บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประเดิมปี 2016 ตอกย้ำภาพลักษณ์แห่งความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม เปิดตัวรถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 2 รุ่นใหม่ล่าสุด C350e และ S500e บนเส้นทางเชียงใหม่ – เชียงราย ระยะทางกว่า 260 กิโลเมตร
สำหรับ Mercedes-Benz C350e มีให้เลือกทั้งในแบบซีดานและเอสเตท ที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด พร้อมอัตราการปล่อย CO2 ต่ำเพียง 58 กรัม/กิโลเมตร ในรุ่นซีดาน และ 54 กรัม/กิโลเมตร ในรุ่นเอสเตท
Mercedes-Benz C350e รุ่นซีดานที่ทดสอบมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,991 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 80 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร ที่สามารถให้กำลังขับเคลื่อนรวม 279 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ในรุ่นนี้ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อีก 5 แบบตามความต้องการ ได้แก่ Individual (I), Sport+ (S+), Sport (S), Comfort (C), Economy (E)
Mercedes-Benz C350e ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 6.38 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลัง ซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำ และฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้ อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมง ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 31 กิโลเมตร โดย Mercedes-Benz C350e มีให้เลือก 3 รุ่น คือ C 350 e Exclusive ราคา 2,990,000 บาท C 350 e AMG Dynamic ราคา 3,340,000 บาท และ C 350 e Estate AMG Dynamic ราคา 3,690,000 บาท
ส่วน Mercedes-Benz S500e รถยนต์ซีดานระดับพรีเมี่ยมของรถยนต์ตระกูล เอส-คลาส ที่ผสมผสานทั้งเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด พร้อมด้วยอัตราการปล่อย CO2 เพียง 62 กรัม/กิโลเมตร ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน แบบวี 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 6 สูบ ขนาด 2,996 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า ที่ 5,250-6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,000 รอบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 116 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร ที่สามารถให้กำลังขับเคลื่อนรวม 442 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. กำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลัง ซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำ และฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้ อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 33 กิโลเมตร กับราคาค่าตัว S500e Exclusive อยู่ที่ 6,390,000 บาท ในขณะที่ S500e AMG Premium ราคา 6,990,000 บาท



สำหรับโหมดการทำงานของระบบ Plug-In HYBRID ทั้ง 2 รุ่น
สามารถเลือกได้ถึง 4 แบบ ที่สามารถปรับเลือกได้จากปุ่มบริเวณคอนโซลเกียร์ ได้แก่
โหมด HYBRID: การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยระบบจะเน้นไปที่การใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนให้มากที่สุด และใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเท่าที่จำเป็น หากกระแสไฟในแบตเตอรี่มีปริมาณต่ำกว่า 20 % ระบบจะใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเท่านั้น และถ้าผู้ขับขี่ปรับเกียร์อัตโนมัติเป็นโหมดสปอร์ต (S) รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงาน
โหมด E-MODE: สามารถขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ (ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว) ได้จนถึงความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางสูงสุด 33 กิโลเมตร ในรุ่น S500e ส่วนในรุ่น C350e สามารถทำความเร็วได้ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางสูงสุด 31 กิโลเมตร โดยไม่มีการคายไอเสีย (ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานของแบตเตอรี่และความเร็วที่ใช้) โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่การทำงานของระบบนี้ สามารถครอบคลุมการใช้งานได้เป็นอย่างดี ผู้ขับขี่จะต้องไม่กดแป้นคันเร่งจนเกินแรงต้าน หากกดแป้นคันเร่งเกินแรงต้านเมื่อใด เครื่องยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนรถยนต์ทันที
โหมด E-SAVE: ในขณะที่เริ่มต้นใช้ E-SAVE ระดับกระแสไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตเตอรี่ high-volt ในขณะนั้นจะถูกบันทึกค่าไว้ จากนั้นระบบจะใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก ในการขับเคลื่อน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกใช้น้อยที่สุด เพื่อรักษาระดับกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ให้มีปริมาณเท่าเดิมกับตอนเริ่มต้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ว่ากำลังจะต้องเดินทางเข้าเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หลังจากชาร์จแบตเตอรี่ high-volt จนเต็มแล้ว ควรเลือก E-SAVE ในการเริ่มต้นเดินทางก่อนที่จะเข้าเมือง เมื่อขับถึงในเมืองก็จะมีปริมาณกระแสไฟสูงสุดที่จะใช้ E-MODE สำหรับการเดินทางในเมืองได้อย่างเต็มที่
โหมด CHARGE: การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยแบตเตอรี่ high-volt จะถูกรักษาระดับการชาร์จให้อยู่ในระดับปานกลางในขณะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ และจะไม่มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเลยเพื่อให้เกิดการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ high-volt อย่างต่อเนื่อง แรงหมุนของเครื่องยนต์จะถูกนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าไปสะสมไว้ในแบตเตอรี่และจะมีการแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดจากการชะลอความเร็วหรือการเบรกให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่อีกด้วย เมื่อชาร์จไฟเต็ม ระบบจะปรับไปที่การทำงานในรูปแบบ E-SAVE โดยอัตโนมัติ (ที่ความเร็วต่อเนื่อง 90 ก.ม./ช.ม.ขึ้นไปจะสามารถให้ประสิทธิภาพการชาร์จที่ดี โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 45 นาที)

