เมื่อเร็วๆนี้ ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสนำเอาเชฟโรเลต แคปติวา เครื่องยนต์ดีเซล ที่หลายคนกล่าวถึงพลังกำลัง พร้อมทั้งความหรูหรา สะดวกสบาย แต่ที่สำคัญแรงแต่ประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน โดยรุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็น เชฟโรเลต แคปติวา 2.0 VCDi LTZ สีขาว รุ่น TOP เชฟโรเลต แคปติวา โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์กระจังหน้าสองชั้น “ดูอัลพอร์ท” ขนาดใหญ่ พร้อมกรอบโครเมียม คาดกลางด้วยโลโก้โบว์ไทสีทองขนาดใหญ่ขึ้น กรอบไฟหน้าดีไซน์ใหม่คู่กับไฟโปรเจคเตอร์ ทำงานอัตโนมัติปรับสูงต่ำได้ 4 ระดับ ฝากระโปรงและกันชนหน้าออกแบบใหม่พร้อมช่องรับอากาศและไฟตัดหมอกรูปทรงใหม่ ด้านข้างเพิ่มขอบโครเมียมให้ความหรูหรา ส่วนด้านท้ายรถ ติดตั้งสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ส่วนบริเวณกันชนท้ายติดตั้งแผ่นกันกระแทก พร้อมปลายท่อไอเสียคู่โครเมียมแบบสปอร์ต ตามมาด้วยล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้วในรุ่น LTZ พร้อมยาง 235/50 R19 สำหรับภายนอกที่ให้มาเรียกว่าแทบไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มก็ดูหล่อแล้ว และเมื่อเปิดประตูสู่ห้องโดยสารของเจ้าเชฟโรเลต แคปติวา ก็พบกับความสะดวกสบายจากออฟชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เบาะที่นั่งหุ้มหนังแท้สีโทนสว่าง เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย เบาะแถวหลังสามารถพับราบ สำหรับขนสัมภาระใหญ่ๆได้สบาย ในแผงคอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียง และระบบปรับอากาศ และเบรกมือไฟฟ้าที่ใช้งานง่าย เพียงแค่กดปุ่ม ส่วนระบบเครื่องเสียงเป็นแบบสามมิติ (3 Dimensional Sound Staging) ที่โดยเน้นมิติเสียง คมชัด และสมจริง ผ่านลำโพง 8 ตัว โดยสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ USB และ AUX และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เมื่อมีเครื่องเสียงชั้นดีแล้วภายในห้องโดยสาร วิศวกรเชฟโรเลตยังเพิ่มวัสดุป้องกันเสียงเพื่อลดการรบกวนจากเสียงภายนอก ทั้งจากพื้นถนน เสียงลม หรือเสียงเครื่องยนต์ เดียวพอช่วงได้ลองขับแล้วมาทดสอบกันว่าจะเป็นอย่างไร ช่วงทดสอบ เชฟโรเลต แคปติวา 2.0 VCDi LTZ กับทีมงาน Auto-Thailand แรกสัมผัสเริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอดที่ทีมงานไปรับรถทดสอบ ออกมาก็พบกับการจราจรที่ติดขัด ก็ถือเป็นบททดสอบหนึ่งของเจ้ารถเชฟโรเลต แคปติวา ก็เรียกได้ว่าให้ความคล่องตัว ถึงแม้ในช่วงออกตัวจะรู้สึกรอรอบไปบ้าง แต่เมื่อรอบเครื่องยนต์เกินกว่า 1000 รอบ พละกำลังก็จะมารอให้ใช้งานได้อย่างทันใจ โดยเชฟโรเลต แคปติวา 2.0 VCDi LTZ มาพร้อมเครื่องยนต์บล็อกใหม่ 4 สูบแถวเรียง ดีเซลคอมมอนเรล พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGT แบบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด DSC (Driver Shift Control) ให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งการเดินทาง โดยทั่วไปในเมืองเราก็ได้ลองโหมดการขับขี่แบบ ECO ก็ให้ความนุ่มนวลดี แต่เมื่อต้องการเร่งแซง หรือใช้กำลังเครื่องยนต์เต็มที่ก็ต้องปลดโหมด ECO ออกเพื่อความทันใจ และให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น เชฟโรเลต แคปติวา ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (All-Wheel Drive) พร้อมระบบเสริมแรงบิดอัจฉริยะ (Active Torque On Demand) มาช่วยเสริมในการขับขี่ได้อย่างดี ระหว่างการขับขี่เดินทาง ก็ยังเพลิดเพลินกับระบบเครื่องเสียง 3D Sound staging ของเชฟโรเลต แคปติวา อยากจะบอกว่าเหมือนกับยกเครื่องเสียงบ้านดีๆมาเปิดฟังในรถเลย โดยสามารถเลือกได้ 2 โหมด คือ Passenger จะเน้นที่ผู้โดยสาร และ Driver ก็จะใช้เวลาเราขับขี่คนเดียว และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องการเก็บเสียงรบกวนภายนอกทำได้ดีเลยทีเดียวทั้งในช่วงเจอถนนที่ไม่ดี และในยามที่ใช้ความเร็วสูง และเมื่อได้จังหวะทีมงาน Auto-Thailand ได้ลองไปยืนฟังเสียงเครื่องยนต์ เรียกว่าอยู่ในระดับที่รับได้ คือได้เงียบแบบเครื่องยนต์เบนซิน แต่ก็ไม่ได้ดังเหมือนพวกรถกระบะ ในช่วงการเดินทางก็ได้เจอทั้งสภาพเส้นทางตรงและเส้นทางที่มีความโค้ง เชฟโรเลต แคปติวา ก็ทำได้อย่างมั่นใจ โดยระบบกันสะเทือนของเจ้าเชฟโรเลต แคปติวา เป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ที่ด้านหน้า และใช้ระบบช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ยึด 4 จุดที่ด้านหลัง พร้อมระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติ (Self-Levelizer) ที่จะช่วยปรับระดับของช่วงล่างด้านหลังให้ยกสูงขึ้น เพื่อให้ระดับของด้านหน้ารถกับด้านหลังอยู่ในแนวขนานกับพื้นถนนเท่ากัน ซึ่งทำให้ไม่เกิดอาการหน้าเชิด ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นคง มากยิ่งขึ้น ทั้งยังพัฒนาเหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ปรับตั้งช็อกอัพและสปริงใหม่ ให้การยึดเกาะถนนที่นุ่มนวล รวมถึงการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่ทีมงานเชฟโรเลตได้ปรับเซตมาใหม่ ให้ควบคุมง่าย น้ำหนักกำลังดี แต่อาจจะไวไปสักนิด แต่พอปรับตัวระยะหนึ่งก็สามารถควบคุมได้อย่างมั่นใจ และบางช่วงอาจจะรู้สึกกระด้างบ้างกับล้อและยางขอบ 19 นิ้ว แต่ก็มีสิ่งทดแทนกันคือ อาการโยนตัวจะน้อยกว่าบวกกับการขับขี่ที่สนุกขึ้น หลังจากนั้นทีมงาน Auto-Thailand ได้หาโอกาสลองกันในทางฝุ่น หรือทางลูกรังที่สร้างความประทับใจได้ไม่น้อยทั้งการทรงตัวในการวิ่งในถนนที่ไม่เรียบ การเก็บเสียง การซับแรงกระแทกจากพื้นถนนก็สามารถเก็บได้ดี และยังได้ลองใช้ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ช่วยป้องกันรถไหลจากการเบรครถชั่วขณะในระหว่างขับขึ้นทางชัน 1-2 วินาที เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนแป้นเท้าจากการเบรคไปยังแป้นคันเร่งได้อย่างมั่นใจ ส่วนในการลงทางลาดชันก็มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control) ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้ลงทางลาดชันได้อย่างปลอดภัย เพียงกดปุ่ม HDC บนคอนโซล ระบบจะควบคุมความเร็วให้เหมาะสม โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบเบรก ตัวรถจะไหลลงทางลาดชันด้วยความเร็วคงที่ เรียกได้ว่าสองระบบนี้ช่วยให้การขับขี่ในเส้นทางที่ทุรกันดานเป็นเรื่องง่ายไปเลย สุดท้ายระบบความปลอดภัยที่เชฟโรเลต แคปติวา มาแบบฟลูออฟชั่น อาทิ ระบบเบรกที่ให้น้ำหนักเบรกดี แม้ต้องใช้งานในระยะกระชั้นชิดก็ยังให้ความมั่นใจ จากการทำงานของระบบดิสก์เบรก 4 ล้อแบบมีครีบระบายความร้อนที่เบรกคู่หน้า พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเสริมแรงเบรกแบบไฮโดรลิก (HBA) และระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ (EBD) นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) รวมถึงระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) และยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมเพิ่มม่านถุงลมนิรภัยบริเวณด้านข้างรถเพื่อป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในกรณีเกิดการชนด้านข้าง ด้านอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเชฟโรเลต แคปติวา 2.0 VCDi LTZ โดยในการขับขี่ใช้งานในเมืองจะอยู่ที่ 8-9 กม./ลิตร ส่วนนอกเมืองจะอยู่ที่ 12-13 กม./ลิตร จะเห็นว่าตัวเลขที่ได้ดูจะไม่สูงนัก น่าจะมาจากน้ำหนักตัวรถที่เกือบๆ 2 ตัน พร้อมตัวถังรถที่มีขนาดใหญ่ เรียกว่าพละกำลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 VCDi ก็สามารถการใช้งานได้น่าพอใจกว่าตัวเครื่องยนต์เบนซินอยู่ดีครับ ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ เชฟโรเลต แคปติวา 2.0 VCDi LTZ ให้ความโดดเด่นในเรื่องสมถรรนะของการเกาะถนน การควบคุมขับขี่ง่าย สะดวกสบาย พร้อมออฟชั่นต่างๆ มากมาย เรียกว่าใช้งานกันไม่หมด และเมื่อบวกกับพละกำลังของเครื่องยนต์ดีเซล ที่ถึงแม้จะไม่ประหยัดอย่างที่คิด แต่เรียกว่าถ้าถึงรอบการทำงานแล้ว อะไรก็ฉุดแคปติวาคันนี้ไม่อยู่จริงๆครับ…
ฝากคลิก LIKE ที่ Fanpage Auto-Thailand นี้ด้วยครับ https://www.facebook.com/AutoThailandweb
รีวิวเยี่ยมครับ รถก็เยี่ยม น่าใช้สุดละ suv 7ที่นั่ง