Auto-Thailand : BMW รถยนต์แบรนด์หรูที่มาพร้อมความสปอร์ตจากค่ายยุโรปที่มีความโดดเด่นด้านสมรรถนะทั้งจากพละกำลังเครื่องยนต์ รวมถึงระบบช่วงล่างที่เลื่องชื่อ รูปโฉมที่ออกแนวสปอร์ตหรูหรา เรียกว่าเป็นรถยนต์แบรนด์หนึ่งที่ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ให้แก่ผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี
โดยทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสนำ The New BMW 320d Sport Line ที่เป็น 1 ใน 3 สไตล์ในตระกูล BMW 3 Series ที่เพิ่งได้รับการปรับโฉมมาทำการทดสอบ
BMW 320d Sport Line หรือเรีกกันว่าโฉม F30 ที่ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 ของ BMW 3 Series ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกสปอร์ตมีระดับ ที่มาพร้อมกับความโดดเด่น การออกแบบที่ล้ำสมัยลงตัวด้วยไฟหน้าและกระจังหน้าคู่เป็นสีดำพร้อมกรอบสีเงินที่ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตตามแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นก่อนๆ แต่เป็นครั้งแรกที่ดีไซน์กระจังหน้าคู่ให้มุมมองที่เปลี่ยนไปจากเดิมทั้งจากด้านข้างด้วยมุมมองโฉบเฉี่ยว ดีไซน์ แสดงเส้นสายรอบคันที่เด่นชัด ที่เป็นเอกลักษณ์
BMW 320d Sport Line ได้รับการออกแบบตกแต่งภายใน เลือกสรรใช้วัสดุคุณภาพสูง ตัดเย็บอย่างประณีต โดยใช้โทนสีดำ Black Highgloss สลับแดงที่ให้อารมณ์สปอร์ตในการขับขี่ ห้องโดยสารออกแบบให้ตำแหน่งผู้ขับขี่เปรียบเสมือนอยู่ในรถแข่ง แผงควบคุมต่างๆ ถูกจัดวางอย่างลงตัว ใช้งานง่ายสะดวกสบายไม่ต้องละสายตาจากถนน
BMW 320d Sport Line มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดที่ 180 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่แบบ Eco Pro, Sport, Sport+
ช่วงทดสอบ BMW 320d Sport Line กับทีมงาน Auto-Thailand
แรกสัมผัสกับ BMW 320d Sport Line สีขาว ในตอนที่ทีมงาน Auto-Thailand ไปรับรถมาทดสอบด้วยรูปโฉมที่หรูหราเป็นเอกลักษณ์ในแบบ BMW ที่มาพร้อมความสปอร์ต เรียกว่าเป็นรถที่หรูหราคันหนึ่งที่ขับแล้วดูไม่แก่ แถมยังให้ความภูมิฐานไปในตัวอีกด้วย
ก้าวเข้าสู้ห้องโดยสาร BMW 320d Sport Line ภายในห้องโดยสารที่โดดเด่นให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตด้วยโทนสีดำคาดแดง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้คุณภาพดี ในตำแหน่งผู้ขับขี่ เบาะนั่งให้ความกระชับในแบบเบาะแข่ง แต่ก็ยังให้ความสบาย เรียกว่าโอบกระชับ ทั้งยังสามารถปรับระดับได้หลายทิศทางตามรูปร่างของผู้ขับขี่ ในเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าก็ให้ความสบายไม่แพ้กัน ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังก็ให้พื้นที่กว้างขวางนั่งสบายจากพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นวางเท้าที่ค่อนข้างกว้าง สามารถนั่งโดยสารแบบ 3 คนได้อย่างสบาย ภายในห้องโดยสารก็ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมาให้แบบครบครัน
