หลังจากมิตซูบิชิ เปิดตัว ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับการตอบรับด้วยยอดจองเกินคาด โดยมีกิจกรรมพาสื่อมวลชนไปทดลองขับขี่แบบสั้นๆ ในสนามทดสอบของมิตซูบิชิที่ จ.ชลบุรี เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งครั้งนั้นเน้นโชว์สมรรถนะเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีจัดเต็มมาในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ทุกรุ่น
สำหรับครั้งนี้ ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสร่วมเดินทางทดสอบรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่กันอีกครั้ง แต่ในรอบนี้จะได้สัมผัสขับขี่ทดสอบกันแบบยาว บนเส้นทางปทุมธานี-เพชรบูรณ์ ที่มีทั้งเส้นทางแบบออนโรด และออฟโรด
เริ่มกิจกรรมทดสอบมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ กันที่สำนักงานใหญ่ของมิตซูบิชิ จ.ปทุมธานี ด้วยการรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลและเส้นทางการขับขี่ทดสอบ พร้อมกับจับฉลากเลือกรถทดสอบ โดยในเที่ยวขาไป ทีมงาน Auto-Thailand ได้รถทดสอบมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium 4WD ที่ถือว่าเป็นตัว TOP สุดที่มาพร้อมออพชั่นแบบจัดเต็ม ตลอดเส้นทางจะมีจุดแวะพักให้สลับผู้ขับขี่ทดสอบ
สำหรับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ ไมเวค คลีนดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีด

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium ยังมาพร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Super Select 4WD–II ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-time All Wheel Control ช่วยให้เกาะถนนมากขึ้นแม้ในทางลื่น และสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLc หรือ 4LLc เมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางแบบออฟโรดได้ตามความต้องการและง่ายขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า ทั้งยังสามารถเลือกโหมดขับเคลื่อนแบบออฟโรดถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ GRAVEL เหมาะสำหรับขับขี่บนถนนลูกรังที่มีกรวดและดิน MUD/SNOW เหมาะสำหรับขับขี่ในบริเวณที่เป็นโคลนหรือหิมะหนา SAND เหมาะสำหรับขับขี่ในบริเวณที่เป็นทรายละเอียด ROCK เหมาะสำหรับขับขี่บนถนนที่พื้นผิวขรุขระเช่นมีหินมากหรือล้อลอยจากพื้น
ด้านระบบความปลอดภัย และช่วยขับขี่ที่เป็นไฮไลต์ติดตั้งมาแบบจัดเต็มกับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ( ASTC), ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS), ระบบกล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ,ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) เป็นต้น (ไหนๆก็มี FCM แล้วถ้าเพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)จะเป็นอะไรที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบมาก)








ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร ทีมงาน Auto-Thailand ขอเป็นผู้ขับขี่ทดสอบไม้แรก การปรับตำแหน่งท่านั่งทำได้ด้วยเบาะปรับไฟฟ้า ตัวเบาะหุ้มหนังให้ความกระชับนั่งได้พอดี ทัศนวิสัยการมองเห็นทำได้รอบด้านจากตำแหน่งการนั่งค่อนข้างสูง พวงมาลับแบบมัลติฟังก์ชั่นใช้ควบคุมระบบกล้องมองภาพรอบคัน รวมถึงระบบเครื่องเสียง และเรียกดูข้อมูลจำเป็นในการขับขี่ได้อย่างสะดวก และมีแป้น Paddle Shift ปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยมาให้ใช้งานอีกด้วย
ห้องโดยสารของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium ตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตัดด้วยสีเงิน ซิลเวอร์ เดคคอเรชั่น พร้อมกับสีดำแบบ Piano Black ที่บริเวณแผงคอนโซล แผงประตู และที่คอนโซลกลางจะมีปุ่มปรับเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และปุ่มเบรกมือไฟฟ้า ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมแผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบอิสระและช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ด้านระบบเครื่องเสียงของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium ติดตั้งวิทยุ ซีดี ดีวีดี MP3 จอภาพระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว และจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบ Wide Screen ขนาด 9 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และรีโมทคอนโทรล รวมทั้งยังมีหูฟังอินฟราเรดมาให้อีก 2 ชุด โดยความพิเศษจะอยู่ที่สามารถใช้งานแยกอิสระจากชุดเครื่องเสียงด้านหน้าได้ด้วย
