Auto-Thailand : บริษัท Porsche AG ประเทศเยอรมนี และผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรม Porsche World Roadshow 2013 ณ สนามพีระเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานทดสอบการขับรถยนต์ปอร์เช่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี กิจกรรมภายในงานจะได้สัมผัสกับสุดยอดแห่งยนตรกรรมสปอร์ตรถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่นมากมายหลายสิบคัน โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ประเทศเยอรมนีที่คอยให้คำแนะนำการขับรถอย่างถูกต้องปลอดภัย ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาศในการร่วมกิจกรรม Porsche World Roadshow 2013 ครั้งนี้ ที่ถือว่าไม่ง่ายหนักที่จะได้มาขับทดสอบรถสปอร์ตหรูราคาแพงกันในสนามแข่งพีระเซอร์กิต เรียกว่าแทบจะทุกรุ่นที่มีขายในบ้านเราโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย สำหรับกิจกรรม Porsche World Roadshow 2013 แบ่งการทดสอบเป็น 3 สถานี เริ่มช่วงเช้าที่สถานีแรก Handling จะเน้นเทคนิคการควบคุมรถปอร์เช่ ให้การขับขี่เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนในช่วงบ่ายจะเป็นสถานี Slalom เพื่อทดสอบสมรรถนะในการทรงตัวของรถปอร์เช่ และสถานี Braking การทดสอบประสิทธิภาพของเบรกและแนะนำวิธีการเบรกอย่างปลอดภัย ซึ่งผู้ขับขี่จะได้ทดสอบรถอย่างเต็มที่บนสนามแข่ง สำหรับไฮไลต์ในงานนี้ทางบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ยังได้เผยโฉม Porsche Cayman S เจเนอเรชั่นที่ 3 ใหม่ล่าสุด ทีแรกเริ่มทีมงาน Auto-Thailand คิดว่าจะไม่มีให้ทดสอบขับ แต่เมื่อลง track ทดสอบในสนามก็มีจอดรอให้ได้สัมผัสกัน และได้มีโอกาสได้ขับด้วย โดยจอดรวมอยู่ในฝูงสปอร์ตหรูที่มีทั้งหมด 6 คัน ซึ่งกว่าจะขับครบทุกคันประมาณ 12 รอบสนาม เรียกว่าขับกันคันละสองรอบสนาม อยากบอกว่าเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายที่ได้มาสัมผัสรถสปอร์ตหรูพร้อมๆกันแบบครบรุ่น เริ่มความสัมผัสความมันส์กับ Porsche 911 Carrera ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 3.4 ลิตร 350 แรงม้า ที่สามารถให้อัตราเร่งออกทะยานพุ่งไปได้แบบไม่ยากเย็นหนัก และเมื่อทีมงาน Auto-Thailand ได้เปลี่ยนมาทดสอบ Porsche 911 Carrera S ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร 400 แรงม้า ก็สามารถรับรู้ถึงอัตราเร่งที่รวดเร็วจากเดิมไปอีก โดยเฉพาะในช่วงทางตรงลองกดคันเร่งแบบเต็มๆ ตัวรถสามารถพุ่งขึ้นได้รวดเร็ว ที่สำคัญระบบช่วงล่างก็ถูกเซตมารองรับความแรงได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับ Porsche 911 Carrera GTS ที่มีแรงมาเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ก็ยังคงให้ความสนุกในการขับขี่เช่นเดิม หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาศมาทดสอบขับในรุ่น Porsche Cayman S ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 320 แรงม้า ที่มีตัวรถต่ำกว่าและเบาขึ้น ที่สำคัญฐานล้อขยายให้กว้างขึ้นและล้อมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ขับขี่ได้อย่างสนุก เพียงแค่แตะคันเร่งรอบเครื่องยนต์ก็พาตัวรถพุ่งไปข้างหน้า การทำความเร็วเป็นไปอย่างรวดเร็ว การเข้าโค้งด้วยความเร็วเป็นไปอย่างมั่นใจ เกาะหนึบกับพื้น track การบังคับควบคุบพวงมาลัยกระชับและแม่นยำในทุกโค้ง แม้จะใช้ความเร็วสูงตัวรถก็สามารถรักษาสมดุลย์ได้อย่างดี เปลี่ยนอารมณ์บางกับการสัมผัสสมรรถนะ Porsche Panamera รถสปอร์ตแกรนทัวริสโม่ และ Porsche Cayenne รถในสไตล์เอสยูวี จำนวน 5 คัน โดยให้ได้ทดสอบขับคันละ 2 รอบและสลับขับจนครบทุกคัน เรียกว่าได้ขับกันแบบเต็มที่ โดยใน Porsche Panamera 4 จะเป็นรถนั่งที่มีขนาดใหญ่นั่งสบาย การทำความเร็วสามารถตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง จากพละกำลัง 4.8 ลิตร 400 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตัน เมื่อรวมกับสมรรถนะของระบบช่วงล่างที่ให้การตอบสนองดี แม้ใช้ความเร็วสูงก็ยังให้ความมั่นใจ เรียกว่าอาการปัดเป๋ไม่มีให้ได้เห็นกันเลย มาต่อกันที่ Porsche Panamera S รุ่นนี้จะให้การขับขี่ที่สนุกมากกว่า Porsche Panamera 4 ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ จากเครื่องยนต์ V8 4.8 ลิตร 550 แรงม้า แรงบิดที่ 750 นิวตันในรอบต่ำ เรียกว่าทุกครั้งที่กระแทกคันเร่ง ตัวถังขนาดใหญ่ของ Porsche Panamera S ก็พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว และไม่ใช่ว่าจะมีดีที่ทางตรงเพียงอย่างเดียว ในทางโค้งก็สามารถทำความเร็วและให้การเกาะโค้งได้อย่างมั่นใจ ขณะเดียวกันเมื่อทีมงาน Auto-Thailand ได้เปลี่ยนมาขับ Porsche Cayenne GTS เครื่องยนต์ 4.8 ลิตร 420 แรงม้า ก็สามารถเรียกสมรรถนะเครื่องยนต์ได้อย่างทันใจ ระบบเกียร์ทำงานได้อย่างราบรื่น แต่ถ้านำไปเทียบกับ Porsche Panamera ในช่วงเข้าโค้งจะด้อยกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีอาการยวบอยู่บ้างเวลาเข้าโค้งแรง ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจาก Porsche Cayenne จะเป็นรถที่ออกแนวอเนกประสงค์ตัวถังจะสูงกว่าสมรรถนะในโค้งอาจด้อยกว่าเป็นธรรมดา มาถึงสถานี Slalom เพื่อทดสอบสมรรถนะในการทรงตัวของรถปอร์เช่ และสถานี Braking การทดสอบประสิทธิภาพของเบรก ที่ข้ามฝั่งมาทดสอบกันในสนามโกคาร์ท ซึ่งในสถานี Slalom จะใช้รถ Porsche Boxster S ในการทดสอบ โดย Instructor จะให้ออกตัวแบบเต็มที่ แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องทำ Slalom ก็ให้หักหลบไพล่อนที่ตั้งเอาไว้ ความเร็วที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 50 กม./ชม. ซึ่งพวงมาลัยสามารถตอบสนองการเลี้ยวหักหลบได้อย่างดี เพียงแค่หมุนพวงมาลัยเพียงเล็กน้อย