เริ่มออกเดินทางทดสอบกับ BMW 320d Sport Line หลังจากทีมงานสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วก็ได้สังเกตเสียงจากเครื่องยนต์ขณะจอดอยู่กับที่ อยากบอกว่าเงียบใช้ได้เลยกับเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลที่ลองไปยืนฟังด้านหน้ารถ และกลับเข้ามานั่งในห้องโดยสารสังเกตเสียงจากเครื่องยนต์เรียกว่า ถ้าไม่บอกว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ก็คงจะมีคนคิดว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซินเหมือนกัน เพราะห้องโดยสารสามารถเก็บเสียงได้ดีเลยทีเดียว (เดี๋ยวตอนวิ่ง ค่อยมาสังเกตกันอีกที)
เคลื่อนตัวออกสู่ถนนซอยที่พอมีทางโล่งๆ ก่อนถึงถนนใหญ่ ก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังแรงบิดที่มาจากเครื่องยนต์ดีเซลของ BMW 320d Sport Line ที่สามารถตอบสนองคันเร่งได้อย่างทันที แม้แต่ในการเคลื่อนตัวในการจราจรที่ติดขัด พละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ก็ทำให้การขับขี่ได้คล่องตัว เหมือนกับว่าเรากำลังขับรถคันเล็กๆ ทั้งที่จริงแล้วเรากำลังนั่งอยู่ใน BMW 320d Sport Line ที่มีขนาดตัวถังและน้ำหนักรวมแล้วไม่น้อยเลย ความคล่องตัวตรงจุดนี้คงจะไม่ได้มาจากพละกำลังจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวแน่นอนที่ BMW มีชื่อเสียงในเรื่องของระบบเกียร์ที่สามารถถ่ายทอดกำลังได้อย่างนุ่มนวล ราบรื่น รวดเร็ว จากระบบอัตโนมัติใหม่ 8 สปีด ที่เรียกว่าใช้งานในเมืองยังไงก็คงใช้ไม่หมด
และในการขับขี่ในเมืองที่การจราจรค่อนข้างติดขัด BMW 320d Sport Line ก็มีระบบ Auto Start/Stop ที่ช่วยให้เราประหยัดเชื้อเพลิงและยังช่วยลดมลพิษ ซึ่งทำงานเมื่อเราเหยียบเบรกเมื่อตอนรถหยุดนิ่งสักพักเครื่องยนต์ก็จะดับ แต่อุปกรณ์ต่างๆ ที่เรากำลังใช้งานอยู่ในขณะนั้นก็ยังทำงานเป็นปรกติ อย่างเช่นระบบแอร์ หรือเครื่องเสียง และเมื่อเราปล่อยยกเท้าออกจากแป้นเบรกเครื่องยนต์ก็กลับมาติดอัตโนมัติ ซึ่งจะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในตอนที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดขึ้นมาอีกครั้ง และความที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลจึงค่อนข้างที่จะรับรู้ความรู้สึกได้ค่อนข้างชัดเจน และเมื่อต้องเจอสภาพการจราจรที่ติดขัดมากๆ แบบว่าเดียวเคลื่อนตัว เดียวเบรกๆ หยุดๆ ระบบ Auto Start/Stop ก็อาจจะสร้างความรำคาญไปบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะทาง BMW ก็ได้ออกแบบให้มีปุ่มที่สามารถปิดการใช้งานในระบบนี้ไว้ที่ด้านล่างของปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ และถ้าเราปิดระบบนี้เครื่องยนต์ก็จะทำงานเหมือนรถทั่วไป
ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสทดสอบใช้งานกับ BMW 320d Sport Line อยู่พักใหญ่ เรียกว่าคุ้นชินกับตัวรถเลยก็ว่าได้ โดยได้ลองออกวิ่งทดสอบในแถบชานเมือง ซึ่งการเดินทางทดสอบของเราถือว่าโชคดีและพอเหมาะกับการที่ได้เจอสภาพการใช้งานที่หลากหลายโดยไม่ได้ตั้งใจ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าพละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลใน BMW 320d Sport Line ที่มีมาให้อย่างเหลือเฟือ ก็ยังให้การควบคุมที่ง่าย ขับขี่สบาย จากพวงมาลัยที่จับถนัดมือ บวกกับน้ำหนักที่สามารถปรับได้ทั้งตามความเร็วที่ใช้และโหมดการขับขี่ที่เลือก ที่ยังรวมเอาระบบช่วงล่างที่ทำงานผสานกันตามโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้เข้าไปอีก ก็สามารถใช้งานขับขี่ได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะในยามที่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูงการควบคุมรถทำได้ง่ายเหมือนกับขับขี่ความเร็วต่ำ และเมื่อต้องชลอหรือหยุดพละกำลังของตัวรถ ระบบเบรกก็สามารถทำงานได้อย่างมั่นใจไม่มีอาการเสียการควบคุม ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของรถจากค่ายยุโรปอย่าง BMW