เริ่มออกเดินทางความรู้สึกถึงพละกำลังที่พามิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าค่อนข้างนิ่มนวลจนต้องลองเติมคันเร่งเพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ให้ออกตัวได้รวดเร็วขึ้น โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะมาจากน้ำหนักตัวรถในรุ่นนี้ที่มีกว่า 2 ตัน ซึ่งเมื่อเคลื่อนตัวใช้ความเร็วแล้วก็สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ค่อนข้างน่าพอใจ การเรียกกำลังในการเร่งแซงทำได้ค่อนข้างรวดเร็วจากเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ที่มากับแรงบิด 430 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ของ Aisin ที่มั่นใจได้เลยกับชื่อเสียงของเกียร์ค่ายนี้ ตรงนี้จากการสอบถามว่าทำไมระบบเกียร์ถึงต้องมีถึง 8 สปีด ทีมงานมิตซูบิชิบอกว่าเป็นการออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลโดยเฉพาะที่ดูจากอัตราการทดเกียร์ที่ค่อนข้างชิด เพื่อจะให้ส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่องเพราะว่าเครื่องยนต์ดีเซลนั้นมีรอบการทำงานไม่สูงเหมือนเครื่องเบนซิน และระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีดชุดนี้ยังมีระบบ Idle neutral control ที่เมื่อเบรกรถหยุดนิ่งเกียร์อยู่ในตำแหน่ง “D” ระบบจะตัดกำลังโดยอัตโนมัติเหมือนอยู่ในเกียร์ว่าง ส่วนเมื่อถึงเวลาต้องออกตัวก็เพียงเหยียบคันเร่งก็จะทำงานขับเคลื่อนตามปรกติต่อไป
สำหรับความรู้สึกในช่วงที่ขับขี่ทดสอบนั้น การควบคุมพวงมาลัยทำได้อย่างมั่นใจมีความแม่นยำ ในการขับขี่ทั้งการปรับเปลี่ยนเลน เร่งแซง รวมถึงพละกำลังเครื่องยนต์ การส่งกำลังของระบบเกียร์ ก็สามารถให้ความคล่องตัวในระดับหนึ่ง ระบบช่วงล่างที่ให้การขับขี่ที่เกาะถนน ทั้งในทางราบ หรือแม้ในช่วงที่ต้องขับขี่ในสภาพเส้นทางบนเขา ระบบช่วงล่างมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รวมถึงระบบเบรกก็ยังให้การควบคุมที่มั่นใจ
โดยเฉพาะความพิเศษของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium เป็นแบบ Full-time All Wheel Control ในตำแหน่ง 4H สามารถใช้โหมดนี้ขับขี่กันได้ตลอดเวลา แต่ตรงนี้อย่างที่รู้กันคือ สมรรถนะการขับขี่ที่ดีกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ต้องแลกกับความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มากขึ้น และระบบพวงมาลัยจะรู้สึกตึงมือเพิ่มนิดหน่อย
ส่วนในช่วงที่ทีมงาน Auto-Thailand เปลี่ยนมาเป็นผู้นั่งโดยสาร เราไม่รอช้ารีบกระโดนไปนั่งที่เบาะด้านหลังที่มีความกว้างขวาง โดยถ้าเป็นคนที่มีรูปร่างมาตรฐานคนไทยที่ตัวไม่ใหญ่นัก เบาะแถว 3 สามารถใช้งานได้จริงในแบบสบายๆ สามารถพับเบาะแถว 2 ได้ทั้งตัวทำให้การขึ้นลงทำได้สะดวก
ความรู้สึกที่ได้จากการนั่งโดยสารด้านหลังนั้น ตัวเบาะนั่งนุ่มสบายพิงได้เต็มหลัง แต่ในช่วงที่ขับขี่ผ่านเส้นทางที่ไม่เรียบยังสามารถสัมผัสถึงอาการดีดเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นปรกติของรถประเภทนี้ว่าจะมีมากหรือน้อย แต่ที่ต้องขอชมคือเรื่องความเงียบของห้องโดยสารที่สามารถเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี รวมถึงระบบปรับอากาศด้านหลังนั้นสามารถกระจายแรงลมได้อย่างทั่วถึงหมดห่วงเรื่องเวลาที่ต้องโดยสารกันเต็มพิกัดทุกที่นั่ง
แต่จุดเด่นของห้องโดยสารด้านหลังนั้น ยังมีอีกหนึ่งจุดที่เรียกว่าเหมาะกับการที่เป็นรถใช้ในการเดินทางจากระบบความบันเทิงแบบเต็มระบบด้วยจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบ Wide Screen ขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และรีโมทคอนโทรล รวมทั้งหูฟังอินฟราเรดที่ให้มาอีก 2 ชุด โดยความพิเศษจะอยู่ที่สามารถใช้งานแยกอิสระจากชุดเครื่องเสียงด้านหน้าได้ด้วย หรือจะเล่นแผ่นออกจอทั้ง 2 พร้อมกันก็ได้ โดยระบบเสียงนั้นสามารถรับฟังได้จากหูฟังอินฟราเรดที่ให้มาอีก 2 ชุด (สามารถเพิ่มได้ไม่จำกัด) ตรงนี้ถือว่าเป็นความใส่ใจของมิตซูบิชิที่จัดออพชั่นนี้มาให้ เพราะบางทีผู้โดยสารในรถก็ไม่ได้อยากดูหนังเรื่องหรือฟังเพลงเดียวกัน
.jpg)


.jpg)
.jpg)





