auto-thailand.com
เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย เฉลิมฉลอง 100 ปีรถกระบะอย่างต่อเนื่อง จัดกิจกรรม “เชฟฯรักษ์ช้าง” โดยใช้เชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018 และโคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม ในการเดินทางพร้อมให้ได้สัมผัสสมรรถนะและความสะดวกสบายทั้งบนเส้นทางถนนทั่วไปและเส้นทางออฟโรด การเดินทางครั้งนี้ ทีมงาน Auto-Thailand ได้รถเชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018 แบบ 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา เป็นรถคันหลักในการเดินทาง และในช่วงของการเดินทางเข้าไปทำกิจกรรม “เชฟฯรักษ์ช้าง” ทำโป่งเทียมและทำรั้วกึ่งถาวรให้ช้าง ได้มีโอกาสเปลี่ยนมาทดลองขับเชฟโรเลต โคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม แบบ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ สำหรับเชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่นปี 2018 เป็นรถกระบะรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีของรถกระบะเชฟโรเลตที่ได้รับการตกแต่งให้มีความพิเศษจากรุ่นธรรมดา โดยแต่ละคันจะได้รับการประทับหมายเลขประจำตัวรถบนประตู โลโก้โบว์ไทฉลองครบรอบกระบะ 100 ปี ตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบกระบะ 100 ปี สติกเกอร์สีดำรุ่นพิเศษด้านบนฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว รวมถึงพื้นปูกระบะ ชุดคิ้วล้อ และสปอร์ตบาร์สีดำเงาสำหรับรุ่นแอลทีแซด เชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่นปี 2018 มาพร้อมเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ดีเซล เทอร์โบ แปรผัน Variable Geometry Turbocharger (VGT) ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 2,000 รอบ ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 โดยมีให้เลือกทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและขับเคลื่อน 4 ล้อ การเดินทางทดสอบขับครั้งนี้เริ่มต้นจากใจกลางกรุงเทพฯย่านสาทร มุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับเชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018 แบบ 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา โดยในช่วงแรกกับการขับขี่ในเมืองย่านสาทรกับเกียร์ธรรมดา ถือว่าให้อัตราเร่งที่ทันใจดี ความคล่องตัวกับพวงมาลัยที่มีน้ำหนักตึงมือก็ให้ความมั่นใจในการขับขี่ แต่จะมีตรงตำแหน่งของคันเกียร์ธรรมดาที่เวลาขับขี่โยกเปลี่ยนเกียร์แล้วแขนจะไปโดนกับที่ว่างแขนตรงกลางตลอด ซึ่งก็ต้องปรับท่าทางกันเล็กน้อยก็พอจะหลีกเลี่ยงได้บ้าง เมื่อขับขี่ออกนอกเมืองกับภารกิจแรก คือการบรรทุกถุงเกลือและถุงบรรจุแร่ธาตุที่มีน้ำหนักรวมมากกว่า 300 กก. สำหรับทำโป่งเทียมเพื่อช้างและสัตว์ป่า ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดกับตัวรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเพิ่มขึ้นมา เรียกว่ากลับทำให้รู้สึกว่าช่วงล่างของรถมีความนุ่มนวลมากขึ้นจากน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น ส่วนในเรื่องอัตราเร่งนั้นก็อาจจะต้องเติมคันเร่งเพิ่มนิดหน่อยเพื่อให้ได้อัตราเร่งแบบเดิมตอนยังไม่บรรทุกของ และอีกจุดที่ตามมาก็คือเรื่องระบบเบรกก็ยังสามารถให้ความมั่นใจได้เหมือนเดิมถ้าไม่ได้บรรทุกหนักเกินไป หลังจากพักรับประทานอาหารเที่ยงกันเรียบร้อยแล้วในช่วงบ่ายก็เดินทางมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อร่วมกันทำโป่งเทียมด้วยเกลือและแร่ธาตุที่บรรทุกมา โป่งเทียมอุดมด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า ช่วยส่งเสริมระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ยังร่วมกับทำกิจกรรมก่อสร้างรั้วกึ่งถาวรเพื่อปกป้องสัตว์ป่าไม่ให้รุกล้ำพื้นที่ชุมชนและถนนที่มีรถยนต์สัญจร โดยอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ 2,914 ตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำสองสายหลักไหลผ่าน ทั้งแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปรานบุรีที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาตะนาวศรี อุทยานแก่งกระจานมีชื่อเสียงด้านความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะกวางและช้างเอเชีย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ สำหรับการเดินทางเข้าพื้นที่ทำกิจกรรม “เชฟฯรักษ์ช้าง” ทำโป่งเทียมและทำรั้วกึ่งถาวรให้ช้าง ความรู้สึกที่ได้จากการได้ทดลองขับเชฟโรเลต โคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์16:54 21/1/2561ม แบบ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ต้องบอกว่า พละกำลังแรงบิดที่มีมาให้แบบเหลือเฟือกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ ทำให้เราขับขี่ในเส้นทางออฟโรดที่ถึงแม้จะไม่ได้โหดนัก แต่ถ้าเป็นรถแบบขับเคลื่อน 2 ล้อธรรมดาก็คงเหนื่อยอยู่เหมือนกันผ่านไปได้แบบสบายๆ และในช่วงทางเรียบที่ขับออกมานั้นก็พอจะสังเกตถึงความแตกต่างที่พอรู้สึกได้กับพละกำลังของรุ่นนี้ที่เป็นแบบเกียร์อัตโนมัติที่จะมากันแบบนิ่มนวล จะไม่รู้สึกถึงแรงดึงหนักมากแบบเกียร์ธรรมดา เรียกว่าก็ต้องแลกกันระหว่างความสบายในการขับขี่กับอัตราเร่งแบบหลังติดเบาะ จากการสังเกตในการทดลองขับเชฟโรเลต โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018 แบบ 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา เดินทางยาวๆในความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. รอบเครื่องอยู่ที่ 1,500 รอบ ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. รอบเครื่องอยู่ที่ 1,700 รอบ ความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม. รอบเครื่องอยู่ที่ 2,200 รอบ โดยอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 13-14 กิโลลิตร กับความเร็วส่วนใหญ่ที่ใช้ในการเดินทางประมาณ 110 ก.ม./ช.ม. *** ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 814,000 บาทสำหรับโคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 2 ประตู เกียร์ธรรมดา เซนเทนเนียล อิดิชั่นจนถึงรุ่นสูงสุด โคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 4 ประตู ไฮ คันทรี เซนเทนเนียล อิดิชั่น ราคา 1,103,000 บาท โคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 2 ประตู และ 4 ประตู เกียร์ธรรมดา เซนเทนเนียล อิดิชั่นมีตัวถังสีขาว Summit White และสีน้ำเงิน Blue Me Away Metallic ให้เลือกสรร ขณะที่รุ่นโคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 2 ประตู และขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 ประตู ไฮ คันทรี เซนเทนเนียล อิดิชั่นมีตัวถังสีขาว Summit White