หลังจากเชฟโรเลต เปิดตัวโซนิค เวอร์ชั่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตูสไตล์สปอร์ต สำหรับคนรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเมืองไทย ต่อจากโฉมซีดาน 4 ประตูที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้  ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสนำเชฟโรเลต โซนิค มาทำการทดสอบไปครั้งหนึ่งแล้ว โดยครั้งนั้นเป็นเชฟโรเลต โซนิค  รุ่น 4 ประตู ซีดาน และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราจะได้สัมผัสสมรรถนะของเชฟโรเลต โซนิค โดยครั้งนี้ ทีมงาน Auto-Thailand ได้นำเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก 5 ประตู  LTZ รุ่นท็อปสุด  มาทำการทดสอบ

เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก เป็นรถซับคอมแพ็กต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการออกแบบและพัฒนามาเพื่อคนรุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่นวาย ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยและเปี่ยมด้วยพลัง ผสมผสานรูปลักษณ์และการใช้งานที่ลงตัว เหนือกว่าด้วยเส้นสายที่ดุดันและโฉบเฉี่ยว พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมตามแบบฉบับของแบรนด์เชฟโรเลต





เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก  มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 548,000 บาทถึง 679,000 บาท ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร รองรับเชื้อเพลิง E20 ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรืออัตโนมัติ 6 สปีด โซนิค

เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกไม่ว่าจะเป็นเส้นสายโฉบเฉี่ยวแบบแอโรไดนามิก รูปทรงที่ปราดเปรียว และกรอบไฟหน้าแบบเปิดซึ่งถ่ายทอดมาจากรถมอเตอร์ไบค์สมรรถนะสูง ล้วนเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเชฟโรเลต ที่จะเติม “ความสนุก” กลับคืนสู่การขับขี่







โดยตัวถังของเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก สั้นกว่าเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์ ซีดาน 4 ประตู  360 มิลลิเมตร ความกว้าง ความสูง และฐานล้อเท่ากัน รวมทั้งความกว้างช่วงล้อหน้า-หลัง ก็เท่ากันด้วย  สำหรับน้ำหนัก เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก จะเบากว่าเชฟโรเลต โซนิค ซีดาน 15 กิโลกรัม

การออกแบบภายนอกของเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก  ช่วยเสริมความกว้างขวางให้แก่รถซับคอมแพ็กต์แต่ไม่ทำให้มิติตัวถังดูใหญ่โตเกินไป ขณะเดียวกัน ยังหลีกเลี่ยงความจำเจน่าเบื่อและฉีกกรอบการดีไซน์แบบเดิมด้วยการใช้โคมไฟหน้าสีดำสลับกับแผงสะท้อนแบบอัญมณี ทำให้รูปโฉมด้านหน้าของโซนิค มีประกายโดดเด่นดึงดูดทุกสายตา ด้านท้ายก็ให้ความโดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยโคมไฟท้ายรูปทรงสะดุดตา







เส้นสายอันโฉบเฉี่ยวเป็นผลลัพธ์จากการปรับปรุงหลักแอโรไดนามิก ทำให้รถซับคอมแพ็กต์คันนี้มีภาพลักษณ์ความสปอร์ต สมรรถนะการขับขี่อันมั่นคงสไตล์รถยุโรปและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โซนิคมาพร้อมกับการออกแบบที่พิถีพิถันพร้อมกับเติมเต็มความสดใหม่ที่ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับและความสุขในการครอบครอง ซุ้มล้อถูกออกแบบให้ดูบึกบึนทรงพลัง ตอกย้ำประสิทธิภาพของโซนิคในการเกาะถนนอย่างมั่นคงตลอดเส้นทาง

นักออกแบบของเชฟโรเลต ใช้เหลี่ยมมุม เส้นสาย และความโค้งเว้าในการเพิ่มความปราดเปรียว แทนที่จะใช้การขึ้นรูปด้วยวัสดุโพลียูรีเทนหรือหล่อบล็อกด้วยพลาสติกแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นที่นิยมของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในตลาดบีเซกเมนท์





สำหรับกระจกหน้ารถเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก นั้น ติดตั้งโดยมีระดับพื้นผิวต่ำกว่าเสาหลังคาหน้าอยู่เล็กน้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ในยามขับขี่และช่วยให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากมีลมต้านทานน้อยลง ในขณะที่ขอบด้านบนของกระจกก็ใช้เทคนิคการติดตั้งแบบพิเศษที่ช่วยลดเสียงลมเล็ดลอดเข้าสู่ห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี

ภายในห้องโดยสารของเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก ออกแบบสไตล์ดูอัล ค็อกพิท เอกลักษณ์ของเชฟโรเลตได้รับการปรับแต่งเพื่อให้โซนิค เปี่ยมด้วยความสปอร์ตยิ่งขึ้น เติมความสนุกสนานและความหรูหราอย่างเต็มพิกัดด้วยแผงมาตรวัดอันโดดเด่น โดยนักออกแบบของเชฟโรเลต ไม่ได้ฝังมาตรวัดเข้าไปในแดชบอร์ดแบบรถทั่วไป แต่ได้ออกแบบให้มาตรวัดติดอยู่บนแผง   แดชบอร์ดแทน เพิ่มดีกรีความล้ำสมัยและความสปอร์ตในห้องโดยสาร







เบาะที่นั่งของเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก มีความนุ่มนวลเหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างมั่นคง ตอบสนองความสบายด้วยการใช้วัสดุผ้า (Fabric Flash) ในรุ่นเริ่มต้น ส่วนในรุ่นกลางและสูงนั้นใช้เนื้อผ้าถักทอคุณภาพสูง มีการตัดเย็บที่พิถีพิถันเพื่อเพิ่มความทนทานและให้ความหรูหราเป็นพิเศษ

ผู้โดยสารทุกที่นั่งของเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก ยังจะประทับใจกับความเงียบในขณะขับขี่ ซึ่งเหนือชั้นกว่ารถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ด้วยการใช้แชสซีส์ที่มีความเหนียวแน่นทนทาน เสียงจากพื้นถนนและเสียงลมจึงถูกจำกัดเพื่อบรรยากาศในห้องโดยสารอันน่าประทับใจตลอดการเดินทาง





เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร DOHC รุ่นล่าสุดของจีเอ็ม ที่สามารถรองรับเชื้อเพลิง E20 ได้ พร้อมระบบ Double CVC ให้กำลังสูงสุดที่ 100 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุดที่  130 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สามารถปรับเปลี่ยนเล่นเกียร์ได้เพียงแค่กดปุ่มที่หัวคันเกียร์

เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังใช้รางหัวฉีดแบบมีระบบควบคุมรอบการหมุนของปั๊มเชื้อเพลิง (return-less fuel rail) อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความประหยัดและลดมลภาวะ ระบบนี้มีความแตกต่างจากระบบจ่ายเชื้อเพลิงทั่วไปที่จะส่งคืนเชื้อเพลิงที่ไม่ได้ใช้กลับคืนสู่ถังน้ำมัน แต่ระบบดังกล่าวนี้จะช่วยประเมินจำนวนน้ำมันที่ไหลเข้าสู่เครื่องยนต์และจำกัดเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น นั่นหมายความว่า จะไม่มีเชื้อเพลิงส่วนเกินที่มีความร้อนสูงซึ่งเป็นบ่อเกิดของมลภาวะไหลกลับคืนสู่ถังเชื้อเพลิงอีกต่อไป





ช่วงทดสอบ เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก
กับทีมงาน Auto-Thailand

แรกสัมผัสกับ เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก รุ่น LTZ ตัวท็อปสุด ที่มีอุปกรณ์ต่างๆมาให้อย่างครบครัน สำหรับรูปโฉมภายนอกที่ดูจะสะดุดตาและแตกต่างไปจากตัวซีดาน ก็เห็นจะเป็นที่ด้านท้ายที่ได้รับการออกแบบเป็นแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่ดูแล้วเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นได้ไม่น้อยเลย

และที่ให้ความแตกต่างไม่เหมือนใคร คือที่ตำแหน่งของมือจับเปิดประตูหลังที่จะอยู่บริเวณกระจกประตูให้ความแปลกใหม่ในการใช้งาน อาจจะดูใหญ่โตไปซักหน่อย แต่ก็ดูเป็นเอกลักษณ์ดี





และเมื่อเดินไปเปิดท้ายรถในส่วนของประตูบานที่ 5 เปิดขึ้นก็พบว่า พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง แบ่งสัดส่วนการใช้งานได้อย่างลงตัว และที่พื้นยังสามารถเปิดมาเป็นที่เก็บของได้อีก เรียกว่าใช้งานได้อเนกประสงค์เลยทีเดียว

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารในตำแหน่งผู้ขับขี่ รูปร่างหน้าตาในส่วนของห้องโดยสารด้านหน้าเหมือนกับเชฟโรเลต โซนิค ซีดาน 4 ประตู เบาะนั่งมีความนุ่มนวลดี แต่ยังขาดในเรื่องของความกระชับ แต่ก็ถือว่านั่งได้สบายในระดับหนึ่ง มากันที่ด้านหลังพื้นที่ห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ เบาะด้านหลังสามารถพับเพิ่มพื้นที่ใช้งานพับได้ในแบบ 60:40 เมื่อรวมกับพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายแล้ว  กว้างขวางสามารถขนของชิ้นใหญ่ๆได้สบาย ซึ่งนี่ก็คือข้อเด่นของรถในแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตู

เริ่มการทดสอบด้วยการปรับอุปกรณ์ต่างๆ ท่านั่งที่ค่อนข้างสบาย พวงมาลัยขนาดวงเหมาะมือ เมื่อมองไปยังคอนโซลด้านหน้า เอามือสัมผัสก็ให้ความรู้สึกน่าพอใจในวัสดุที่นำมาใช้เรียกว่าดูดีกว่าบางรุ่นในระดับเดียวกัน แต่การให้สีของคอนโซลกลางสีส้ม-ดำก็ดูสะดุดตาดูมีสีสันไปอีกแบบ





หลังจากเคลื่อนตัวออกสู่ถนนเพื่อทดสอบสมรรถนะการขับขี่ การออกตัวค่อนข้างนิ่มนวลจากพละกำลังเครื่องยนต์ และระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในการขับขี่ใช้งานที่ไม่รีบร้อนก็สามารถตอบสนองอัตราเร่งที่เราต้องการได้ แต่เมื่อที่จะใช้ความเร็วหรือรีบเร่ง การตอบสนองของเกียร์ดูจะแปลกๆ ในรอบความเร็วต่ำ แต่ก็ไม่อืดมากมายอะไรนัก ถ้าต้องขับขี่ในการจราจรที่ติดขัดหรือต้องออกตัวจากหยุดนิ่งบ่อย คงต้องทำเย็นๆ เมื่อผ่านมายังรอบกลางไปยังรอบปลาย หรือความเร็วเริ่มลอยตัวแล้ว ก็ถือว่าทำได้ดีเลย

ในการขับขี่เรื่องที่ประทับใจในเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก เรียกว่าเป็นข้อดีหรือจุดเด่น ก็เห็นจะเป็นเรื่องการเก็บเสียงลมจากภายนอกที่ทำได้ดีในทุกย่านความเร็วที่ขับขี่แบบปรกติ โดยจะเริ่มมีเสียงให้ได้ยินบ้างก็ตอนที่ความเร็วสูงกว่า 120 กม./ชม. แต่เวลาที่ใช้อัตราเร่งทำความเร็วจะมีเสียงเครื่องยนต์ให้ได้ยินบ้าง

ในส่วนของการบังคับควบคุมระบบพวงมาลัยของ เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็กก็ให้ความมั่นใจได้ คือเมื่อเราขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ หรือตอนที่เราต้องกลับรถ ถอยจอดในที่แคบ น้ำหนักพวงมาลัยจะเบาแรง แต่เมื่อเราขับขี่ด้วยความเร็วมากขึ้น ทั้งในทางตรง ทางโค้ง พวงมาลัยก็จะปรับความหนืดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ควบคุมรถได้มั่นใจขึ้น





และจุดเด่นอีกข้อที่มีมาตั้งแต่รุ่นเชฟโรเลต โซนิค ซีดาน 4 ประตู และยังคงสัมผัสได้ในเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก คือ สมรรถนะการเกาะถนนที่เรียกว่าสร้างความประทับใจได้มากเลย ไม่ว่าจะเป็นการขับบนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ เจอหลุม รอยต่อถนน ระบบช่วงล่างก็สามารถเก็บซับแรงกระแทกกระเทือนได้อย่างดี อยากบอกว่าน่าจะดีกว่ารถขนาดเดียวกันและรุ่นสูงกว่าหลายรุ่น ส่วนในยามที่ต้องเข้าโค้ง หรือปรับเปลี่ยนเลนการขับขี่ ก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจ นิ่งหนึบ อีกระบบที่สำคัญนั้นคือ ระบบเบรก ที่ให้ความรู้สึกมั่นใจเมื่อยามเท้าแตะที่แป้นเบรก น้ำหนักในการเหยียบแป้นเบรกกำลังดี คือสามารถชะลอหยุดความเร็วได้อย่างปลอดภัย เรียกว่าอารมณ์ใกล้เคียงกับรถกลุ่มยุโรปเลยก็ว่าได้

สำหรับด้านอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก ที่ทีมงาน Auto-Thailand ขับขี่ทดสอบ โดยตลอดการเดินทางก็มีทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ บางช่วงมีการเร่งแซงเพื่อลองสมรรถนะเครื่องยนต์และระบบเกียร์ แถมบางช่วงก็เจอกับการจราจรที่ค่อนข้างติดขัด ตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ทำได้ก็อยู่ที่ 14-15 กม./ลิตร ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้





ทีมงาน Auto-Thailand  ขอสรุปแบบนี้ เชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก LTZ 5 ประตู ด้วยรูปโฉมที่สะดุดตา ความอเนกประสงค์ในการใช้งานแบบรถ 5 ประตู ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มพื้นที่ในการงานได้อย่างหลากหลาย  สมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ไม่เป็นสองรองใครในรถระดับเดียวกัน พละกำลังจากเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร บวกกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่เพียงพอสำหรับการขับขี่แบบทั่วไป แต่ถ้าชอบความสนุกเร้าใจกับอัตราเร่งแนะนำให้ไปคบกับเชฟโรเลต โซนิค แฮทช์แบ็ก LT เกียร์ธรรมดา 5 สปีด รับรองว่าจะไม่ผิดหวังเลยครับ