บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ชวนสัมผัสประสบการณ์ทดลองขับ Mitsubishi Triton Athlete รถกระบะสปอร์ตพันธุ์เข้ม รุ่นล่าสุด บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ กับการขับขี่บนถนนเส้นหลักและสายรอง รวมถึงบนเส้นทางออฟโรด และปิดท้ายการด้วยกิจกรรมสุดท้าทาย เรียนรู้ทักษะการยิงปืนสั้นขั้นพื้นฐานที่สนามยิงปืนเขาอีโต้
Mitsubishi Triton Athlete ได้รับการตกแต่งเสริมหล่อด้วยชุดแต่งแท้จากมิตซูบิชิ ภายนอกเน้นความสปอร์ตดุดันด้วยโทนสีดำเงา ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าด้านในลายรังผึ้ง, กันชนหน้า, กรอบไฟตัดหมอก, โป่งล้อ, บันไดข้าง, ล้อแม็ก, กระจกมองข้างและที่เปิดประตู ด้านหลังเพิ่มสไตล์ลิ่งบาร์ที่ขอบกระบะ, พื้นปูกระบะท้าย, สปอยเลอร์ที่ขอบกระบะ และกันชนหลังสีดำ ทั้งยังเพิ่มสีสันโทนสีส้ม-ดำด้วยสติ๊กเกอร์ตกแต่งรอบคันทั้งที่กันชนหน้า, ขอบชายประตู, สไตล์ลิ่งบาร์ และกันชนท้าย พร้อมสัญลักษณ์ตัวอักษร Athlete ที่ฝากระบะท้าย
ภายในของ Mitsubishi Triton Athlete เพิ่มความสปอร์ตด้วยการใช้โทนสีส้ม-ดำ เบาะหน้า-หลังตกแต่งด้วยสีส้มพร้อมตัวอักษร Athlete เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเดินด้ายสีส้ม ทั้งที่พวงมาลัย, หัวเกียร์, แผงประตู, เบาะนั่ง และที่เท้าแขนกลางเบาะหน้า พรมปูพื้นปักสัญลักษณ์ Athlete สีส้ม ออพชั่นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาให้ครบครัน โดยในรุ่น Plus ระบบเครื่องเสียงจะเป็นแบบ Smartphone Link Display Audio (SDA) รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและ Apple CarPlay ระบบสั่งงานด้วยเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์และสวิทช์ควบคุมวิทยุที่พวงมาลัยพร้อมระบบครูสคอนโทรล









ระบบช่วงล่างของ Mitsubishi Triton Athlete ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังเป็นแบบคานแข็งแหนบซ้อน โช้คอัพไขว้ขนาดใหญ่ และปรับปรุงจุดยึดแหนบใหม่ โครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE Body จากเหล็กแรงดึงสูง แข็งแรงและน้ำหนักเบาเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
Mitsubishi Triton Athlete มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4N15 แบบ 4 สูบ คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์ว ระบบแปรผันวาล์วไอดี MIVEC เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2,442 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ มีให้เลือกทั้งระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีแป้นแพดเดิลชิฟมาให้อีกด้วย

ช่วงทดสอบ Mitsubishi Triton Athlete
กับทีมงาน Auto-Thailand
เริ่มการเดินทางกันที่ย่านสุขุมวิทด้วย Mitsubishi Triton Athlete Plus เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ดูจากภายนอกแทบจะเหมือนกับรุ่น Top ที่จะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาเพิ่ม แน่นอนสำหรับแฟน Mitsubishi Triton ในรุ่น Athlete Plus นี้ก็จะโดดเด่นกว่าตัวธรรมดาจากชุดแต่งที่มากันแบบครบๆทั้งภายนอกภายใน
สำหรับความรู้สึกในการขับขี่นั้นต้องบอกว่า Mitsubishi Triton Athlete ถึงแม้จะไม่ได้มีเทคโนโลยีใหม่อะไรนัก แต่เป็นรถคันหนึ่งที่ให้การขับขี่ทั้งการควบคุม พละกำลังของเครื่องยนต์ รวมถึงระบบเกียร์อัตโนมัติที่จะมีแค่ 5 สปีด แต่ให้การตอบสนองได้ลงตัวกว่าหลายๆรุ่นที่มีสปีดเยอะๆ เรียกว่าขับแบบเรื่อยๆ หรือในช่วงเร่งแซงก็ทำได้น่าพอใจ
มาถึงจุดหมายแรกที่โชว์รูมมิตซูบิชิ รีพับบลิค ย่านรังสิต เพื่อชมการสาธิตการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ที่เป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ ที่มีการจำลองพื้วผิวลื่นด้วยลูกกลิ้งแล้วขับ Mitsubishi Triton Athlete ผ่านดูการทำงานของระบบเวลาล้อใดลื่นหรือหมุดฟรีจะส่งกำลังไปยังล้ออื่นให้ผ่านอุปสรรคนั้นไปได้





หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อเพื่อรับประทานอาหารเที่ยง เสร็จแล้วจึงไปทำกิจกรรมเรียนรู้ทักษะการยิงปืนสั้นขั้นพื้นฐานที่สนามยิงปืนเขาอีโต้ โดยระหว่างนั้นจะแบ่งอีกกลุ่มสลับไปทดลองขับ Mitsubishi Triton Athlete รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ กับเส้นทางออฟโรดในพื้นที่ใกล้เคียง
สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ของมิตซูบิชินั้น โดยส่วนตัวค่อนข้างประทับใจจากการได้ขับขี่มาแล้ว เรียกว่าในขณะใช้งานระบบการควบคุมพวงมาลัยแทบไม่แตกต่างจากเดิม และยังมีวงเลี้ยวค่อนข้างแคบกว่ารถขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไป
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ใน Mitsubishi Triton Athlete จะมีให้เลือกใช้ทั้ง 2H 4H 4HLc และ 4LLc การใช้งานก็ง่ายเพียงหมุนปุ่มควบคุมก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามโหมดให้เหมาะกับการใช้งานของเราได้ โดยโหมด 2H ใช้สำหรับขับขี่ทั่วไปที่จะขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนรถกระบะรุ่นอื่นๆ โหมด 4H ใช้ในพื้นถนนเปียกลื่นที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. โดยสามารถปรับเปลี่ยน และขับได้อย่างต่อเนื่องไม่ต้องจอดหยุดสนิทเพื่อเปลี่ยนโหมด
ส่วนเมื่อเจอกับเส้นทางออฟโรดที่ไม่ค่อยหนักหน่วงนักก็ใช้โหมด 4HLc โดยระบบจะส่งกำลังไปแบบ 50 : 50 พร้อมมีระบบ Center Differential Locked ทำหน้าที่ในการส่งกำลังไปยังล้อ ซึ่งยังสามารถใช้ความเร็วได้อยู่ และเมื่อเจอกับเส้นทางออฟโรดที่มากกว่าก็เลือกใช้งานโหมด 4LLc ที่ทำงานแบบเดียวกับระบบ 4HLc แต่จะเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น และไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ซึ่งจะช่วยให้กำลังการขับเคลื่อนผ่านอุปสรรคต่างๆได้ง่ายขึ้น และยังมีระบบ Diff Lock ไฟฟ้า มาเป็นอีกตัวช่วยในโหมดนี้อีกด้วย
หลังจากนั้นกลับมาเดินทางต่อเข้าที่พักด้วย Mitsubishi Triton Athlete ขับเคลื่อน 2 ล้อ คันเดิมเป็นอันจบกิจกรรมในวันแรก
ในเที่ยวขากลับเป็นการขับแบบฟรีรัน ได้เปลี่ยนมาทดลองขับ Mitsubishi Triton Athlete Plus ขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่น Top ขับกลับกรุงเทพฯกับเส้นทางเรียบธรรมดา สำหรับความแตกต่างที่สัมผัสได้เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารก็คือ พวงมาลัยจะมีแป้นแพดเดิลชิฟเพิ่มเข้ามา ที่บริเวณคอนโซลเกียร์จะมีปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และที่หน้าจอแสดงข้อมูลจะมีฟังก์ชั่นแสดงการทำงานของระบบด้วย
ความรู้สึกในการขับขี่ Mitsubishi Triton Athlete Plus ขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น เนื่องเป็นเส้นทางเรียบถนนหลวงธรรมดา ในโหมด 2H ก็จะเหมือนกับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่วนเมื่อลองใช้งานโหมด 4H ความรู้สึกแรกคือพวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยมาก แต่ก็พอรู้สึกกว่าหนักกว่าเดิม แต่กลับให้การขับขี่ที่มั่นใจ โดยเฉพาะในช่วงทางโค้งต่างๆ ซึ่งพอลองปรับกลับมาที่โหมด 2H ก็จะรู้สึกได้เลยว่ารถจะเบาๆการขับเข้าโค้งจะไม่หนึบแน่นเท่ากับในโหมด 4H ซึ่งตรงนี้เท่าที่สังเกตในเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองกับการขับขี่ใน 2 โหมดนี้ให้ความแตกต่างกันนิดหน่อย โดยในโหมดขับ 2 ล้อจะอยู่ที่ 13.x กิโลลิตร ส่วนในโหมด 4H จะอยู่ที่ 11.x กิโลลิตร

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ Mitsubishi Triton Athlete โดดเด่นด้วยชุดแต่งจากโรงงานมิตซูบิชิ สมรรถนะที่เด่นๆจะอยู่ที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ที่ยกมาจากรุ่นพี่ Pajero Sport ที่ช่วยให้การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจทุกสภาพเส้นทาง หรือจะเรียกว่ามีไวแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี ในส่วนของพละกำลังจากเครื่องยนต์และระบบเกียร์อัตโนมัติที่ถึงแม้จะมีแค่ 5 สปีด แต่ก็ให้การตอบสนองได้ลงตัวกว่ารุ่นอื่นๆใช้งานได้เพียงพอแล้ว เอาเป็นว่า Mitsubishi Triton Athlete เป็นรถรุ่นหนึ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปบ้าง แต่ถ้าได้ลองมาทดลองขับแล้วล่ะก็อาจเปลี่ยนใจเป็นรถคันต่อไปก็ได้นะครับ