บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง จัดกิจกรรม “เอเอ็มจี ไดรฟ์วิ่ง อะคาเดมี” (AMG Driving Academy) การฝึกอบรมขับขี่รถยนต์สมรรถนะสูงครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ โดยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพจากเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ดีกรีแชมป์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตรายการระดับโลก และมร. เบิร์น ชไนเดอร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี นักแข่งรถสัญชาติเยอรมัน เจ้าของตำแหน่งแชมป์ DTM ห้าสมัย และแชมป์สองสมัยจากสนามนูร์เบอร์กริงสุดโหด ร่วมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด พร้อมสัมผัสสมรรถนะรถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์แรงภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ครบทั้งพอร์ตโฟลิโอรวม 14 รุ่น โดยมีรถยนต์รุ่นไฮไลท์ Mercedes-AMG C 63 S Coupe โฉมใหม่มาให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์





“กิจกรรม AMG Driving Academy คือการทดสอบการขับขี่ที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมทุกท่านได้ปลดล็อคขีดจำกัดของตัวเอง พร้อมสัมผัสประสบการณ์อันทรงพลังจากการขับขี่ยนตกรรมสมรรถนะสูง ด้วยการเสริมทักษะการขับขี่ 6 สถานี  โดยทีมผู้ฝึกสอนจากเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีมาร่วมสอนเทคนิค และให้คำแนะนำต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก มร. เบิร์น ชไนเดอร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ดีกรีนักแข่งมอเตอร์สปอร์ตชาวเยอรมัน เจ้าของตำแหน่งแชมป์การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแห่งเยอรมนีห้าสมัย และแชมป์สองสมัยจากสนามนูร์เบอร์กริงสุดโหดระดับตำนานที่จะมาร่วมพูดคุย และให้คำแนะนำตลอดกิจกรรม





สำหรับรถที่ใช้ในกิจกรรมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการรวมตัวของรถยนต์  Mercedes-AMG ที่มากที่สุดเท่าที่เราได้เคยสัมผัสมา รวม 14 รุ่น ทั้งรุ่นที่ประกอบในประเทศ และนำเข้า ได้แก่ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe รถสปอร์ต 4 ประตูตระกูล AMG GT และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รถยนต์นั่ง 4 ประตูในสไตล์เอเอ็มจี พร้อมด้วย Mercedes-AMG GT C Roadster, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+, Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupe, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG C 43 4MATIC, Mercedes-AMG SLC 43 รวมถึง Mercedes-AMG C 63 S Coupe ยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้โฉมใหม่ 




     


สถานีที่ 1: Brake & Lane Change

เป็นการทดสอบการควบคุมเบรกฉุกเฉิน และทดสอบความเร็วในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของตัวผู้ขับขี่เอง โดยผู้ทดสอบจะได้ทดสอบระบบความปลอดภัย ESP และไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light) ซึ่งผู้ทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. และเมื่อเห็นสัญญาณไฟกระพริบจากทางซ้ายหรือขวา ผู้เข้าร่วมทดสอบต้องเหยียบเบรกและหักเลี้ยวตามทิศทางของสัญญาณไฟ

โดยได้รถทดสอบเป็น Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ที่มีพละกำลังติดตัวมากว่า 367 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร รอบแรกใช้ความเร็ว 90 กม./ชม. รอบสองใช้ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบสามใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. จากการได้ทดลองขับในสถานีนี้ การเบรกรถที่ความเร็วต่างๆนี้จากจุดเบรกเดียวกัน จะมีระยะเบรกที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงยังได้ฝึกการตัดสินใจในเวลาที่ต้องหักหลบสิ่งกีดขวางในเวลาฉุกเฉินจากการที่ต้องเลือกหักเลี้ยวไปยังช่องสัญญาณไฟให้ถูกต้อง ซึ่งต้องบอกเลยว่า ถึงแม้ Mercedes-AMG GLC 43 จะมีความสูงกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป แต่ในช่วงที่ต้องเบรกหนักและหักหลบสิ่งกีดขวางสามารถทำได้อย่างง่ายดาย อาการของตัวรถสามารถควบคุมได้ในทิศทางที่เราเลือกไป




     


สถานีที่ 2: Car Control

เป็นการทดสอบความสามารถในการควบคุมรถของผู้ทดสอบ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง โดยรถที่ใช้ทดสอบคือ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe และ Mercedes-AMG C 43 4MATIC ที่มีการหุ้มล้อหลังด้วยปลอกพลาสติกเพื่อลดการยึดเกาะถนนจำลองเหตุการณ์ถนนลื่น โดยผู้เข้าทดสอบจะได้ลองฝึกทักษะการควบคุมรถในโหมดระบบความปลอดภัย ESP ที่แตกต่างกัน ทั้งเปิด ปิด และในโหมด Sport

ความรู้สึกในการทดลองขับในสถานีนี้ ได้สัมผัสถึงการลื่นไถลแบบยากที่จะควบคุมเมื่อตัวรถถูกปิดระบบ ESP ซึ่งเมื่อขับด้วยความเร็วไม่มากตัวรถก็พร้อมลื่นไถล โดยเฉพาะช่วงเลี้ยว แต่ในขณะที่เมื่อเปิดระบบ ESP การขับขี่จะสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งเป็นการจำลองในการใช้งานจริงเมื่อต้องเจอกับพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น รถที่มีระบบพวกนี้ก็จะสามารถให้ความปลอดภัยในการขับขี่มากกว่า




