BMW ซีรี่ส์ 3 ชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยโดยส่วนใหญ่จะเจอกันแบบซีดาน 4 ประตู หรือไม่ก็แนวสปอร์ตแบบคูเป้ 2 ประตู แต่สำหรับ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ตัวนี้ที่ทีมงาน Auto-Thailnd นำมาทดลองขับจะมาในแบบ 4 ประตู พร้อมกับฝาท้ายเปิดขึ้นได้ทั้งบานแบบแฮทช์แบ็ก นอกจากจะให้ความแปลกใหม่สะดุดตาแล้ว ยังมาพร้อมกับประโยชน์ใช้งานที่หลากหลายขึ้น ที่มากับราคาค่าตัว 3,199,000 บาท
BMW 320d Gran Turismo Sport Line ด้วยรูปโฉมด้านหน้าที่ยังคงดีไซน์คล้ายกับพี่น้องในตระกูลซีรี่ส์ 3 โดดเด่นด้วยกระจังหน้าคู่ซี่ดำเงา 8 ซี่ ล้อมด้วยกรอบโครเมี่ยม ไฟหน้าวงแหวนคู่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW ด้านหน้ายังมีช่องดักอากาศที่ชายล่างสีดำ รับกับไฟหน้า และซุ้มล้อที่ใหญ่ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว แบบซี่คู่ Sport Line เพิ่มความสปอร์ตดูดีแก่ผู้พบเห็น
BMW 320d Gran Turismo Sport Line ได้รับการออกแบบรูปทรงของรถให้ปราดเปรียวด้วยดีไซน์ของเส้นสายที่กลมกลืน ตั้งแต่หัวจรดท้าย หลังคาโค้งมนให้ความรู้สึกแบบรถสปอร์ตคูเป้ที่เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร และเมื่อมองจากด้านท้าย ไฟท้าย L Shape รูปทรงพิเศษ บ่งบอกถึงท้ายรถที่กว้างขวาง และมีพื้นที่ใช้สอยมากมาย สำหรับในรุ่น Sport Line นี้กระจกมองข้าง และขอบกระจกจะเป็นสีดำ ปลายท่อไอเสียสีรมดำ ตกแต่งช่องระบายอากาศและเสากลางด้วยสีดำเงาอีกเช่นกัน
ภายในห้องโดยสารของ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ตกแต่งด้วยสีดำตัดแดง ที่ให้ความหรูหราและความสปอร์ตในสไตล์ BMW ขอบหน้าปัด เรือนไมล์สีแดง พร้อมมาตรวัดแบบสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบสปอร์ตเย็บตะเข็บด้วยด้ายแดง และภายใน ตกแต่งด้วยแถบสีดำเงาตัดกับแถบสีแดง คอนโซลหน้ามีหน้าจอแสดงผลการขับขี่รูปแบบ free-standing ที่สามารถแสดงผลข้อมูลต่างๆได้อย่างชัดเจน
BMW 320d Gran Turismo Sport Line ยังให้ความสะดวกยิ่งกว่ากับระบบ Comfort Acces และระบบเปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ ให้คุณเปิดฝากระโปรงท้ายอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้มือ เซ็นเซอร์ที่ใต้กันชนท้าย จะจับสัญญาณความเคลื่อนไหว เพียงคุณแกว่งปลายเท้า ระบบอัจฉริยะจะปลดล็อค และเปิดฝาท้ายขึ้น ทำให้สะดวกในการใช้งานในยามที่ต้องขนสัมภาระต่างๆมาเก็บที่ท้ายรถ
ส่วนระบบรองรับของ BMW 320d Gran Turismo Sport Line คันนี้ ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพแก๊สและเหล็กกันโคลงโดยมีปีกนกทำจากอลูมินั่มอัลลอย สำหรับระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ โช้คอัพพร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแบบอัตราทดแปรผันที่ความแม่นย่ำในการขับขี่ควบคุม
BMW 320d Gran Turismo Sport Line มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโหมด ECO PRO โหมดเน้นการขับขี่แบบประหยัด โหมด Comfort เน้นการขับขี่แบบทั่วไป โหมด Sport เน้นการตอบสนองที่ไวและสามารถลากรอบได้มากกว่า และโหมด Sport + จะปิดการทำงานของระบบ Traction Control ที่จะทำให้ได้สัมผัสพละกำลังกันแบบดิบๆ แต่ตรงนี้ต้องอาศัยความระมัดระวัง และทักษะในการขับขี่ด้วยจะได้ขับขี่สนุกและปลอดภัย
แรกสัมผัสในวันไปรับรถทดสอบ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ด้านหน้านั้นยังคงรูปแบบคล้ายกับ BMW ซีรี่ส์ 3 แต่เมื่อมามองที่ด้านข้างนั้นให้ความรู้สึกตัวรถที่ยาวกว้าง ด้านท้ายฝากระโปร่งหลังเปิดแบบรถแฮทช์แบ็กสะดวกสบายด้วยเซ็นเซอร์ที่ใต้กันชนท้าย ที่เพียงคุณแกว่งปลายเท้าฝากระโปร่งหลังก็จะเปิดให้อัตโนมัติ เรียกว่าในยามที่เราถือสิ่งของสัมภาระมาก็สามารถเปิดเก็บของได้อย่างสะดวก
