auto-thailand.com
Auto-Thailand : หลังจากฮอนด้าได้เปิดตัวแอคคอร์ดใหม่ไปเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับกระแสตอบรับจากผู้ที่รอคอยแอคคอร์ดใหม่ด้วยยอดจองกว่า 6,000 คันในช่วงเวลาไม่กี่วัน ทำให้ทีมงาน Auto-Thailand รอที่จะทดสอบลองของจริงกับฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ และเพื่อเป็นการตอกย้ำความหรูหรา พร้อมสัมผัสสมรรถนะของแอคคอร์ดใหม่ ค่ายฮอนด้าจึงได้เชิญสื่อมวลชนไปร่วมทดสอบสมรรถนะฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่กันที่จังหวัดพังงา โดยการทดสอบฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ ครั้งนี้มีรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่รอให้เราทดสอบ 8 คัน แบ่งเป็นฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.4 TECH 4 คัน ฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI 4 คัน พูดง่ายๆก็คือ ทั้ง 8 คันเป็นรุ่น Top ของฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ทั้งสองเครื่องยนต์ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯที่สนามบินสุวรรณภูมิมุ่งหน้าลงใต้สู่จังหวัดภูเก็ต เดินทางต่อด้วยฮอนด้า สเตปวากอน สปาด้า จากสนามบินภูเก็ตไปยังโรงแรมที่พัก เลอ เมอริเดียน เขาหลัก จังหวัดพังงาและเป็นจุดเริ่มต้นการทดสอบฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ เริ่มการทดสอบรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ด้วยการรับฟังบรรยายข้อมูลเทคนิคจากผู้บริหารและทีมงานฮอนด้า พร้อมเส้นทางทดสอบที่มีระยะทางรวมประมาณ 200 กิโลเมตร โดยการทดสอบรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ 1 คันจะมีผู้ทดสอบรถ 2 ท่าน ตลอดระยะทางทดสอบจะมีจุดแวะพักให้เปลื่ยนผู้ขับขี่และสลับเปลี่ยนรุ่นรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ในการขับขี่ทดสอบ ทดสอบรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI โดยการทดสอบเที่ยวขาไป ทีมงาน Auto-Thailand ได้ขับทดสอบรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI ที่เป็นรุ่น Top ของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ก่อนออกเดินทางทีมงาน Auto-Thailand มีเวลาเดินสำรวจรอบตัวรถเพียงเล็กน้อย ด้วยรูปโฉมภายนอกที่อาจจะดูแล้วมีความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ดั่งใจของหลายๆคน ตรงส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว บางก็บอกว่าหน้าตาละหม้ายคลายโฉมเก่า แต่หลายคนก็บอกว่าสวยถูกใจก็ว่ากันไปครับ ถึงตอนนี้ทีมงาน Auto-Thailand ขอชี้จุดแตกต่างภายนอกที่สังเกตได้ชัดเจนของฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI กับ รุ่น 2.4 TECH โดยที่ด้านหน้าไฟหน้าของรุ่น 2.0 EL NAVI เป็นแบบโปรเจคเตอร์ มาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว ตัวอักษรโลโก้ท้ายรถจะมีคำว่า i-VTEC ส่วนในรุ่น 2.4 TECH ไฟหน้าเป็นแบบ LED กระจกมองข้างด้านซ้ายจะติดตั้งกล้อง Honda Lane Watch มาให้ใช้งาน ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว พร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้า และที่ด้านท้ายรถจะมีคำว่า 2.4 i-VTEC เรียกว่าถ้ามองผ่านๆก็แถบจะแยกไม่ออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหนเหมือนกัน ได้เวลาออกเดินทางทดสอบรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI โดยเช่นเคย ทีมงาน Auto-Thailand ขอนั่งเป็นผู้โดยสารก่อน ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารในตำแหน่งของผู้โดยสารตอนหน้า สิ่งแรกที่เราพูดกับพี่สื่อมวลชนที่ร่วมทดสอบคือ ความกว้างขวางทั้งพื้นที่เหนือศีรษะ พื้นวางขา รวมถึงตัวเบาะนั่งหุ่มหนังแท้ปรับไฟฟ้า ที่ให้ความนุ่มนั่งสบาย ระหว่างนั่งโดยสารก็มองไปรอบภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะที่บริเวณคอนโซลด้านหน้าทั้งการมองและสัมผัส ขอชมเลยว่าใช้วัสดุรวมถึงการประกอบได้ดีกว่าที่คิดไว้ เนื่องจากจะสังเกตว่าพวกรถยนต์รุ่นหลังๆ จะลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้กันแทบทุกค่าย นี่ยังไม่รวมอุปกรณ์ออพชั่นต่างๆที่ใส่เข้ามาให้ใช้สอยกันแบบเหลือเฟือ แม้ว่าจะยังไม่เต็มที่แบบรุ่น 2.4 TECH แต่ที่ลองเล่นลองใช้ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วๆ ไปแล้ว หลังจากสำรวจด้านหน้ากันไปแล้ว จึงขอตัวปีนข้ามมานั่งเป็นผู้บริหารที่ด้านหลัง ด้วยเบาะนั่งหุ่มหนังแท้ที่กว้างขวาง พื้นส่วนหลังนี้ก็ให้ความสะดวกสบาย เรียกว่าจากการกะด้วยสายตา น่าจะนั่งกันแบบผู้ใหญ่ 3 คนกันแบบเดินทางยาวได้อย่างไม่เมื่อยล้า โดยที่ห้องโดยสารด้านหลังนี้ก็จะมีม่านบังแดดให้ใช้งานบริเวณด้านข้างที่ประตูทั้งสองข้าง ส่วนที่กระจกหลังจะเป็นพับขึ้นลงด้วยไฟฟ้าให้ความหรูหราสะดวกสบาย โดยในช่วงที่ทีมงาน Auto-Thailand นั่งเป็นผู้โดยสาร ก็ได้ลองฟังเสียงรบกวนจากภายนอก รวมถึงการเก็บเสียงรบกวนต่างๆ เรียกได้ว่าทำได้ดีเลยทีเดียว จากการที่ฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ได้รับการติดตั้งระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร Active Noise Control (ANC) และ Active Sound Control (ASC) ซึ่งทั้ง 2 ระบบจะใช้ไมโครโฟน 2 ตัว ประมวลผลสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ANC/ASC ผ่านไปยังลำโพง 4 ตัว ในระบบเครื่องเสียงของแอคคอร์ด โดย ANC/ASC จะทำหน้าที่ควบคุมและขจัดเสียงที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในขณะที่รถกำลังวิ่ง หรือแม้ในขณะที่ระบบเครื่องเสียงไม่มีการเปิดใช้งานขึ้นมาก็ตาม ระบบ ANC ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดเสียงคลื่นความถี่ต่ำในห้องโดยสาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นมาจากการแล่นผ่านพื้นผิวถนนที่ขรุขระ โดยไมโครโฟนที่ติดอยู่ด้านบนจะรับคลื่นเสียง และส่งไปที่ตัวประมวลผล ANC/ASC ซึ่งจะมีการสร้างและส่งสัญญาณเสียงที่ได้รับการดัดแปลงให้มีรูปแบบคลื่นตรงกันข้ามกลับไปที่ตัวกระจายเสียงอย่างแม่นยำ แล้วตัวกระจายเสียงก็จะส่งเสียงที่ได้รับการดัดแปลงนี้ออกมาทางลำโพงที่ติดตั้งอยู่บนบานประตูเพื่อขจัดสัญญาณเสียงดั้งเดิมออกไป ASC เป็นเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงของเครื่องยนต์ ด้วยการสร้างระดับแรงดันของเสียงให้มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับเวลาที่รอบเครื่องยนต์กำลังเพิ่มขึ้น โดยปกติแล้ว เสียงเครื่องยนต์ไม่ได้แปรผันโดยตรงกับรอบเครื่องยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่จะมีการสะท้อนไปมาหลายครั้งจนทำให้ระดับของเสียงเครื่องยนต์ที่ได้ยินไม่สม่ำเสมอ ระบบASC จะส่งคลื่นเสียงออกจากลำโพงบนบานประตูด้วยสัญญาณที่มีลักษณะเฟสเหมือนกัน หรือเฟสแบบตรงกันข้ามตามความเหมาะสมเพื่อทำให้เสียงที่ได้ยินมีความราบเรียบ และสม่ำเสมอ ระบบนี้จะให้ประโยชน์ตั้งแต่รอบเดินเบาไปจนถึงการลากรอบจนถึงแถบเรดไลน์ แต่ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดของระบบคือ ช่วงรอบเครื่องยนต์ระหว่าง 1,000-2,000 รอบ/นาที ซึ่งระดับแรงดันของเสียงค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ประมาณ 3 เดซิเบล พร้อมกับมีรูปแบบของสัญญาณเสียงที่ตรงกันข้าม หลังจากถึงจุดแวะพัก ทีมงาน Auto-Thailand จึงได้เปลี่ยนมาเป็นผู้ขับทดสอบรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI ก้าวขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยในตำแหน่งผู้ขับขี่ ก็สามารถสัมผัสถึงความสบายของเบาะนั่งหุ้มหนังแท้ปรับด้วยไฟฟ้า พวงมาลัยลายไม้พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เริ่มเคลื่อนตัวออกเดินทางทดสอบกันต่อก็ได้สัมผัสพละกำลังของเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมด้วยระบบควบคุมการทรงตัว VSA และระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA มาเป็นอุปกรณ์มาตราฐานในทุกรุ่น โดยการขับขี่ในเส้นทางเป็นแบบถนนเลนสวนจึงขับทำความเร็วได้เป็นช่วงๆ ก็จะเจอกับรถใหญ่และรถที่วิ่งช้า ทำให้เราได้ทดสอบอัตราเร่งไปในตัวตอนช่วงที่ต้องทำความเร็วเพื่อเร่งแซง พละกำลัง 155 แรงม้า ก็สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดีพอใช้ แต่บางช่วงอาจจะต้องอาศัยการลากรอบช่วยด้วยก็อาจจะใช้เวลาบาง แต่ถ้าคุ้นชินและกะระยะได้ว่าช่วงการจราจรด้านหน้าจะต้องขับขี่อย่างไรก็สามารถเรียกพละกำลังมารอไว้ก่อน ด้านการควบคุมรถ พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ของฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ สามารถให้การควบคุมที่มั่นใจ ปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ โดยที่พวงมาลัยจะมีปุ่มควบคุมอุปกรณ์ต่างๆก็สามารถใช้งานง่าย ตำแหน่งและขนาดปุ่มกดกำลังดี เรียกว่าเพียงพอกับการใช้งาน มีอีกจุดหนึ่งที่อาจจะไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกความหรูหราของฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ คือ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังเร้าใจประมาณว่าออกไปในแนวเรซซิ่ง เสียงจับใจจริงๆ แต่ของบอกว่าชอบเสียงแบบนี้ ทำให้การขับขี่สนุกไปอีกแบบ ส่วนในด้านของระบบช่วงล่างของฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทเข้ามาแทนที่ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเดิมอย่างปีกนก 2 ชั้นที่ใช้อยู่ในแอคคอร์ดรุ่นที่ผ่านมา รวมถึงสามารถตอบสนองในเรื่องการบังคับรถในขณะเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์ ส่วนประกอบของระบบช่วงล่างหลังจะมีแขนยึด A-Armsตัวบนที่ผลิตด้วยการปั๊มขึ้นรูปจากเหล็กที่มีความทนทานสูง พร้อมกับข้อต่อที่ผลิตจากอะลูมิเนียม เชื่อมต่อเข้ากับโครงสร้างตัวถังด้วยแท่นยึดที่ผลิตจากยาง ซึ่งจะช่วยลดเสียง drumming และลดเสียงที่มีความถี่ต่ำ ที่จากการสังเกตในการขับขี่สมรรถนะทั้งในทางตรง