-58.jpg)

ช่วงทดสอบรถปลั๊กอินไฮบริด Mercedes-Benz C350e และ S500e
กับทีมงาน Auto-Thailand
เริ่มต้นกิจกรรมทดสอบ Mercedes-Benz C350e และ S500e รถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ด้วยการรับฟังข้อมูลและเส้นทางการทดสอบจากทีมงาน Mercedes-Benz ประเทศไทย โดยกิจกรรมครั้งนี้มีรถให้ได้ทดลองขับทั้ง 2 รุ่น ทีมงาน Auto-Thailand ได้เริ่มขับขี่ทดสอบกับ Mercedes-Benz C350e AMG Dynamic และมีผู้ร่วมทดสอบอีก 1 ท่านสลับขับขี่
ทีมงาน Auto-Thailand เริ่มเป็นผู้ขับขี่ทดสอบก่อน แรกสัมผัสเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Mercedes-Benz C350e AMG Dynamic ในตำแหน่งผู้ขับขี่ อยากบอกว่ายังคงให้ความรู้สึกเช่นเดิมกับรถรุ่นนี้ที่เคยนำมาทดสอบ แต่จะแตกต่างกันที่ออฟชั่นแสดงผลการทำงานในระบบปลั๊กอินไฮบริดที่เพิ่มขึ้นมา
เริ่มเคลื่อนตัวก็ขอทดลองระบบไฮบริดใน C350e AMG Dynamic เลยแล้วกัน โดยเลือกใช้โหมด E-MODE ที่จะเป็นการเน้นขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า เรียกว่าสมรรถนะในการขับเคลื่อนสามารถทำได้อย่างดี อัตราเร่งสามารถตอบสนองได้ตามสั่ง ซึ่งในโหมดนี้คันเร่งจะมีความรู้สึกในตอนเหยียบที่แป้นเป็น 2 ส่วน คือ ช่วงแรกเหยียบลงไปได้ระยะประมาณหนึ่งจะมีจุดที่มีแรงต้าน ตรงนี้คือระยะที่เราสามารถใช้งานการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว ซึ่งจะได้ระยะทางเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับไฟที่เก็บในแบตเตอรี่ไฮบริด เรียกว่าถ้าชาร์จกันมาเต็มๆก็สามารถวิ่งใช้งานกันได้ยาวๆเลย แต่เมื่อใดที่เราเหยียบแป้นคันเร่งเลยจุดที่มีแรงต้านเครื่องยนต์ก็จะติดและขับเคลื่อนต่อไป โดยใน C350e AMG Dynamic นี้สามารถใช้ความเร็วได้อยู่ประมาณไม่เกิน 130 ก.ม./ช.ม. ในโหมด E-MODE ส่วนในการใช้งานในโหมดอื่นๆ ก็จะทำงานเหมือนระบบไฮบริดทั่วไป