ในการเดินทางทดสอบ ทีมงานยังได้มีโอกาสเจอสภาพฝนตกที่มีพื้นผิวค่อนข้างลื่น สมรรถนะจากช่วงล่างของ BMW 320d Sport Line สามารถที่จะควบคุมขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ระบบช่วยการทรงตัวทำงานช่วยการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยในช่วงฝนตกได้มีโอกาสเบรกแบบกระทันหัน เรียกว่ายังสามารถควบคุมตัวรถไว้ได้
และจากการที่ทีมงาน Auto-Thailand ได้ใช้งานทดสอบ BMW 320d Sport Line อยู่ระยะหนึ่งอย่างที่บอกไปแล้ว ว่าเริ่มคุ้นชินทำให้เริ่มรู้สึกว่าอยากได้ความหนึบของระบบช่วงล่างเพิ่มขึ้นมาอีกสักนิด (ทำให้พบคำตอบกับตัวเองว่า ทำไม่รถที่ดีๆ ของเดิมก็ดีอยู่แล้ว ถึงต้องยังมีชุดแต่งต่างๆ ออกมาขายกันอีก)
อีกจุดเด่นที่เจอกับทีมงาน Auto-Thailand ก็คือระบบไฟหน้ารถของ BMW 320d Sport Line ที่สามารถให้ความส่องสว่างและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีน่าพอใจ ถ้าใครขับรถกลางคืนบ่อยจะพบว่า เวลาที่เราต้องขับขี่เวลากลางคืน (และบวกกับมีฝนตกด้วย) ถ้าไฟหน้ารถไม่ดี จะค่อนข้างเหนื่อยในการเดินทาง แต่สำหรับ BMW 320d Sport Line ให้ทัศนวิสัยที่ดีกว่ารถทั่วไป เรียกว่าเหมือนขับใช้งานในเวลากลางวันเลยทีเดียว และเมื่อมารวมกับสมรรถนะพละกำลังที่เหลือเฟือยิ่งทำให้การขับขี่เดินทางสะดวกสบายมากขึ้น
ในด้านอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ BMW 320d Sport Line ที่ทีมงานทดสอบมา ในการใช้งานในเมืองหรือในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น ก็สามารถทำตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ประมาณ 15-16 กิโล/ลิตร สำหรับในการใช้งานนอกเมือง สามารถทำตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ประมาณ 19 กิโล/ลิตรบวกลบ ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่ได้จากการใช้งานจริงที่ไม่ใช่ขับกันนิ่งๆ ที่ความเร็ว 90 กม./ชม. แต่หลายช่วงการเดินทางที่เราใช้ความเร็วคงที่ที่ 120 กม./ชม. (มีแอบเกินไปก็บ่อย) ซึ่งถือว่า BMW 320d Sport Line เป็นรถยนต์ที่ให้อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีคันหนึ่ง เมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง อีกจุดหนึ่งที่พบเกี่ยวกับอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ถ้าชอบการขับขี่แบบปรู้ดปร้าดในโหมด SPORT ก็ไม่ได้สิ้นเปลืองเพิ่มมากมายอะไรนัก เรียกว่า ถ้าอยากแรง...อยากสนุกก็ต้องจ่ายเพิ่มนิดหนึ่งครับ
ทีมงาน Auto-Thailand ของสรุปแบบนี้ BMW 320d Sport Line ด้วยรูปโฉมที่สปอร์ต หรูหราในแบบฉบับของ BMW ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีพละกำลังให้ใช้งานได้อย่างเหลือเฟือ ให้อัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ บวกกับสมรรถนะช่วงล่างที่ไว้ใจได้ แถมยังประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก อยากแนะนำให้หาโอกาสไปลองขับดู แล้วคุณจะรู้ว่า “ของถูกแล้วดี ไม่มีในโลก”