ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาศร่วมกิจกรรมทดลองขับ Chevrolet Captiva ใหม่ ในเส้นทางกรุงเทพฯ - ชะอำ ซึ่งในเที่ยวขาไปได้ทดลองขับ Chevrolet Captiva 1.5 LS รุ่นเริ่มต้น (ราคา 999,000 บาท) ส่วนขากลับ ได้ทดลองขับ Chevrolet Captiva 1.5 Premier รุ่นท็อป (ราคา 1,199,000 บาท) โดยรถทั้งสองรุ่นมีราคาต่างกัน 2 แสนบาท
ส่วนต่าง 2 แสนบาทของรุ่น LS และ Premier รูปโฉมภายนอกจะคล้ายกัน ในรุ่น Premier ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ LED หน่วงเวลาปิด ส่วนรุ่น LS จะเป็นโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน หน่วงเวลาปิด และยังมีไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน แบบ LED (LED Daytime Running Lights) พร้อมไฟตัดหมอกหน้า
ส่วนเมื่อมามองที่ด้านข้างรุ่น Premier จะมาพร้อมล้ออัลลอยแบบสปอร์ตทูโทนขนาด 17 นิ้ว ส่วนในรุ่น LS จะเป็นล้ออัลลอยสีบรอนซ์ขนาด 17 นิ้วเช่นกัน
Chevrolet Captiva 1.5 LS
Chevrolet Captiva 1.5 Premier
ภายในห้องโดยสารวัสดุหุ้มเบาะนั่งรุ่น Premier จะเป็นหนังสังเคราะห์สีชาโคลให้ความรู้สึกหรูหรา และรุ่น LS จะเป็นผ้ายีนส์ขอบดำ ส่วนที่บริเวณคอนโซลกลางจะมีหน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10.4 นิ้วมาให้ทั้งคู่ แต่ในรุ่น Premier จะมีระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ที่สามารถปรับความแรงลมได้ด้วย และยังมีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
ส่วนในช่วงที่เปลี่ยนมาเป็นผู้ขับขี่ Chevrolet Captiva 1.5 Premier ตัวเบาะคนขับก็ยังนั่งไม่กระชับเช่นเดิม แต่เพิ่มความสะดวกในการปรับเบาะด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยในรุ่นนี้จะมีกล้อง 360 องศามาเป็นตัวช่วยในการขับขี่หรือถอยจอดให้ได้ง่ายดายมากขึ้น
ส่วนความรู้สึกในการขับขี่ก็เหมือนกันกับรุ่น LS อัตราเร่งในช่วงออกตัวค่อนข้างอืด แต่พอขับที่ความเร็วคงทีก็ถือว่าใช้ได้ โดยรุ่น Premier จะมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบธรรมดา แต่ยังไม่สามารถรักษาระยะห่างและความเร็วจากคันหน้าได้ และระบบช่วยขับขี่บางตัวที่ควรมีในรถระดับราคาเกินล้านบาทก็ยังขาดหายไปอีกพอควร ในขณะที่คู่แข่งจัดมาเต็ม