ความรู้สึกในการขับขี่ C350e AMG Dynamic การควบคุมถือว่าให้การเกาะถนน ระบบช่วงล่างที่ออกแนวสปอร์ตหน่อยๆคือออกในแนวหนึบนุ่ม ทำให้การขับขี่ทำได้สนุกจากอัตราเร่งที่ตอบสนองได้อย่างทันใจ และเท่าที่ดูจากการทำงานโดยรวมแล้วน่าจะเป็นรถที่ให้ความประหยัดอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงจุดพักที่สถานีกาแฟ ซึ่งเป็นจุดสลับรถทดสอบ ทีมงาน Auto-Thailand ได้เปลี่ยนมาขับขี่ทดสอบ Mercedes-Benz S500e AMG Premium โดยมีจุดหมายปลายทางที่โรงแรมที่พัก อนันตรา แอนด์สปา โกลเด้นท์ แองเกิ้ล เชียงราย
เริ่มการเดินทางกับ Mercedes-Benz S500e AMG Premium แน่นอนครับการนั่งรถยนต์แบบนี้ต้องนั่งที่ห้องโดยสารด้านหลังที่มีความกว้างขวาง สะดวกสบายจากเบาะนั่งหลังด้านซ้ายปรับไฟฟ้าแบบมีที่รองขาปรับเอนนอนได้
เรียกว่าตลอดการเดินทางในการเป็นผู้โดยสารนั้น สามารถสัมผัสถึงความนุ่มเงียบของห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเดินทางผ่านทางโค้งหรือบางช่วงที่มีการหักหลบหรือเบรกกระทันหันก็ให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยจากตัวรถที่ใหญ่และเกาะถนนได้ดี จนบางครั้งยังมีความรู้สึกว่าช่วงล่างออกไปทางนุ่มเกินไปนิด
ส่วนในช่วงที่ทีมงาน Auto-Thailand เปลี่ยนมาเป็นผู้ขับขี่ทดสอบ เรียกว่าตอนยังไม่ได้ขับขี่ก็กังวลเหมือนกันว่าจะขับขี่ยากหรือเปล่า แต่เมื่อได้มานั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่แล้วอยากบอกว่า Mercedes-Benz S500e AMG Premium เป็นรถที่ขับง่าย ช่วงแรกอาจจะมีปัญหากับการกะระยะตัวรถบ้าง แต่ขับขี่สักระยะก็จะชิน ในด้านพลังกำลังนั้น ขุมพลังที่ให้มานั้นสามารถส่งพละกำลังมากระชากตัวถังของ S500e AMG Premium ให้ขับเคลื่อนไปได้อย่างคล่องตัว เรียกว่าลืมไปเลยว่ากำลังขับ Mercedes-Benz ในบอดี้ S-Class
จุดหนึ่งที่ต้องขอชมนอกจากพละกำลังที่ตอบสนองได้ดีแล้วก็คือ เรื่องการเก็บเสียงของห้องโดยสาร (โดยเฉพาะเมื่อขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า) เมื่อรวมกับความมั่นคงนิ่มนวลของระบบช่วงล่างทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินจนต้องขอเตือนให้มองมาตราวัดความเร็วไว้ด้วย เพราะว่าในการขับขี่ถ้าเผลอนิดเดียวความเร็วระดับเกิน 160 ก.ม./ช.ม.นั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนขับขี่รถทั่วไปสักที่ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม.

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ Mercedes-Benz C350e และ S500e รถปลั๊กอินไฮบริด ที่มาพร้อมความหรูหรากับสมรรถนะขับเคลื่อนที่ให้การตอบสนองการขับขี่ที่น่าประทับใจ กับเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟบ้านได้เลย และมาพร้อมความมั่นใจได้จากการรับประกันจาก Mercedes-Benz ประเทศไทย เรียกว่าถ้าเรียนรู้การขับขี่ใช้งานระบบนี้ได้อย่างลงตัวคุ้นชิน...น้ำมัน 1 ถังก็อาจใช้งานจนลืมเลยก็เป็นได้ครับ...