auto-thailand.com
หลังจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ไปเมื่อไม่นานมานี้ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากการที่เป็นรถที่ได้รับการออกแบบพัฒนาขึ้นใหม่หมดทั้งคัน ทั้งยังชูจุดเด่นในเรื่องสมรรถนะหลายจุดว่าดีกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ทดลองขับรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) คันจริงในรูปแบบต่างๆ ครั้งนี้ทางทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบสมรรถนะของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) กันที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยการทดสอบครั้งนี้ค่ายโตโยต้าจัดเต็มทั้งรูปแบบการทดสอบรวมถึงจำนวนรถที่มีให้ได้ทดลองขับแบบครบถ้วนกับคณะสื่อมวลชนสายยานยนต์กว่า 80 ท่าน สำหรับรูปแบบในการทดสอบรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ในวันแรกจะมีการทดลองขับขี่แบ่งเป็น 3 สถานี โดยแบ่งคณะสื่อมวลชนสายยานยนต์ออกเป็น 3 กลุ่ม สลับผลัดเปลี่ยนหมุนกันไปทดสอบในสถานีต่างๆจนครบทั้ง 3 สถานี ส่วนในวันที่สองของการทดสอบรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) จะเป็นการขับแบบคาราวาน โดยใช้เส้นทางบุรีรัมย์ – กรุงเทพฯ (โรงแรมโนโวเทล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ช่วงทดสอบรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) กับทีมงาน Auto-Thailand หลังจากเดินทางถึงสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มต้นด้วยการรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) และแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อแยกออกไปยังสถานีทดสอบทั้ง 3 สถานี ทีมงาน Auto-Thailand เริ่มการทดสอบรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ที่สถานี Off Road TestDrive โดยมีการเซตพื้นที่ด้านหลังของสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์วิบาก มีการทำเนินดินสูง เส้นทางโคลน ขับลงแอ่งน้ำ รวมถึงพื้นที่เอียงทั้งซ้ายและขวา เรียกว่าครั้งนี้ได้ทดสอบการขับขี่แบบออฟโรดกันเลยทีเดียว สำหรับรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ที่ใช้ในการทดสอบในสถานีนี้นั้นเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทุกคัน มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา ในแบบรุ่น 4 ประตู รุ่น Smart Cab และรุ่นหัวเดียว โดยรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ที่ทีมงาน Auto-Thailand ได้ทดลองขับขี่ในสถานีนี้นั้นคือรุ่น 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ Top สุด เริ่มต้นการทดลองขับขี่ โดยใช้โหมด 4H เกียร์ D เคลื่อนตัวไปในทางตรงในสภาพมีโคลนด้วยการแตะเลี้ยงคันเร่งเบา ในจุดนี้ก็ได้สัมผัสถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่ 1GD-FTV 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3400 รอบ แรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 1600-2400 รอบ การเคลื่อนตัวผ่านเส้นทางโคลนตามการบอกไลน์ของทีมงานโตโยต้าทำได้อย่างง่ายดาย แรงบิดที่มีแบบเหลือๆรวมกับการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของโตโยต้าสามารถผ่านทั้งแอ่งน้ำที่ทำจำลองไว้ที่ถือว่ามีความลึกพอสมควรกับรถสภาพเดิมๆ ยางเดิมจากโรงงาน ส่วนในช่วงที่ต้องขับผ่านเส้นทางเอียงทั้งซ้าย-ขวานั้นถือว่าการควบคุมตัวรถและพละกำลังเครื่องยนต์ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ โดยความรู้สึกในช่วงการขับขี่ในเส้นทางออฟโรดนี้ถือว่าพวงมาลัยนั้นให้การตอบสนองค่อนข้างดี แม้แต่ต้องขับผ่านท่อนไม้ที่วางเรียงไว้ก็สามารถผ่านไปอย่างสบายๆ เมื่อขับขี่มาถึงเนินดินสูงลูกที่หนึ่งจะเป็นการให้ทดลองได้ใช้งานระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start assist control) เมื่อต้องออกตัวบนทางลื่นและลาดชันระบบจะเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4 อัตโนมัติ เพื่อป้องกันลื่นไถลลงเนินชัน (จะทำงานนานประมาณ 3 – 4 วินาที) ในจังหวะที่ผู้ขับขี่ถอนเท้าจากแป้นเบรกไปเหยียบคันเร่ง ทำให้ตัวรถไม่ถอยหลังลงเนินสูง เราจึงสามารถขับขี่ไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น และเมื่อขับขึ้นไปถึงกลางเนินสูงก็จะทำการทดลองขับขี่ในโหมด 4L และกดปุ่มระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) โดยปุ่มจะอยู่ที่คอนโซลกลางใต้ตำแหน่งปุ่มปรับระบบปรับอากาศ เมื่อต้องขับเคลื่อนลงเนินชัน ระบบจะควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องแตะเบรก ช่วยให้เคลื่อนที่ลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ลองคิดตามง่ายๆ คือเหมือนเราจอดรถบนที่สูงแล้วปล่อยไหลลงมา ตัวรถก็จะเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว แต่ถ้าใช้งานระบบ DAC ระบบจะทำให้ตัวรถเคลื่อนตัวลงเนินชันด้วยความเร็วที่ช้าลงสม่ำเสมออย่างนิ่มนวล ขับขี่ต่อมาจะพบกับเนินดินสูงลูกที่สอง ตรงจุดนี้จะให้ได้ทดสอบพละกำลังแรงบิดของเครื่องยนต์ 1GD-FTV โดยขับขึ้นไปจอดในบนเนินชันแล้วเหยียบเบรกไว้ เมื่อปล่อยเบรกระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC จะทำงานหลังจากนั้น เท้าไม่ต้องแตะแป้นใดเลย แต่ตัวรถจะไม่ถอยหลังลงจากเนินชัน เพราะจะใช้พละกำลังแรงบิดส่งกำลังไม่ให้ตัวรถถอยลง เมื่อต้องการขับขึ้นเนินต่อไปก็เพียงแค่เติมคันเร่งก็สามารถขับขึ้นเนินชันได้ เสร็จการทดสอบในสถานี Off Road TestDrive ต้องยอมรับเลยว่าพละกำลังแรงบิดจากเครื่องยนต์บล็อกใหม่นี้ รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถตอบสนองการใช้งานในสภาพเส้นทางออฟโรดได้น่าประทับใจ อีกจุดหนึ่งที่ต้องขอชมเลยก็คือ ระบบช่วงล่างของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) รุ่น 4 ประตู สามารถให้ความนิ่มนวลและการทรงตัวที่น่าพอใจ หลังจากนั้นทีมงาน Auto-Thailand ได้เปลี่ยนไปยังสถานีที่สอง REVO Technical Clinique โดยจะเป็นการบรรยายข้อมูลการออกแบบ และการทำงานของระบบต่างๆในรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ที่เรียกว่านอกจากจะได้รับการออกแบบใหม่หมดแล้ว ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถยนต์หรูของค่าย อาทิ ระบบปรับการขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าที่นำมาจากโตโยต้า พราโด้ เครื่องยนต์รหัส GD คอมอนเรล เจนเนอร์เรชั่นใหม่ที่ให้การทำงานในรอบกว้างสามารถเรียกพละกำลังออกมาใช้งานได้ทุกสภาพการขับขี่ ระบบช่วงล่าง จุดยึดต่างๆ ระบบแหนบได้รับการออกแบบใหม่ เฟืองท้ายใหม่ที่ออกแบบระบบดิฟล็อกไว้ภายในเลยทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เป็นต้น สถานีที่สาม Circuit Test Drive เป็นการทดลองขับขี่รถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) รุ่นพรีรันเนอร์ Smart Cab 2.8G เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร 1GD-FTV (High) เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3400 รอบ แรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 1400-2600 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีด ที่จะมีการเพิ่มรอบมารอในจังหวะที่มีการลดตำแหน่งเกียร์ และเพิ่มตำแหน่งเกียร์ เพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง การทดสอบในสถานีนี้จะใช้เส้นทางในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ แบบเต็มรอบ ด้วยการวางไพล่อนในตำแหน่งต่างๆดักไว้ เริ่มออกตัวจาก Pit Lane หน้าแกรนด์สแตน ใช้ความเร็ว 60 กม./ชม. ขับตรงไปจะพบกับกลุ่มไพล่อนที่วางดักไว้ให้ทำสลาล่อมด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.เช่นกัน หลังจากนั้นเร่งทำความเร็ว 100 กม./ชม. พอถึงจุดเบรกต้องชะลอและลดเกียร์ลงให้ความเร็วเหลือ 60 กม./ชม. เข้าโค้งตามแนวไพล่อน ออกจากโค้งเร่งทำความเร็วในช่วงทางตรง เมื่อถึงจุดเบรกต้องชลอความเร็วเหลือ 100 กม./ชม. เพื่อเข้าโค้งไฮสปีดโดยใช้ความเร็วตามกำหนด ขับขี่ต่อมาตามเส้นทางผ่านโค้งซ้ายขวาตรงมาจะพบกับไพล่อนวางดักไว้เพื่อให้ขับขี่แบบเปลี่ยนเลนกระทันหันด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ทางตรงหน้าแกรนด์สแตนเป็นอันจบรอบที่หนึ่ง ส่วนรอบต่อมาจะเป็นการขับขี่โดยใช้โหมด Power ที่สามารถให้อัตราเร่งที่ดีขึ้นแบบรู้สึกได้ รอบนี้จะขับขี่ในเส้นทางเดิม เพียงแต่ไม่ต้องเขาจุดไพล่อนสลาล่อมวิ่งทำความเร็วผ่านไปเลย เรียกว่าในสถานีนี้ทำให้ได้สัมผัสสมรรถนะของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ทั้งด้านพละกำลังจากเครื่องยนต์เมื่อขับขี่ในเส้นทางเรียบปรกติ สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้รวดเร็วทันใจทุกครั้งที่เรียกใช้งาน ยิ่งในช่วงที่ขับขี่โดยโหมด Power ก็สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้รวดเร็วขึ้นไปอีก ตรงนี้เรียกว่าพอขับขี่ด้วยโหมด Power แล้วไม่ยากกลับไปใช้โหมด Eco เลย (โหมด Eco และโหมด Power เป็นอุปกรณ์มาตราฐานในทุกรุ่น) โดยในการขับขี่ทดสอบในสนามนั้นจะได้ปรับเปลี่ยนเกียร์บ่อย รถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) โฉมนี้ออกแบบคันเกียร์ใหม่มีขนาดสั้นลงจากรุ่นก่อนๆ แต่ยังมีช่วงการปรับเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์ที่ค่อนข้างจะห่างไปสักนิด ถ้าออกแบบให้ชิดกว่านิดจะขับขี่ได้ดีขึ้น ด้านสมรรถนะของระบบช่วงล่างของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ถือการออกแบบใหม่นั้นสามารถขับขี่ได้ดีกว่าเดิมในวีโก้ชัดเจน การบังคับควบคุมพวงมาลัยนั้นค่อนข้างแม่นยำ น้ำหนักของพวงมาลัยหนืดมือกำลังดีทำให้การขับขี่ด้วยความเร็วทำได้มั่นใจขึ้น ส่วนเรื่องการทรงตัวในช่วงทางโค้งนั้น ถือว่าทำได้น่าพอใจ แต่ก็จะมีอาการบ้างเป็นธรรมดาของรถกระบะเมื่อใช้ความเร็วสูงในการเข้าโค้ง แต่ก็ต้องบอกว่าดีกว่าเดิมอีกเช่นกัน มาถึงความรู้สึกกับระบบเบรกของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ถือว่าได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมมาก เรียกว่าน่าจะลบภาพเก่าๆของเรื่องระบบเบรกที่ไม่ค่อยมั่นใจนักในรถกระบะโตโยต้ารุ่นที่ผ่านมาได้อย่างน่าพอใจ จนอาจจะดีกว่าคู่แข่งเสียด้วยซ้ำ... อีกความประทับใจในการทดลองขับรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ก็คือ ในช่วงท้ายหลังจากจบการทดสอบทีมงาน Auto-Thailand ได้รับเกียรติเป็นพิเศษจากนักขับฝีมือระดับโลกอย่างพี่วัว ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ ขับขี่ให้ได้นั่งสัมผัสความรู้สึกแบบนักแข่งมืออาชีพ เรียกว่าประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ...เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ในการทดสอบวันแรก เริ่มต้นวันที่สองของการทดสอบ ถือเป็นจังหวะที่ดีอีกครั้ง...จากการขับขี่ทดสอบในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เราได้ขับขี่รถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) รุ่น 4 ประตู ในรูปแบบเส้นทางออฟโรด และรุ่น Smart Cab พรีรันเนอร์ ในรูปแบบ Circuit Test Drive โดยในวันนี้รูปแบบจะเป็นการขับขี่ใช้งานในเส้นทางจากบุรีรัมย์ – กรุงเทพฯ (โรงแรมโนโวเทล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) โดยทีมงาน Auto-Thailand ได้รถทดสอบเป็นรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) Smart Cab 2.4E ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร 2GD-FTV เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3400 รอบ แรงบิด 343 นิวตันเมตร ที่ 1400-2800 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และมีผู้ร่วมทดสอบอีก 1 ท่านสลับผลัดเปลี่ยนกันขับขี่ การทดสอบขับขี่ในช่วงแรก เริ่มออกตัวกันที่โรงแรม Alvarez จ.บุรีรัมย์ ทีมงาน Auto-Thailand ขอนั่งเป็นผู้โดยสารก่อน ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) Smart Cab 2.4E ถือเป็นรุ่นรองจากตัว Top ในแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (ตัวเตี้ย) ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ให้ความหรูในแบบรถยนต์เก๋ง ตกแต่งด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสมราคา ที่คอนโซลกลางติดตั้งเครื่องเสียง CD พร้อม USB (ในรุ่นนี้ตำแหน่งของ USB จะอยู่ตรงการจอเครื่องเสียง ถ้ามีการต่อหรือชาร์ตอุปกรณ์ต่างๆ สายก็จะไปเกะกะในเวลาช่วงที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ ตรงนี้น่าจะย้ายไปติดตั้งในตำแหน่งอื่นที่ใช้งานสะดวกกว่านี้) พร้อมลำโพง 4 ตัว (2 ตัวที่ประตู และ 2 ตัวที่ Cab) ที่ให้คุณภาพเสียงใช้ได้เลยทีเดียว ปุ่มปรับแอร์เป็นแบบหมุน และที่บริเวณคอนโซลเกียร์จะมีปุ่มโหมด Eco และโหมด Power มาให้ใช้งาน เบาะนั่งแบบผ้านั่งสบาย ในส่วนพื้นที่ Cab ก็มีความกว้างขวางพอควร โดยมาตรฐานจากโรงงานจะไม่มีเบาะมาให้ต้องไปติดตั้งกันเอง ความรู้สึกในการนั่งโดยสาร ถือว่ารถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) Smart Cab 2.4E ให้อัตราเร่งที่ดีถึงแม้จะเป็นเครื่องแค่ 2400 ซีซี. แต่สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ทุกครั้งที่ผู้ขับขี่เติมคันเร่ง สมรรถนะช่วงล่างในเส้นทางเรียบแบบลาดยางถือว่าทำได้นิ่มนวลขึ้นกว่ารถกระบะทั่วไป แต่เมื่อเจอสภาพเส้นทางที่พื้นผิวถนนไม่เรียบก็จะมีอาการดีดที่ด้านท้ายบ้าง ตรงนี้เรียกว่าเป็นอาการธรรมชาติของรถประเภทนี้ที่เน้นการใช้งานบรรทุกอยู่แล้ว ถ้าได้น้ำหนักบรรทุกที่กระบะหลังสัก 1-2 ร้อยกิโลก็จะขับขี่ใช้งานได้อย่างดีขึ้น หลังจากถึงจุดแวะพักรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านสวนเมืองพร ทีมงาน Auto-Thailand จึงเปลี่ยนมาเป็นผู้ขับขี่ทดสอบมุ่งหน้าสู่โรงแรม โนโวเทล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แรกสัมผัสกับการเป็นผู้ขับขี่นั้นเบาะนั่งให้ความสบายพอตัว