บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำยนตกรรมหรู 3 รุ่นเข้ามาทำตลาด โดยนำเข้ามาแบบประกอบนอกทั้งคัน และหนึ่งในนั้นก็คือ รถยนต์ไฮบริดรูปโฉมสะดุดตาอย่าง Honda CR-Z นั้นเอง โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,975,000 บาท
เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงสมรรถนะของ Honda CR-Z Hybird ทีมงาน Auto-Thailand จึงได้นำมาทดสอบในแบบใช้งานเดินทางในชีวิตประจำวัน
Honda CR-Z Hybird ได้รับการออกแบบให้อารมณ์แห่งความสปอร์ตเร้าใจ โดดเด่นทุกมุมมองกับดีไซน์ และเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ ตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ล้ำหน้า ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์เฉียบคม เพิ่มมิติความสปอร์ตทุกมุมมอง ด้วยไฟท้าย LED สปอร์ตให้ความโฉบเฉี่ยว รวมถึงการดีไซน์ตัวรถที่เน้นให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ฐานล้อสั้นแบบ รถสปอร์ต และให้มีระยะห่างระหว่างล้อซ้าย-ขวา ทั้งคู่หน้าและหลังที่กว้าง ช่วยเพิ่มความมั่นคงของตัวรถในขณะขับขี่
มาตรวัดและแผงคอนโซลหน้าของ Honda CR-Z Hybird ออกแบบล้ำสมัย บอกข้อมูลต่างๆได้ครบถ้วน ชัดเจน พร้อมเปลี่ยนสีหน้าปัดไมล์ตามลักษณะการขับขี่ในเวลานั้นๆ พร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่ด้านขวาของคอนโซลหน้าสามารถใช้งานง่ายดายแค่กดเลือกตามการขับขี่ที่ต้องการ ได้แก่
Sport Mode
เป็นโหมดที่ช่วยเพิ่มความสนุก และการตอบสนองที่เร้าใจในทุกการขับขี่ โดยระบบจะปรับการทำงาน ของลิ้นปีกผีเสื้อ มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์ให้การตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึง การปรับการทำงานของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้าให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ เพื่อการเข้าถึงอารมณ์สปอร์ตอย่างแท้จริง
Normal Mode
เป็นโหมดการขับขี่แบบปกติที่ให้ความสมดุลระหว่างความสนุกสนานในการขับขี่ และการประหยัดน้ำมัน สู่ทุกการขับขี่ที่ราบรื่นคล่องตัว
ECON Mode
เป็นโหมดการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และดูแลสิ่งแวดล้อม โดยระบบจะปรับการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์ให้ทำงานสัมพันธ์กัน ในขณะรถวิ่ง นอกจากนั้นระบบจะควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ และการหมุนเวียน ของอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมกับอุณหภูมิภายนอกรถ ซึ่งโหมดนี้จะช่วยควบคุม เครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Honda CR-Z Hybird ยังมาพร้อมพลังแห่งการขับเคลื่อนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย "เทคโนโลยีไฮบริด" ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ กับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า IMA (Integrated Motor Assist) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยไอเสีย
ระบบไฮบริดของ Honda CR-Z Hybird เป็นเทคโนโลยีทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกการขับเคลื่อนโดยมีเครื่องยนต์ เป็นแหล่งพลังงานหลัก พร้อมเสริมกำลังเพิ่มด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด พร้อมทั้งแบตเตอรี่ไฮบริดที่มีน้ำหนักเบา จัดวางอยู่ใต้ห้องสัมภาระท้าย จึงไม่ทำให้สูญเสียพื้นที่ในการเก็บสัมภาระ
