
บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทดสอบรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ ได้แก่ จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-PACE), จากัวร์ เอ็กซ์ อี (Jaguar XE) , จากัวร์ เอ็กซ์ เจ (Jaguar XJ), เรนจ์โรเวอร์ (Range Rover) และเรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต (Range Rover Sport) บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ภูเก็ต รวมระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร โดยทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย
โดยตลอดการเดินทางจะมีช่วงให้ได้แวะพักเพื่อสลับผู้ขับขี่รวมถึงสลับรุ่นรถให้ได้ทดสองขับขี่ทั้งรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์กันแบบครบๆ ที่แต่ละรุ่นก็จะมีข้อดีข้อเด่นแตกต่างกันออกไป
จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace)
จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace) ไฮไลต์ของทริปนี้เป็นรถยนต์เอสยูวีคันแรกที่ผลิตภายใต้แบรนด์จากัวร์ ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการทดสอบวิ่งระยะทางไกลเป็นครั้งแรก โดยเป็นรถเอสยูวีสมรรถนะสูงที่ออกแบบมาเน้นความคล่องตัว ให้สมรรถนะการตอบสนองที่ฉับไว และคงเอกลักษณ์สง่างามในแบบฉบับจากัวร์ไว้ กับค่าตัว 5,999,000 บาท
จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace) มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อล่าสุดของจากัวร์



ความรู้สึกในการทดลองขับ จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace) ถือว่าให้การตอบสนองอัตราเร่งค่อนข้างดี ขับขี่ง่ายแบบรถยนต์ทั่วไป ช่วงล่างจะถูกปรับเซตมาแบบสปอร์ตค่อนข้างแข็ง ทำให้การขับขี่ในทางโค้งทำได้อย่างมั่นใจ สำหรับสิ่งที่ดูแปลกใหม่ที่ยังใช้งานได้ไม่คุ้นชินนักก็คือ ปุ่มปรับตำแหน่งเกียร์แบบหมุน ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาให้คุ้นมากกว่านี้
ในช่วงที่เปลี่ยนมานั่งเป็นผู้โดยสาร ก็สามารถสัมผัสกับความกว้าง สะดวกสบายจากห้องโดยสารของ จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace) การเก็บเสียงภายในทำได้น่าพอใจในทุกความเร็ว แต่กับระบบช่วงล่างนั้น ขอบอกว่าต้องเป็นคนที่ชอบนั่งรถแนวสปอร์ตหน่อย เพราะจะรู้สึกไม่นุ่มนวลนัก
จากัวร์ เอ็กซ์เจ (Jaguar XJ)
จากัวร์ เอ็กซ์เจ (Jaguar XJ) ที่สุดของรถยนต์หรูอีกรุ่น ภายนอกดีไซน์ปราดเปรียว หรูหรา ภูมิฐาน ภายในตกแต่งเน้นความสะดวกสบาย เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่นการนวดผ่อนคลาย ออพชั่นอำนวยความสะดวกควบคุมสั่งงานเพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านจอทัชสกรีน กับค่าตัว 7,999,000 บาท
จากัวร์ เอ็กซ์เจ (Jaguar XJ) มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

ความรู้สึกในการทดลองขับ จากัวร์ เอ็กซ์เจ (Jaguar XJ) ถึงแม้จะเป็นรถที่เน้นการนั่งโดยสาร แต่สมรรถนะการขับขี่ก็สามารถให้ตอบสนองได้น่าพอใจ พละกำลังมีมาให้เรียกใช้อย่างเพียงพอ ถึงแม้ว่าตัวรถจะค่อนข้างยาวที่อาจจะไม่ค่อยคล่องตัวนักกับการขับขี่ใช้งานในเมือง แต่สำหรับเส้นทางนอกเมืองถือว่าทั้งระบบช่วงล่างที่จะค่อนข้างออกแนวนุ่มนวล สปอร์ตนิดๆ พละกำลังของเครื่องยนต์ การขับขี่ รวมถึงความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ถือว่าเหมาะกับการขับขี่เดินทางในระยะไกล หรือพูดง่ายๆว่าเป็นรถที่เน้นนั่งโดยสารแบบมีผู้ขับขี่ให้
จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE)
จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE) รถยนต์อีกรุ่นจากจากัวร์ในทริปนี้กับค่าตัว 3,499,000 บาท ที่ได้รับการออกแบบโครงสร้างจากอะลูมิเนียม ขนาดตัวถังกำลังดี รูปโฉมภายนอกยังคงเอกลักษณ์สไตล์จากัวร์ไว้ แต่ก็ยังมีความสปอร์ต ปราดเปรียว และห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมออพชั่นความสะดวกสบายครบครัน
จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE) มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