     


สถานีที่ 3: Drag Race

เป็นสถานีที่เปิดโอกาสให้ผู้ทดสอบทุกท่านได้สัมผัสถึงสมรรถนะความแรงของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีได้อย่างเต็มที่ ด้วยการจำลองการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต พร้อมฝึกทักษะการตอบสนองของผู้ทดสอบ โดยรถทั้งสองคันจะถูกปล่อยตัวพร้อมกันเมื่อสัญญาณไฟแดงดับลง และผู้ทดสอบจะต้องเบรกเมื่อถึงจุดที่กำหนดไว้ ผู้ที่สามารถหยุดรถให้อยู่ในจุดที่กำหนดได้จะถือว่าชนะการแข่งขัน

ในสถานีนี้จะใช้ช่วงทางตรงหน้า Grand Stand ของสนามช้างฯ โดยปล่อยตัวเป็นคู่กดทำความเร็วไปยังเส้นชัยที่จะมีไพล่อนวางไว้ที่ต้องเบรกจอดหยุดในช่องที่กำหนดไว้ด้วย แล้ววนกลับมาสลับรถรุ่นอื่น  โดยรถที่ได้ทดลองขับก็จะมี Mercedes-AMG C 63 S Coupe, Mercedes-AMG GT C Roadster และ Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ เป็นต้น





สถานีที่ 4: Cornering Exercise

เป็นการทดสอบการเข้าโค้ง โดยจะใช้พื้นที่โค้งในสนามที่มีความกว้างแตกต่างกันไป ทำให้ผู้ทดสอบสามารถฝึกทักษะที่จำเป็นในการขับขี่ ได้แก่ การเบรก การบังคับทิศทางรถ และการมองเห็นได้อย่างเต็มที่ โดยผู้ฝึกสอนจะเป็นผู้นำขบวน ทำให้ผู้ทดสอบได้ฝึกการขับขี่ในเส้นทางการแข่งรถจริงๆพร้อมทั้งยังได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ของนักแข่งรถอีกด้วย

ในสถานีนี้จะใช้โค้งที่ 7-11 ของสนามช้างฯในการขับทดสอบ โดยจะมีรถนำให้ขับตามในความเร็วที่ทั้งขบวนตามกันทัน และเมื่อครบรอบก็จะมีให้สลับรถเพื่อให้ได้ทดลองขับ Mercedes-AMG รุ่นอื่นๆอีกด้วย





สถานีที่ 5: Lead & Follow

ในสถานีนี้ รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีจะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งรถในแต่ละกลุ่มจะมีลักษณะและสมรรถนะที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้ผู้ทดสอบได้ฝึกทักษะการขับขี่แบบนักแข่งรถตามเส้นทางการแข่งรถของจริง พร้อมทั้งสัมผัสสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเต็มรูปแบบ

โดยใช้พื้นที่สนามเต็มรอบสนามช้างฯ ขับเป็นขบวนตามรถนำ ขบวนจะไปเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับรถนำที่มองว่ารถในขบวนนั้นขับวิ่งตามกันไม่หลุดขบวน รถนำก็จะเพิ่มความเร็ว แต่ละรุ่นที่ได้ทดลองขับจะประมาณ 3 รอบสนามช้างฯ แล้วเข้าพิตไปเปลี่ยนสลับรุ่นรถ ซึ่งก็ทำให้ได้สัมผัสสมรรถนะของ Mercedes-AMG ทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่างที่ให้การขับขี่สนุก การตอบสนองทำได้ทันใจ




     




สถานีที่ 6: Auto-X Practice & Competition

คือการจำลองการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ที่ผู้ทดสอบจะได้ใช้ทักษะการควบคุมรถ และการขับขี่ของผู้ทดสอบแต่ละคน พร้อมเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจให้ผู้ทดสอบทุกคนด้วยการจับเวลาการแข่งขัน ผู้ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ

ในสถานีนี้จะใช้รถ Mercedes-AMG A 45 4MATIC ในการขับทดสอบและจับเวลา โดยจะให้ได้ทดลองวิ่งดูไลน์ของสนามก่อนหนึ่งรอบ แล้วขับจริงพร้อมจับเวลา ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ของ Mercedes-AMG A 45 4MATIC กับขนาดตัวรถเล็ก จึงได้ความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งก็ต้องใช้การมองเส้นทางล่วงหน้าเพื่อไม่ให้หลงไลน์สนามที่วางไว้ รวมถึงการเดินคันเร่งที่เหมาะสมก็จะสามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นแบบไม่ยากนัก





ไฮไลต์ปิดท้ายสุดพิเศษ จากการที่ทีมงาน Auto-Thailand ทำเวลาได้เร็วสุดในกลุ่มในสถานีที่ 6: Auto-X Practice & Competition จึงได้มีโอกาศในการนั่งรถ Mercedes-AMG ไปกับมร. เบิร์น ชไนเดอร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ดีกรีนักแข่งมอเตอร์สปอร์ตชาวเยอรมัน ซึ่งก็เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าประทับใจในกิจกรรมครั้งนี้