เมื่อเดินทางถึงที่พัก Blue Sky Resort จ.เพชรบูรณ์ ก็จะมีการเปลี่ยนรถทดสอบเพื่อไปยังเส้นทางการขับขี่รูปแบบออฟโรด (สำหรับบางท่านที่ขับขี่รถทดสอบในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ) โดยมีมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium 4WD 3 คัน เส้นทางจะเป็นพื้นที่ไร่สวนที่เป็นทางดินมีความลื่นอยู่บางจากฝนที่ตกลงมา บางช่วงต้องวิ่งผ่านสะพานท่อนไม้ เรียกว่าตลอดเส้นทางที่ได้ขับขี่ในแบบออฟโรดนั้น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Super Select 4WD–II ที่มีโหมดให้เลือกขับขี่ใช้งานกันครบทั้งโหมด 4H, 4HLc และ 4LLc ทั้งยังสามารถเลือกโหมดขับเคลื่อนแบบออฟโรดได้ตามสภาพเส้นทางอีก 4 รูปแบบข้างต้น และในการขับขี่แบบออฟโรดนี้ยังได้มีโอกาสใช้งานตัวช่วยได้แก่ ระบบระบบกล้องมองภาพรอบคันที่สามารถทำให้เรามองเห็นเส้นทางหรือสิ่งกีดขวางในเส้นทางออฟโรดช่วยให้การขับขี่ทำได้ง่ายขึ้น เอาเป็นว่าเห็นภายนอกดูออกแนวหรูแบบนี้ แต่เมื่อต้องมาใช้งานกับเส้นทางออฟโรด (ที่ไม่โหดมากนัก) ก็สามารถผ่านไปได้สบาย
วันที่สองของการทดลองขับขี่มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ จะต้องสลับรถด้วยการจับฉลากเพื่อที่จะได้ขับขี่ทดสอบกันไม่ซ้ำรุ่น โดยทีมงาน Auto-Thailand ได้รถทดสอบในเที่ยวขากลับเป็นมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT 2WD ขับเคลื่อน 2 ล้อ
สำหรับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT 2WD ขับเคลื่อน 2 ล้อนั้น ตัวรถภายนอกดูแล้วแทบจะเหมือนกับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium 4WD ต่างกันตรงลายล้ออัลลอย แต่ยังมีขนาด 18 นิ้วเท่ากัน ทางด้านออพชั่นที่ตัดออกไปจากรุ่น GT Premium ได้แก่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (ปุ่มควบคุมที่คอนโซลกลางก็จะไม่มี) ระบบถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS), ระบบกล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ,ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
เริ่มออกเดินทาง ทีมงาน Auto-Thailand เริ่มสัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่ค่อนข้างรู้สึกได้ว่าออกตัวได้ดีกว่าตอนขับขี่ทดสอบมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT Premium 4WD น่าจะมาจากน้ำหนักตัวรถที่หายไปจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อกว่า 100 กิโลกรัม ที่เรียกว่าการขับขี่ในเส้นทางปรกติออนโรดนั้นก็สามารถให้ความมั่นใจได้เหมือนเดิม ออพชั่นที่ถูกตัดออก...ว่ากันตามตรงถ้าขับขี่กันด้วยความระมัดระวังและมีทักษะการขับขี่ที่ดีแล้วก็สามารถใช้งานได้แบบปรกติ
ส่วนการนั่งโดยสารด้านหลังของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT 2WD ขับเคลื่อน 2 ล้อก็ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับรุ่น GT Premium 4WD ยังคงมาพร้อมระบบความบันเทิงชุดเดียวกันที่สามารถให้ความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
สำหรับอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่นั้น เท่าที่สังเกตจากการเดินทางของพวกเราแบบคราวๆ ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง 1600 รอบ ส่วนความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. จะใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2,000 รอบ โดยในรุ่น GT Premium 4WD ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 10-11 กิโลลิตรในการขับแบบ 2 ล้อ แต่ถ้าใช้โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยตัวเลขก็จะลดลง แต่อย่างที่บอกครับเราจะได้สมรรถนะการขับขี่เพิ่มขึ้นมา ส่วนในรุ่น GT 2WD ขับเคลื่อน 2 ล้อ ตัวเลขที่ได้อยู่ที่ประมาณ 11-13 กิโลลิตร ตรงนี้ถ้าขับขี่ใช้งานแบบคนทั่วไปตัวเลขที่ได้จะดีกว่านี้แน่นอน
ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ด้วยรูปโฉมภายนอกที่ทันสมัย ออพชั่นที่ให้มาแบบจัดเต็ม กับราคาค่าตัวที่ถือว่าคุ้มค่า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่โดดเด่น สมรรถนะการขับขี่ทำได้น่าพอใจ ทั้งการควบคุม ระบบเบรกที่ไว้ใจได้ แต่ยังติดใจเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ที่โดยส่วนตัวยังอยากให้เพิ่มเติมในส่วนนี้จะทำให้มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เป็นรถที่ขับขี่ได้น่าประทับใจกว่านี้แน่นอน