ขุมพลังของ Honda CR-Z Hybird มาพร้อมกับเครื่องยนต์ SOHC 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 147 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที และมอเตอร์ไฟฟ้า IMA (Integrated Motor Assist) ขนาด 13 แรงม้า ที่ 1,500 รอบต่อนาที แรงบิด 94 นิวตันเมตร ที่ 500 รอบต่อนาที ที่ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ ครบครันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลด้วยโครงสร้าง ตัวถังนิรภัย จี-ฟอร์ซ คอนโทรล (G-Force Control) หรือ จี-คอน (G-CON) ที่มาพร้อมระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง
ช่วงทดสอบ Honda CR-Z Hybird กับทีมงาน Auto-Thailand
แรกสัมผัสแบบใกล้ชิดในวันที่ทีมงาน Auto-Thailand ไปรับ Honda CR-Z Hybird มาทดสอบ ด้วยรูปโฉมที่อยากบอกว่า ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตาอย่างแน่นอน ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เป็นรถนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น จำนวนรถที่วิ่งบนท้องถนนจึงไม่มากนัก บวกกับการออกแบบสไตล์สปอร์ตแปลกตาจึงได้รับความสนใจในเวลาที่พบเจอในท้องถนน
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร ในตำแหน่งผู้ขับขี่ เรียกว่าเบาะนั่งทรงสปอร์ต นั่งกระชับดี ตำแหน่งการนั่งค่อนข้างต่ำ เวลาเข้าออกอาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก อุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ที่จับพอดีมือ สามารถควบคุมทั้งเครื่องเสียง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่จะให้ความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ส่วนปุ่มปรับต่างๆที่คอนโซลหน้าก็หยิบจับได้อย่างสะดวก ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ก็ให้ความสบายไม่ต่างจากตำแหน่งผู้ขับขี่
มาถึงเบาะหลังที่ดูแล้วคงไม่ได้เน้นที่จะใช้ในการโดยสารกันแบบจริงจัง เนื่องจากเราลองให้ทีมงานที่มีรูปร่างไม่สูงนักเข้าไปนั่ง ก็พอจะนั่งโดยสารไปในระยะทางสั้นๆได้ แต่ถ้าต้องนั่งกันยาวๆ น่าจะไม่เหมาะกับการเดินทาง เนื่องจากตัวรถและห้องโดยสารถูกออกแบบมาในสไตล์สปอร์ต พื่นที่ในส่วนนี้ค่อนข้างแคบ จึงน่าจะเหมาะกับการไปไหนกันเพียงแค่สองคนน่าจะสะดวกสบายที่สุด หรือเต็มที่ก็เป็นนั่งโดยสารของเด็กตัวเล็กๆ ก็พอได้ หรือใช้พื่นที่ด้านหลังในการเก็บสัมภาระก็สามารถเก็บของได้พอสมควร โดยรวมแล้วพื้นที่ในห้องโดยสารจะเหมาะกับการใช้งานแบบรถสปอร์ตมากกว่า
อีกจุดหนึ่งที่ดูแล้วค่อนข้างที่จะต้องปรับตัวกันสักหน่อยก็ตรงที่กระจกบานหลังที่แบ่งเป็นสองส่วน โดยส่วนบนค่อนข้างราบไปตามดีไซน์ตัวรถ และจะมีอีกส่วนที่เป็นแนวตั้งไปตามแนวท้ายรถ ในเวลาขับขี่เวลาฝนตก หรือมีฝุ่นมาจับเยอะจะทำให้การมองเห็นด้านหลังค่อนข้างยาก อาจต้องระมัดระวังเพิ่มอีกนิดก็จะไม่เป็นปัญหาเท่าใดนัก