ทางโค้ง รวมถึงระหว่างเดินทางก็มีฝนตกลงมาให้ได้ลองกับสภาพพื้นผิวเปียก เรียกว่าให้การขับขี่ได้อย่างมั่นใจ โดยในบางช่วงยังได้ลองเข้าโค้งแรงๆ จนเกิดอาการลื่นไถลทำให้ได้สัมผัสการทำงานของระบบ VSA ที่เข้ามาช่วยได้อย่างทันท่วงที แต่ตรงนี้ขอบอกว่าความรู้สึกกับระบบช่วงล่างของฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่จะออกไปในแนวนุ่มหนึบ เหมาะกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือพูดกับแบบตรงๆก็คือ อาจจะกระด้างไปบ้างในยามที่เราขับขี่ใช้งานแบบเรื่อยๆ แต่นิดเดียวนะไม่ได้มากมายอะไร อาจจะเป็นผลมาจากยางรถที่มากันในซีรี่ส์ 50 ขอบ 17 นิ้ว (เพราะถ้าระบบช่วงล่างมาในแนวนุ่มนวลกับรถขนาดใหญ่แบบนี้เกรงว่าจะกลายเป็นขับขี่ได้ไม่เกาะถนนเท่าที่ควร) และอีกสองออพชั่นที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ที่มีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตราฐานในฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ก็คือ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน DRL - Daytime Running Lights ที่ช่วยให้สามารถมองเห็นแอคคอร์ด ใหม่ ได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้นทั้งการขับขี่ในเวลากลางวัน หรือช่วงเวลาพลบค่ำ ทั้งยังเพิ่มความหรูหราดูสวยงามแก่ผู้พบเห็น และกล้องส่องหลังแบบ Multi-Angle ซึ่งจะแสดงภาพด้านหลังจาก 3 มุม คือ มุมกว้าง มุมปกติ และมุมมองจากด้านบน เราสามารถเลือกดูภาพได้ตามความต้องการ พร้อมมีแนวเส้นในการช่วยกะระยะที่เหมาะสม เพิ่มความมั่นใจในการถอยหลังเข้าจอดได้อย่างดี ทดสอบรถฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.4 TECH เมื่อถึงจุดแวะพักที่ 2 ซึ่งจะเป็นจุดที่ต้องเปลี่ยนสลับผู้ขับขี่ และเปลี่ยนรถทดสอบ โดยถ้าใครขับฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI มาก็จะเปลี่ยนไปขับทดสอบฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.4 TECH ซึ่งทีมงาน Auto-Thailand จะเป็นผู้ขับทดสอบต่อในเที่ยวขากลับ ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.4 TECH จุดแรกที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงก่อนเลยก็ตรงพวงมาลัยที่อยู่ในมือเรา ที่ในรุ่น 2.4 TECH จะมี Paddle Shift มาให้ไว้ปรับเปลี่ยนเกียร์ และไฮไลต์อีกตัวก็อยู่ที่ปุ่มควบคุมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC) และ ระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS) โดยมาเริ่มกันที่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC ซึ่งมีในรุ่น 2.4 TECH เท่านั้น ระบบนี้จะใช้ตัวควบคุมระยะและความเร็วของตัวรถในการเก็บข้อมูล และจะมีการติดตั้งเรดาร์ที่มีความถี่ในระดับมิลลิเมตรมาใช้ในการตรวจสอบระยะห่างระหว่างแอคคอร์ด กับรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้า (เป็นเรดาร์แบบเดียวกับที่ใช้ในระบบ CMBS) สิ่งที่เหมือนกับระบบควบคุมความเร็วแบบเดิม คือ ระบบ ACC สามารถที่จะปรับตั้งความเร็วที่ต้องการได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการผสมผสานข้อมูลที่มาจากเรดาร์เข้ากับข้อมูลที่มาจากเซ็นเซอร์ตรวจจับความเร็ว ระบบ ACC สามารถที่จะปรับระดับความเร็วของแอคคอร์ด