บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรม “Porsche Taycan Driving Experience 2020” โดยเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมสปอร์ตไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ 100% รุ่นแรกอย่าง ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) โดยมีผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ สำหรับ Porsche Taycan ที่ทางเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส นำเข้ามามีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ Porsche Taycan Turbo S, Porsche Taycan Turbo, Porsche Taycan 4S ซึ่งในวันนี้เราจะได้ทดลองขับ 2 รุ่นคือ Porsche Taycan Turbo และ Porsche Taycan 4S Porsche Taycan 4S รถสปอร์ตซาลูน 4 ประตู ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ สามารถให้พละกำลังสูงสุด 530 แรงม้า ในโหมด Overboost แรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบตเตอรี่มีความจุ 79.2 kWh สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ได้ถึง 260 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 4 วินาที และสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 320-407 กม. ต่อการชาร์จ ราคาเริ่มต้น 7.1 ล้านบาท Porsche Taycan Turbo สามารถให้พละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ในโหมด Overboost แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบตเตอรี่มีความจุ 93.4 kWh สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ได้ถึง 260 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 3.2 วินาที 0-200 ภายในเวลา 10.6 วินาที และสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 370-450 กม. ต่อการชาร์จ ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท สำหรับระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ Porsche Taycan สามารถรองรับได้ 2 รูปแบบ คือ กระแสตรง DC กรณีชาร์จไฟจาก 5%-80% ใช้เวลาประมาณ 22.5 นาที ซึ่งต้องชาร์จกับตู้ที่ศูนย์บริการ ส่วนในแบบกระแสสลับ AC ที่สามารถชาร์จได้จากบ้านพักด้วยไฟ 3 Phase จาก 0%-100% ใช้เวลาประมาณ 9 ชม. โดย Porsche Taycan 4S และ Porsche Taycan Turbo มีมิติตัวรถที่แทบจะเท่ากัน ต่างกันแค่ความสูง ความกว้างของล้อหน้า-หลัง และน้ำหนักที่รุ่น Taycan Turbo จะหนักกว่าเล็กน้อย ภายในยังคงเอกลักษณ์สปอร์ตหรูแบบปอร์เช่ วัสดุงานประกอบเรียบร้อยดูดี เน้นความสะดวกสบายด้วยการสั่งงานต่างๆด้วยระบบสัมผัสใช้งานง่าย เบาะนั่งกระชับนั่งสบายไม่ต่างจากปอร์เช่รุ่นอื่นๆ เบาะหลังก็มีความกว้างขวางแบบ 4 คนนั่งสบาย นอกจากความแรงที่ต่างกันของ 2 รุ่น ก็คือ ระบบเบรกใน Taycan Turbo จะมาพร้อมเบรกหน้า 10 พอร์ต เบรกหลัง 6 พอร์ต ส่วน Taycan 4S เบรกหน้า 6 พอร์ต เบรกหลัง 4 พอร์ต การทดลองขับในครั้งนี้จัดที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ โดยแบ่งเป็น 3 สถานีหลัก คือ สถานี Handling การทดสอบบังคับควบคุมรถ ซึ่งจะทดสอบการทรงตัวและการตอบสนองอย่างฉับไว ของพวงมาลัย เมื่อขับขี่ด้ววยความเร็วสูง ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงอาการของรถเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางหรือการ เลี้ยวอย่างรวดเร็ว ในสถานีนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ ของการยึดเกาะถนน และระบบช่วงล่าง ของรถยนต์ปอร์เช่เมื่อขับขี่ ในโหมด ที่เปิดการตั้งค่า Porsche Active Suspension Management (PASM) ได้เป็นอย่างดี สถานี Braking สร้างความมั่นใจและปลอดภัย ได้ทุกสถานการณ์ด้วยระบบเบรกมาตรฐานจากปอร์เช่ซึ่งได้รับ การยอมรับว่าเป็นระบบเบรคที่ดีที่สุดในโลก โดยผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำวิธีการใช้เบรกในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการ เบรกกะทันหันอย่างถูกต้องและปลอดภัย สถานี Slalom ทดสอบความแม่นยำ ความรวดเร็วในการตอบสนองของช่วงล่าง จากระบบอัจฉริยะของปอร์เช่ อาทิ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง Rear axle steering และระบบควบคุมตัวถัง Porsche 4D Chassis Control เริ่มการทดสอบด้วยการนั่งดูไลน์สนามกับ Instructor ไปกับ Taycan 4S ก็ต้องบอกเลยว่าการนั่งโดยสารไม่ได้แต่ต่างจากรถซีดาน 4 ประตู แต่เมื่อผู้ขับขี่เริ่มเหยียบคันเร่งออกตัวก็เริ่มรับรู้ถึงแรงดึงในช่วงออกตัวที่รวดเร็วแบบไม่รอรอบสามารถพาตัวรถน้ำหนัก 2 ตันกับผู้โดยสาร 4 คนพุ่งไปข้างหน้าแบบสบายๆ รวมถึงความรู้สึกที่นั่งโดยสารในทางโค้ง หรือต้องที่ผู้ขับขี่ผ่านทางสลาลอมตัวรถก็ยังค่อนข้างนิ่ง หลังจากนั่งดูไลน์สนามแล้วก็ได้เปลี่ยนมาทดลองขับ Porsche Taycan 4S เริ่มด้วยสถานีแรก Braking ออกตัวจากหยุดนิ่งด้วยโหมด Sport+ ความรู้สึกคือเหมือนรถกระโดดออกพุ่งไปข้างหน้าทันทีที่กระทืบคันเร่ง เท่าที่สังเกตความเร็วก่อนถึงจุดเบรกเกิน 100 กม./ชม. กับระยะทางตรงสั้นๆ กับผู้โดยสาร 4 คน เรียกว่าเร็วมาก และรู้สึกได้ถึงแรง G ที่คนธรรมดาอย่างเราจะไม่ชิน ตอนเบรกหยุดรถก็ทำได้มั่นใจ ตัวรถนิ่งๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่า ระบบเบรกของปอร์เช่นั้นทำได้ดีเลยเอาอยู่ได้ทุกความเร็วที่รถทำได้ สถานีที่สอง Handling เป็นการขับไปในเส้นทางที่การวางไพล่อนดักไว้ มีหลบซ้ายขวาเป็นช่วงๆ ซึ่งต้องบกเลยว่า Porsche Taycan 4S นอกจากอัตราเร่งจะดีแล้ว ในช่วงที่ขับทางโค้ง หลบซ้ายขวา ทำได้อย่างคล่องตัว ช่วงล่างหนึบนุ่ม พวงมาลัยคุมง่าย สามารถขับหลบหลีกซ้ายขวาได้มั่นใจ พละกำลังมีมาให้ทันทีที่เหยียบเติมคันเร่ง รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของปอร์เช่ที่เกาะหนึบได้ตลอดการขับขี่ สถานีสุดท้าย Slalom ออกตัวขับพยายามขับหลบหลีกไพล่อนให้ชิดและเป็นเส้นตรงมากที่สุด ก็จะพบว่า Porsche Taycan 4S ให้ความคล่องตัว พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี แม่นยำ เมื่อรวมกับช่วงล่างที่หนึบแน่นทำให้ตัวรถผ่านไพล่อนไปได้แบบเนียนๆ เป็นอันจบรอบการทดลองขับ Taycan 4S สลับรถมาทดลองขับ Porsche Taycan Turbo กันบ้าง ต้องเลยว่ารูปโฉมรวมๆแล้วไม่ได้แตกต่างจาก Taycan 4S นัก จะมีจุดที่สะดุดตาจากเบรกหน้าหลังขนาดใหญ่ไว้สำหรับรองรับความแรงที่มากกว่า ด้วยพละกำลัง 680 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 3.2 วินาที เริ่มสถานีแรก Braking กับ Porsche Taycan Turbo เริ่มออกตัว เหยียบคันเร่งจมเช่นเดิม ตัวรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมแรง G มหาศาลจนทำให้เวียนหัวเวียนหน้ากันเลยทีเดียว เรียกว่าขับ Taycan 4S ว่าเร็วแรงแล้ว มาเจอพละกำลังของ Taycan Turbo นี่เร็วแรงกว่ารู้สึกได้ชัดเจนเลย ช่วงที่เบรกก็ยังหยุดสนิทมั่นใจกับเบรกหน้า 10 พอร์ต เบรกหลัง 6 พอร์ต พร้อมระบบช่วยต่างๆของปอร์เช่ที่จัดมาเต็มๆ สถานีที่สอง Handling ด้วยพละกำลังที่แรงกว่า ทำให้การขับขี่ทำได้สนุกคล่องตัว โดยเฉพาะช่วงทางโค้งและหักหลบซ้ายขวาจะรู้สึกได้เลยว่าตัวรถค่อนข้างนิ่งกว่า Taycan 4S รวมถึงการควบคุมความแรงก็ยังขับขี่ง่ายๆเช่นเดิม และเมื่อไปต่อที่สถานีสุดท้าย Slalom ยิ่งสัมผัสได้ถึงความนิ่งของช่วงล่างของ Taycan Turbo ที่ทำได้นิ่งกว่า เรียกได้ว่านอกจากจะเร็วแรงกว่าแล้วยังนิ่งกว่าอีกด้วย ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ หลังจากได้ทดลองขับทั้ง Taycan 4S และ Taycan Turbo ต้องยอมรับเลยความ Taycan Turbo มีความแรงกว่า ช่วงล่างนิ่งกว่า แต่ราคาค่าตัวก็แรงกว่าเช่นกัน เริ่มต้นที่ 9.9 ล้าน ในขณะที่ Taycan 4S จะมีความแรงอัตราเร่งที่ไม่เท่ากับ Taycan Turbo แต่เชื่อเถอะครั้งว่าแรงเร็วในระดับแถวหน้าซูปเปอร์คาร์เลยทีเดียว เพียงพอเหลือกับอัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 4 วินาที แถมราคาจ่ายน้อยกว่า เริ่มต้นที่ 7.1 ล้าน ก็สามารถสัมผัสความแรงความสนุกในการขับขี่ได้ เอาเป็นว่าชอบแบบไหนเลือกได้ตามงบเลยครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนกับ Porsche Taycan รถสปอร์ตซีดานพลังไฟฟ้ารุ่นแรกจากปอร์เช่...