ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงาน “ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo Driving Experience 2018” โดยร่วมทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมซาลูน 4 ประตูรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายปอร์เช่ ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) เป็นอีกที่สุดของการออกแบบด้วยรูปแบบที่นั่ง 4+1 พร้อมด้วยความอเนกประสงค์ โดดเด่นด้วยฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่ที่เวลาเปิดใช้งานจะดูเหมือนกับรถแบบ 5 ประตูมากกว่า โดยด้านเบาะหลังสามารถพับเก็บและเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อีกมากเลยทีเดียว
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) มีความยาวตัวถัง 5,049 มิลลิเมตร สูง 1,428 มิลลิเมตร ความกว้างตัวถัง 1,937 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร โดยมีล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตราฐาน นอกจากนี้ยังติดตั้งหลังคาพาโนรามิค ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ปอร์เช่เคยมีมา พื้นที่ด้านหน้าของแผ่นกระจกที่ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน สามารถยกตัวหรือเปิดออกจนสุดได้ แผงบังแดดแบบเลื่อนตำแหน่งได้อย่างอิสระ 2 ส่วน และที่บริเวณฝากระโปรงท้ายที่บรรจบกับแนวหลังคา คือจุดติดตั้งชุดสปอยเลอร์หลังคาอัตโนมัติทำหน้าที่ลดแรงต้านทานของอากาศในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 170 ก.ม./ช.ม. โดยสามารถช่วยลดอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงได้ และเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วที่สูงกว่านั้น สปอยเลอร์จะทำหน้าที่เพิ่มแรงกดให้แก่ตัวถังด้านท้ายช่วยในการทรงตัวได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องโดยสารของพานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต ส่วนเบาะหลังก็สามารถนั่งได้อย่างสบาย โดยแยกอิสระ 2 ตำแหน่ง และจะมีคอนโซลกลางเชื่อมยาวมาจากด้านหน้า และมีหน้าจอสำหรับควบคุมสั่งงานอุปกรณ์ต่างๆได้เองจากด้านหลัง
พานาเมร่า 4 E-Hybrid สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo ติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัว Porsche Active Suspension Management (PASM) ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตราฐาน ด้วยหลักการทำงานของระบบควบคุมโช้คอัพอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมตอบสนองการขับขี่ทุกรูปแบบจากกระบวนการปรับค่าความหนืดของโช๊คอัพอย่างอิสระในแต่ละล้อตามค่าตัวแปรต่างๆ ทั้งนี้ระบบ PASM ในปอร์เช่ พานาเมร่า สปอร์ตทัวริสโม่ ใหม่ (The new Porsche Panamera Sport Turismo) ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบา เพิ่มอัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว รองรับขอบเขตของการใช้งานครอบคลุมทั้งในแง่ของความนุ่มนวลและความหนึบแน่น พร้อมรูปแบบการทำงาน 3 ลักษณะให้เลือกใช้ ได้แก่ Normal, Sport และ Sport Plus ขั้นตอนการทำงานของ PASM เริ่มต้นด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างเร่งเครื่องยนต์ เบรกเข้าโค้งด้วยความเร็ว หรือเดินทางบนถนนขรุขระ PASM จะส่งสัญญาณที่จำเป็นไปยังระบบควบคุมกลาง Porsche 4D Chassis Control ซึ่งจะทำหน้าที่วิเคราะห์และประมวลเงื่อนไขการขับขี่ในสภาวะปัจจุบันและสั่งการปรับค่าความหนืดของโช๊คอัพตามรูปแบบการขับขี่ที่เลือกใช้งาน ระบบควบคุมกลางอันชาญฉลาดของ 4D Chassis Control จะรวบสัญญาณการตรวจจับและค่าตัวแปรที่ได้รับจากอุปกรณ์อื่นในระบบตัวถังและประสานการทำงานให้สัมพันธ์กัน ผลลัพธ์คือ การบังคับควบคุมที่หนักแน่นมั่นคงเปี่ยมสมรรถนะพร้อมความนุ่มนวลสะดวกสบาย PASM สามารถทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างแบบถุงลม adaptive air suspension ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ด้วยค่าความหนืดของโช๊คอัพที่สามารถปรับได้ละเอียดมากขึ้น