ให้ความคล่องตัวในการขับขี่บวกกับพละกำลังจากเครื่องยนต์ที่สามารถส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่องรวดเร็ว สถานี Braking ใช้รถ Porsche 911 Carrera S โดยใช้ความยาวทางตรงของสนามโกคาร์ทประมาณ 60 เมตรเป็นที่ทดสอบ เริ่มออกตัวจากหยุดนิ่งกดคันเร่งกันแบบหลังติดเบาะ ระยะทางวิ่งประมาณ 50 เมตร ความเร็วอยู่ที่ 110 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที เมื่อถึงจุดเบรก Instructor ให้กระทืบเบรก (ตามที่ Instructor แนะนำคือ การเบรกต้องใช้น้ำหนักประมาณ 40-50 กก.) และหักพวงมาลัยเพียงเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกไพล่อนที่วางกั้นไว้ ซึ่งสามารถเลี้ยวหลบหลีกได้อย่างนุ่มนวล โดยรถไม่เสียอาการและหยุดนิ่งในระยะทางไม่ถึง 3 เมตร ช่วง Demo Laps ช่วงนี้เป็นการขับโดย Instructor ของ Porsche ทั้งหมด 4 ท่าน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด โดยใช้รถ Porsche Carrera Cabriolet 2 คัน, Porsche Boxster 1 คัน และ Porsche Panamera GTS 1 คัน ซึ่งจริงๆ แล้วให้จับฉลากให้นั่งคนละ 1 คันแล้วแต่ว่าจะได้นั่งคันไหน แต่ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาศนั่งครบทั้ง 4 คัน ในรอบนี้ขอบอกว่ามันส์สุดๆ การขับของ Instructor แต่ละคนสุดยอดจริงๆ โดยรถทั้ง 4 คันขับตามกัน โดยขับแบบเต็มที่เต็มเท้ากันเลยทีเดียว เว้นระยะห่างกันประมาณ 30 – 40 เมตร เริ่มจากทางตรงอัดแบบเต็มที่ก่อนสุดทางตรงเป็นโค้งซ้ายทำท่าเหมือนจะไม่เบรค แต่พอใกล้โค้งก็กระทืบเบรค และหักพวกมาลัยซ้ายและขวาในทันที ผลที่ได้ คือ รถ Drift ควันโขมงครับ (ไม่มีเบรคมือเข้ามาเกี่ยวข้อง) ขอบอกว่าใจกระเด็นออกนอกรถไปติดกำแพงยางตรงโค้งไปแล้ว เพราะคิดว่าจะไม่เบรคกับความเร็วที่มาประมาณ 180 กม. / ชม. เห็นจะได้ พอออกโค้งซ้ายไปได้รถก็ยยังคง Drift อยู่ และ Drift ต่อเนื่องไปจนเข้าโค้งขวาอีกรอบ พอหยุดโค้งนี้ไปได้ซึ่งเป็นทางตรงประมาณ 100 เมตรก็เหยียบคันเร่งแบบเต็มที่ก่อนที่จะเข้าโค้งขวาอีกรอบ โดยทุกโค้ง Instructor จัด Drift ทุกโค้ง ซึ่งการเข้าโค้งในทุกโค้งใช้ความเร็วสูงมาก เป็นการโชว์ประสิทธิภาพสมรรถนะของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และระบบเบรค ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยากจะหาได้กับการนั่งรถแบบนี้ ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ กิจกรรม Porsche World Roadshow 2013 ทำให้เราได้สัมผัสถึงสมรรถนะของ Porsche หลังจากเคยสงสัยว่าทำไมพวกที่ขับ Porsche ถึงได้ขับแบบที่ใช้ความเร็วสูงๆ และขับแบบมุดๆ เปลี่ยนเลนกระทันหันได้ พอได้ขับด้วยตัวเองถึงได้รู้ว่าประสิทธิภาพของทั้งเครื่องยนต์, ตัวรถ, ระบบเบรค และพวงมาลัยของ Porsche ทุกอย่างทำงานแบบสัมพันธ์กันหมด เครื่องที่เร่งได้อย่างทันใจ ระบบเบรคที่เบรคได้อย่างมั่นใจ และพวงมาลัยที่สามารถควบคุมทิศทางได้อย่างแม่นยำเพียงแค่หมุนพวงมาลัยเพียงเล็กน้อย อยากบอกว่าประสบการณ์ครั้งนี้ยากจะลืมเลยจริงๆ...ครับ