ความรู้สึกในการทดลองขับ จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE) ก้าวเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่ก็รู้สึกถึงความลงตัว นั่งสบาย ภายในถึงแม้จะเล็กกว่ารุ่นอื่นที่ขับมา แต่โดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างประทับใจการขับขี่ในรุ่นนี้ที่สุด ตำแหน่งการนั่ง การมองเห็นด้านหน้าชัดเจน พละกำลังจากเครื่องยนต์ที่ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างสนุก ช่วงล่างปรับเซตมาแบบสปอร์ตเน้นนุ่มหนึบ ทำให้การขับขี่ควบคุมทำได้คล่องตัว ส่วนการนั่งโดยสารด้านหลังนั้นก็ให้ความสะดวกสบาย
เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid)
เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid) รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลซึ่งมีระบบส่งกำลังแบบไฮบริดรุ่นแรกในตลาดรถหรูของเมืองไทย และเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดสำหรับรถเอสยูวีรุ่นแรกของโลก ขนาด 3.0 ลิตร SDV6 ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร
ความรู้สึกในการทดลองขับ เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid) ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารก็จะพบกับความกว้างขวาง ภายในรุ่นนี้ตกแต่งเน้นการใช้งานเป็นหลัก แต่ที่น่าประทับใจก็คือ อัตราเร่งที่ทำได้แบบน้องๆรถสปอร์ต ที่ถึงแม้ว่า เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid) จะมีขนาดและน้ำหนักมาก แต่ก็สามารถทำอัตราเร่งตอบสนองการขับขี่ได้ทันใจทุกครั้ง ถ้าได้กะระยะและใช้งานจนคุ้นชินแล้ว ก็สามารถพาตัวถังขนาดใหญ่ลัดเลาะไปในเส้นทางต่างๆได้ค่อนข้างคล่องตัวเลยทีเดียว

สำหรับระบบช่วงล่างของ เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid) จะมาในแนวนุ่มนวลที่ออกจะมากเกินไปแบบช่วงล่างแบบถุงลม โดยส่วนตัวทำให้ในการนั่งโดยสารค่อนข้างรู้สึกมึนๆไปบ้าง แต่ตรงนี้การยึดเกาะถนนยังคงให้ความมั่นใจ เกาะหนึบ ถึงแม้ว่าจะลองปรับไปใช้งานโหมด S ก็จะรู้สึกหนึบขึ้นเล็กน้อย
เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด (Range Rover Hybrid)
เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด (Range Rover Hybrid) สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ไฮบริดระดับสูงอีกรุ่นที่ได้ทดลองขับขี่ กับค่าตัว 9,999,000 บาท ด้วยขนาดตัวรถแบบเดียวกับ เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid) แต่มีการตกแต่งให้ดูหรูหรามากกว่า โดยเฉพาะภายในนั้น ต้องบอกว่าให้ความแตกต่างสัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยม เอาเป็นว่าส่วนตัวยอมจากเพิ่มเพื่อเลือกรุ่นนี้กันเลย
ความรู้สึกในการทดลองขับ เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด (Range Rover Hybrid) ก็ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับรุ่น เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid) ยังคงรู้สึกถึงความนิ่มนวลของระบบช่วงล่างมากเกินไป โดยเฉพาะห้องโดยสารด้านหลัง แต่ต้องบอกว่าชอบความจัดเต็มกับการตกแต่ง วัสดุที่คัดคุณภาพกับความหรูหรา สะดวกสบาย

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ จากการได้ร่วมทดลองขับรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์กับเส้นทางยาวๆ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ก็พอจะบอกถึงสมรรถนะของรถได้ในระดับหนึ่ง ที่แต่ละรุ่นก็จะมีการขับขี่และความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วต้องบอกว่า ความสะดวกสบายของห้องโดยสารกับการเดินทางระยะทางไกลๆแบบนี้ ทำได้โดยแทบไม่มีความเมื่อยหล้า เรียกว่าถ้าชื่นชอบความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ ต้องไม่พลาดที่จะได้ไปทดลองขับด้วยตัวคุณเองครับ...