พานาเมร่า 4 E-Hybrid สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) มาพร้อมเครื่องยนต์ เบนซิน V6 ทวินเทอร์โบ 2,894 ซีซี ให้กำลัง 330 แรงม้า ที่ 5,250-6,500 รอบ แรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,750-5,000 รอบ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 136 แรงม้า ที่ 2,800 รอบ แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 100-2,300 รอบ โดยเมื่อรวมทั้ง 2 ระบบสามารถให้กำลังสูงสุด 462 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ แรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,000-4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ
โดยใน พานาเมร่า 4 E-Hybrid สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo ยังได้รับการเพิ่มเติมโหมดการขับขี่เฉพาะระบบขับเคลื่อนไฮบริด ซึ่งได้แก่ “E-Power” เมื่อต้องการโดยสารเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ตามด้วย “Hybrid Auto” เมื่อต้องการให้รถยนต์จัดสรรและควบคุมพลังขับเคลื่อนระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V6 และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ โหมด “E-Hold” เมื่อต้องการรักษาระดับการชาร์จพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ และ โหมด “E-Charge” เมื่อต้องการให้เครื่องยนต์ V6 ชาร์จพลังงานคืนกลับไปยังแบตเตอรี่ในขณะขับขี่ ฟังก์ชั่นการทำงานทั้งหมดสามารถเลือกใช้ผ่านชุดสวิทช์เลือกรูปแบบการขับขี่ หรือปรับตั้งผ่านระบบ PCM

ช่วงทดสอบ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo
กับทีมงาน Auto-Thailand
การทดลองขับครั้งนี้มาใช้พื้นที่ของสนามปทุมธานี สปีดเวย์ โดยแบ่งการทดสอบเป็น 3 สถานี เพื่อให้ได้ลองสมรรถนะของ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo กันอย่างเต็มพื้นที่ของสนาม ซึ่งรอบแรกเป็นการนั่งดูไลน์สนามกันก่อน หลังจากนั้นจะได้ทดลองขับเอง 2 รอบ
สถานีแรก Braking โดยเริ่มวิ่งทำความเร็วมาในทางตรง เมื่อถึงจุดเบรก ให้กดแป้นเบรกเต็มที่พร้อมหักหลบสิ่งกีดขวางไปตามช่องทางซ้ายที่มีไพล่อนว่างเป็นเส้นทางบังคับไว้ ความรู้สึกที่ได้นั้นระบบเบรกของ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo สามารถหยุดความเร็วรถได้อย่างมั่นใจ ในขณะที่การควบคุมพวงมาลัยบังคับตัวรถให้ไปในทิศทางที่เราต้องการได้อย่างง่ายดายและนิ่งมาก
สถานีที่สอง Handling เน้นให้ทดสอบบังคับควบคุมรถ การทรงตัวและการตอบสนองพวงมาลัยของรถ โดยวิ่งทำความเร็วไปตามเส้นทางที่ว่างไพล่อนกำหนดไว้ บางช่วงต้องขับทำความเร็วแล้วหักหลบสิ่งกีดขวาง รวมถึงขับทำความเร็วในทางโค้ง ซึ่ง Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo สามารถตอบสนองได้น่าพอใจ ทั้งอัตราเร่งที่ทำได้ทันใจ ทั้งในโหมดธรรมดา รวมถึงเมื่อได้ลองใช้โหมด sport เครื่องยนต์ก็จะมีการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นไปอีก และยังมีปุ่มโหมดในการเลือกปรับช่วงล่างทั้งแบบธรรมดา และแบบ sport โดยตัวรถจะลดความสูงลงทำให้การขับขี่ทั้งในทางตรง ทางโค้งสามารถกดคันเร่งทำความเร็วผ่านได้อย่างมั่นใจมากกว่าเดิม
สุดท้ายสถานี Slalom จะเป็นการตั้งไพล่อนให้ขับหลบหลีกซ้ายขวาทั้งเที่ยวขาไปและขากลับ เรียกว่าต้องการเน้นให้ได้สัมผัสการควบคุมที่แม่นยำของพวงมาลัยที่มีน้ำหนักในการใช้งานได้อย่างเหมาะสม ควบคุมง่าย รวมถึงระบบช่วงล่างที่เกาะหนึบหลบซ้ายหลบขวาไปแบบเรียบเนียนจากระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะต่างๆของปอร์เช่ที่ติดตั้งมา อาทิ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง Rear axle steering หรือระบบควบคุมตัวถัง Porsche 4D Chassis Control


ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ จากการได้ทดลองขับ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo ที่มีขุมพลังมาให้ใช้งานทั้งจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 ทวินเทอร์โบ รวมถึงมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถทำงานผสานกันอย่างลงตัว ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้การขับขี่รถยนต์คันใหญ่ขนาดนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีทั้งอัตราเร่ง การเกาะถนนของช่วงล่าง ความสะดวกสบายในห้องโดยสาร และแน่นอนความหรูหราดูดีตามสไตล์รถยนต์ปอร์เช่ที่เรียกว่า Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo มีมาให้ครบๆจบในคันเดียวจริงๆครับ