เป็นไปได้
เริ่มออกตัวก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งได้ตามเท้าแบบไม่มีการรอรอบ ถึงแม้จะไม่ได้ดึงกันแบบหลังติดเบาะนัก แต่ก็ให้พละกำลังเทียบได้กับรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินทั่วไปขนาด 2,000 ซีซี.กันเลย การขับขี่ควบคุมพวงมาลัยก็ให้ความมั่นใจทั้งในความเร็วต่ำก็จะเบาสบาย และเมื่อใช้ความเร็วสูงพวงมาลัยก็สามารถปรับให้มีความหนักแน่นมั่นใจในการขับขี่
อีกเรื่องที่ค่อนข้างประทับใจในสมรรถนะของ Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ก็คือเรื่องของระบบช่วงล่างที่ปรับเซตมานุ่มหนึบ นั่งสบายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบเบรกที่สามารถชลอหยุดขับขี่แล้วมีความมั่นใจได้
โดย Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ยังมีระบบ regenerative braking system ที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่ม paddle shift บริเวณด้านหลังพวงมาลัย มีทั้งหมด 4 ระดับ ซึ่งจากที่ได้ทำลองใช้นั้น นอกจากช่วยในการนำกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่แล้ว ยังทำหน้าที่คล้ายกับเอนจิ้นเบรกไปในตัวทำให้การขับลงทางลาดชันทำได้มั่นใจมากขึ้นด้วย
ในช่วงที่ขับขี่บนทางด่วน ทางทีมงานฮุนไดได้ให้ทดลองใช้งานระบบ Smart Cruise Control (SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ซึ่งสามาถตั้งความเร็วและระยะห่าง รวมถึงชลอเบรกเพื่อรักษาระยะห่าง หรือเบรกจนรถหยุดได้ไม่ต่างกับเราขับเอง โดยเท่าที่สังเกตระบบนี้จะทำงานจับรถคันหน้าได้ในมุมกว้าง แม้ว่ารถคันหน้าจะเบี่ยงออกจากเลน ระบบก็ยังสามารถทำงานได้ปกติยังไม่หลุดจากการทำงาน รวมถึงเมื่อมีรถยนต์คันอื่นมาแทรกกลางก็สามารถตรวจจับและทำงานรักษาระยะและความเร็วได้อย่างเรียบเนียน
ส่วนในเรื่องการชาร์จไฟนั้น Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) จะใช้หัวชาร์จแบบ Type 2 ที่สามารถชาร์จไฟได้ทั้งแบบปกติและแบบชาร์จเร็ว ซึ่งตรงนี้ผู้ใช้งานก็ต้องมีการวางแผนให้ดี เพราะว่าถึงแม้ว่าจะเคลมระยะทางใช้งานได้สูงสุดที่ 280 กม. แต่ถ้าเจอกับสภาพการจราจรติดขัดหนาแน่น หรือขับใช้ความเร็วสูง ระยะทางที่วิ่งได้ก็จะไม่ถึง 280 กม. ซึ่งถ้าพื้นที่ใช้งานนั้นมีจุดชาร์จเร็วก็ไม่ใช้ปัญหา แต่ถ้าเป็นจุดชาร์จแบบปกติก็จะต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟนานกว่า ซึ่งอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าถ้าวางแผนการใช้งานและหาจุดชาร์จได้ลงตัว Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิก อิเล็กทริก) ก็พาหนะที่น่าเปลี่ยนมาใช้งานกันอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ทั้งพละกำลังการขับขี่ที่ดี และยังปล่อยมลพิษต่ำอีกด้วย