ตำแหน่งการนั่งที่สูงทำให้มองเห็นทัศนวิสัยได้รอบด้าน พวงมาลัยในรุ่นนี้เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมระบบเครื่องเสียงได้ ระบบเกียร์เป็นแบบธรรมดา 5 สปีด ไม่มีระบบ iMT เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์รถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) Smart Cab 2.4E จะต้องเหยียบคลัตซ์ก่อนทุกครั้งถึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ถือเป็นระบบความปลอดภัยอีกรูปแบบหนึ่ง เคลื่อนตัวออกสู่เส้นทางถนนมิตรภาพก็สามารถสัมผัสพละกำลังจากเครื่องยนต์ 2GD-FTV ได้แบบง่ายดายจากแรงบิดที่มีมาให้ใช้กันตั้งแต่รอบต่ำๆ ระหว่างการขับขี่นั้นรู้สึกถึงการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่ให้น้ำหนักหนืดมือดี การขับขี่ด้วยความเร็วทำได้อย่างมั่นใจ ระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบใหม่ตัวนี้ถือว่าทำได้น่าพอใจจากเดิมมาก ทั้งในการขับขี่ทั้งทางตรง ทางโค้ง โดยเฉพาะเมื่อใช้โหมด Power ในการขับขี่สามารถเรียกพละกำลังออกมาใช้งานได้แบบทันใจ ขับสนุกขึ้นอีกด้วย เรียกว่าตลอดเส้นทางสามารถเติมคันเร่งเรียกพละกำลังได้ทันที่แทบไม่ต้องเชนลดเกียร์ช่วย อีกจุดหนึ่งทีต้องขอชมคือ การปรับปรุงเรื่องระบบเบรกของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) น้ำหนักแป้นเบรกนุ่มเท้าเวลาเหยียบแป้นจะรู้สึกได้ถึงการการชลอความเร็วให้อารมณ์เหมือนกับขับขี่รถยนต์ ที่ให้ความมั่นใจทุกครั้งถึงแม้จะขับขี่มาด้วยความเร็วสูงก็ยังไว้ใจได้ สำหรับด้านอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) Smart Cab 2.4E ที่ตลอดเส้นทางเดินทางทดสอบเราใช้ความเร็วเกือบตลอดเส้นทาง เรียกว่าหลายๆช่วงก็มีทั้งการเร่งแซงทำความเร็วบางช่วงอยู่ที่ 160 กม./ชม. แต่เมื่อเข้าสู้ถนนวงแหวนก็จะใช้ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. เมื่อเดินทางถึงจุดหมายที่โรงแรม โนโวเทล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตัวเลขเฉลี่ยที่ได้อยู่ที่ 13.1 กม./ลิตร ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจอยู่เหมือนกัน ถ้าขับขี่กันแบบปรกติทั่วไปก็สามารถทำตัวเลขได้ดีกว่านี้แน่นอน ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ รถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) ได้รับการออกแบบปรับปรุงพัฒนาจุดด้อยในรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบช่วงล่าง ระบบเบรกที่มีสมรรถนะที่ดีขึ้นชัดเจน รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลบล็อก GD เทคโนโลยีล่าสุดที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่น่าประทับใจ ออพชั่นการตกแต่งภายในครบๆ เหลือแต่เพียงรูปโฉมภายนอกที่หลายคนต่างลงความเห็นว่ายังไม่ค่อยโดนใจนัก เรียกว่าของแบบนี้ต้องไปทดลองขับด้วยตัวเองรับรองว่าจะตัดสินใจเลือกจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้นนะครับ...กับรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Toyota Hilux Revo 2015) คันนี้....
ดูพวกคนในแวดวงยานยนต์ เพี้ยน เลือกรถเกาะถนนน้อย ซดน้ำมัน แล้วโกหกว่าเกาะถนน ประหยัดน้ำมัน
รถเกาะถนนน้อย ทำให้เกิดท้ายปัด ลืนไถล่ ซดน้ำมัน ถาวรในทุกยี่ห้อ มีรูปแบบดังนี้
1. ฐานล้อหลังกว้างกว่าฐานล้อหน้า
2. ฐานล้อหน้าเท่ากับฐานล้อหน้า
3 ฐานล้อหน้ากว้างกว่าฐานล้อหลังต่ำกว่า 10 มม. ใน RWD, AWD
จาก
คลังข้อมูลทดสอบสมรรถณะของทุกยี่ห้อ
คัดลอกโดย ทวีชัย ว่องวรพรรณ