เริ่มออกเดินทางด้วย Honda CR-Z Hybird อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ระบบไฮบริดใน Honda CR-Z Hybird นี้จะค่อยช่วยในการขับเคลื่อน พละกำลังหลักจะมาจากเครื่องยนต์ หรือพูดง่ายๆว่า ต้องออกตัวด้วยเครื่องยนต์ และเมื่อยามที่ต้องการเรียกพละกำลังออกมาใช้เร่งแซง หรือวิ่งที่ความเร็วคงที่ มอเตอร์ไฟฟ้าก็จะส่งกำลังช่วยในการขับเคลื่อน และเมื่อชลอ หรือเบรก ระบบก็จะชาร์ทไฟกลับมาเก็บที่แบตเตอรี่
สมรรถนะที่สัมผัสได้จากพละกำลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC สามารถขับขี่ได้อย่างสนุก โดยความรู้สึกในการขับขี่ในโหมด Normal จะเหมาะกับการใช้งานทั่วไป อัตราเร่งจะมาในแบบกลางๆ ส่วนถ้าต้องการความประหยัด หรือชอบขับขี่ในแนวเรื่อยๆ หรือเดินทางไกลในความเร็วที่ลอยตัวคงที่โหมด ECON ก็จะเหมาะกับการขับขี่ในแบบนี้ที่สุด แต่เมื่อใดที่ต้องการอัตราเร่งที่ฉับไว รวดเร็ว เร่งแซง สามารถลากรอบได้ยาวๆ ก็เลือกไปที่โหมด SPORT ซึ่งจะให้การขับขี่ที่สนุก แต่ก็ต้องแลกกับความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น
นอกจากอัตราเร่งที่ได้จะแตกต่างกันไปตามโหมดการขับขี่ที่เลือกแล้ว ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าก็จะปรับช่วยด้วย เห็นได้ชัดในตอนที่เราวิ่งมาที่ความเร็วคงที่ แล้วเปลี่ยนเป็นโหมด SPORT เพื่อเร่งแซงและทำความเร็วระบบพวงมาลัยก็จะปรับน้ำหนักให้เพื่อความมั่นใจในการขับขี่เพิ่มขึ้นอีก
โดยระหว่างการขับขี่ ที่หน้าปัดมาตราวัดก็จะแสดงสีให้ได้รู้ว่าตอนนี้เราขับขี่ประหยัดแค่ไหน ถ้าหน้าปัดเป็นสีแดงแสดงว่าช่วงนั้นเราขับขี่ด้วยความสนุกกับอัตราเร่งความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็จะสูงตามไปด้วย ถ้าหน้าปัดเป็นสีฟ้าก็จะเป็นการขับขี่ในแบบกลางก็จะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยลงมาหน่อย และถ้าหน้าปัดเป็นสีเขียวแสดงว่าการขับขี่ในช่วงนั้นมีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ประหยัดที่สุด
ด้วยรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวของ Honda CR-Z Hybird ที่มาในแนวสปอร์ต บวกกับระบบช่วงล่างที่เซตมาในแนวนี้ เรียกว่าคล่องตัวในยามที่ต้องเปลี่ยนเลนไปมาในสไตล์สปอร์ต แต่ถ้าไม่ได้ชอบขับขี่ในสไตล์นี้อาจจะรู้สึกกระด้างไปบ้าง โดยส่วนตัวแล้วทีมงานเราชอบสไตล์นี้อยู่แล้วทำให้มั่นใจที่จะเรียกอัตราเร่งออกมาเล่นได้อย่างสนุก เอาเป็นว่าถ้าคุณขับมาด้วยความเร็วคงที่ในโหมด ECON หรือโหมด Normal เพียงกดที่ปุ่มโหมด SPORT ก็จะสามารถลากรอบเครื่องยนต์ และเพิ่มอัตราเร่งได้ชนิดว่าดึงได้พอสมควร จากการรวมพละกำลังเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้ามาให้ใช้งานอย่างฉับไว แต่ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ อัตราการสิ้นเปลืองก็จะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย
และเมื่อต้องการที่จะชลอความเร็วหรือหยุดรถ ระบบเบรกก็สามารถที่จะทำงานได้อย่างมั่นใจ การกระจายแรงเวลาต้องเบรกในสถานะการณ์กระทันหันก็ไม่ทำให้เสียการควบคุม
ทีมงาน Auto-Thailand สรุปแบบนี้ Honda CR-Z Hybird ที่มาพร้อมกับรูปโฉมที่โดดเด่นสะดุดตา แถมด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกับความสนุกในการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดการใช้งานได้ บวกกับถ้าไม่ซ่าส์จนเกินไปก็จะได้ความประหยัดจากเครื่องยนต์ไฮบริด มากันครบแบบนี้แล้ว มีไว้หนีเที่ยวกันสองคนก็น่าจะดีนะครับ