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร BMW 320d Gran Turismo Sport Line ในส่วนด้านหน้าเบาะนั่งรวมถึงรูปแบบการจัดวางอุปกรณ์ที่คอนโซลแทบจะเหมือนกับในรุ่น BMW ซีรี่ส์ 3 ซีดาน แต่ตำแหน่งการนั่งจะสูงกว่าเล็กน้อย อีกสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ก็คือ ความกว้างขวางของห้องโดยสารทั้งด้านหน้า และด้านหลังนั้นถือว่ากว้างกว่า BMW ซีรี่ส์ 3 ซีดาน แบบชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางขา เอาเป็นว่าถ้าเคยสัมผัสใช้งาน BMW ซีรี่ส์ 3 ซีดานมาก่อน รับรองว่าจะรู้สึกถึงความกว้างขวางโปร่งนั่งสบายขึ้นแน่นอน
ห้องโดยสารด้านหลังของ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ยังสามารถปรับรูปแบบการใช้งานพับปรับเพิ่มพื้นที่การใช้สอยได้อย่างอเนกประสงค์
ด้านการขับขี่นั้น BMW 320d Gran Turismo Sport Line ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 184 แรงม้า และมีแรงบิดถึง 380 นิวตัน ทำให้สามารถเรียกพละกำลังออกมาใช้งานกันได้แบบทันใจ รวดเร็ว และยังส่งกำลังได้อย่างนิ่มนวลต่อเนื่องจากระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้หลายรูปแบบ เรียกว่าถ้าขับขี่ใช้งานกันทั่วไปใช้โหมด ECO PRO หรือ Comfort ก็เพียงพอมีอัตราเร่งที่พอใช้ แถมยังประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย ส่วนในเวลาที่เร่งด่วน หรือต้องการสนุกกับการขับขี่ในสไตล์ BMW ก็สามารถใช้งานในโหมด SPORT และ SPORT+ อัตราเร่งรวมถึงพละกำลังจะถูกถ่ายทอดออกมากันแบบหลังติดเบาะกันเลยทีเดียว
สำหรับความรู้สึกในการขับขี่นั้น การบังคับควบคุมพวงมาลัยของ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ให้ความคมแม่นย่ำ สามารถบังคับได้ดั่งใจ ทั้งในช่วงใช้ความเร็วสูงก็ยังให้ความมั่นใจจากการปรับให้มีน้ำหนักมากขึ้น ส่วนในขณะที่ขับขี่ช้าๆ หรือในช่วงที่ต้องถอยจอดน้ำหนักของพวงมาลัยจะเบาใช้งานได้อย่างคล่องตัว
อีกส่วนหนึ่งที่ยังคงถือเป็นจุดเด่นของ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ก็คือ สมรรถนะของระบบช่วงล่าง และระบบเบรกที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างน่าพอใจ ทั้งในเส้นทางตรง หรือแม้แต่ในการขับขี่ในเส้นทางคดโค้ง ร่วมถึงในยามที่ต้องชะลอความเร็วหรือหยุดรถในแบบกระทันหันก็ยังให้ความมั่นใจได้ เอาเป็นว่าถ้าคุณขับขี่รถในสไตล์ทั่วไปไม่ได้เค้นพละกำลังกันแบบสุดๆแล้วล่ะก็ BMW 320d Gran Turismo Sport Line เดิมๆ สามารถรองรับการขับขี่ได้แบบสบาย แต่ถ้าชอบการขับขี่กันแบบสุดๆ ได้ชุดแต่งช่วงล่างเพิ่มสักหน่อย รับรองว่าจะได้สัมผัสกับความสนุกจากการขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ด้านอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ด้วยความที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลของ BMW ที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านพละกำลัง และความประหยัดเชื้อเพลิง โดยเครื่องยนต์นั้นถูกเซตมาให้ทำงานในรอบไม่สูง โดยความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องประมาณ 2000 รอบ ทำให้การขับขี่ใช้งานในเมืองอยู่ที่ประมาณ 13-14 ก.ม./ลิตร ส่วนการขับขี่เดินทางนอกเมืองในอยู่ที่ 17-18 ก.ม./ลิตร อาจจะน้อยกว่าในรุ่นซีดาน แต่ดูจากตัวเลขแล้วถือว่าน่าพอใจ
ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ BMW 320d Gran Turismo Sport Line ด้วยรูปโฉมและภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย ความสะดวกสบายจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมาให้ใช้งานอย่างครบครัน เครื่องยนต์ดีเซลที่สามารถตอบสนองได้ทั้งอัตราเร่ง รวมถึงให้ความประหยัดเชื้อเพลิง เรียกว่า BMW 320d Gran Turismo Sport Line น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวหนึ่งเลยทีเดียว