เพื่อให้คงระยะห่างระหว่างรถยนต์คันที่อยู่ข้างหน้าเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ระบบนี้จะเริ่มทำงานเมื่อมีการกดปุ่ม ‘MAIN’ ที่อยู่ทางด้านขวาของพวงมาลัย และเมื่อมีการกดปุ่ม จะมีตัวอักษร ACC ปรากฏขึ้นมาบนแผงมาตรวัดเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบว่าระบบ ACC ได้ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว และเพื่อเลือกความเร็วที่ต้องการล็อก ผู้ขับกดคันเร่งเพื่อให้ตัวรถมีความเร็วอยู่ในระดับที่ต้องการจากนั้นกดปุ่ม ‘Set/-“ ซึ่งจะติดตั้งอยู่บนก้านพวงมาลัยทางขวามือ และเมื่อมีการเลือก ความเร็วที่ต้องการรักษาเอาไว้ก็จะปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ Multi-Information Display ซึ่งอยู่ตรงกลางของมาตรวัดความเร็ว และถ้าต้องการรักษาระยะห่างจากรถยนต์คันหน้า ก็กดปุ่ม ‘Distance’ บนพวงมาลัย การใช้ปุ่มนี้ จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกระยะที่เหมาะสมจากรถยนต์คันหน้า เพียง 1 อย่างจาก 4 อย่างที่มีอยู่ในระบบโดยจะอยู่ที่ประมาณ 1 วินาที, 1.35 วินาที, 2 วินาที และ 2.8 วินาที ทุกครั้งที่ปุ่มถูกกด ไอคอนที่เป็นรูปรถยนต์บน Multi-Information Display จะมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งตามระยะห่างที่เลือก • 1 แถบหมายถึงระยะห่าง 1 วินาที • 2 แถบหมายถึงระยะห่าง 1.35 วินาที • 3 แถบหมายถึงระยะห่าง 2 วินาที • 4 แถบหมายถึงระยะห่าง 2.8 วินาที เมื่อระบบ ACC ทำงาน หน่วยสมองกลคอมพิวเตอร์ ECU จะมีการปรับการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ และมีการส่งแรงเบรกเล็กน้อยออกไปเพื่อคงระยะห่างที่มีการเลือกเอาไว้ระหว่างแอคคอร์ดกับรถยนต์คันหน้า แต่ถ้ามีรถยนต์จากเลนวิ่งมาตัดหน้าแอคคอร์ด (แทรกกลางระหว่างแอคคอร์ดกับรถยนต์คันหน้าที่แอคคอร์ดกำลังตามอยู่) ระบบจะส่งเสียง และสัญลักษณ์รูป ‘รถ’ ก็จะมีการกระพริบบนหน้าจอ Multi-Information Display (MID) เพื่อให้ผู้ขับได้ทราบว่ามีการตรวจพบรถยนต์คันใหม่อยู่ด้านหน้า จากนั้นระบบก็จะปรับการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ และเพิ่มแรงเบรกเพื่อให้ตัวรถคงระยะทางระหว่างแอคคอร์ดกับรถยนต์ด้านหน้าคันใหม่ให้เท่ากับระยะที่ปรับตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไอคอนรูปรถจะปรากฏทุกครั้งที่มีรถยนต์แล่นอยู่ในระยะที่ระบบ ACC ตรวจจับได้ ในทางกลับกัน เมื่อรถยนต์คันนั้นเคลื่อนออกจากระยะที่ระบบจะตรวจจับได้ ไอคอนก็จะเปลี่ยนมาเป็นภาพร่างโครงลายเส้นแทน ถ้ารถยนต์คันหน้าแอคคอร์ดมีการเร่งความเร็วจนพ้นระยะการตรวจจับของเรดาร์ หรือเปลี่ยนช่องทาง และไม่มีรถยนต์คันอื่นแทรกเข้ามาแทนที่ ACC จะเร่งความเร็วของแอคคอร์ดจนกระทั่งมีความเร็วถึงระดับที่ปรับเอาไว้ตั้งแต่แรก และเมื่อรถยนต์คันหน้าได้เคลื่อนที่พ้นระยะไปแล้ว ไอคอนรูปรถยนต์บนหน้าจอ Multi-Information Display (MID) จะเปลี่ยนจากแบบทึบมาเป็นภาพโครงลายเส้นแทน ส่วนระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS) จะเป็นระบบที่แจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบถึงความเสี่ยงในการชนทางด้านหน้า ระบบได้รับการออกแบบมาเพื่อเตือนให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีแนวโน้มที่จะเกิดการชน เพื่อลดความสูญเสียจากการชนให้เหลือน้อยที่สุดเรดาห์เซ็นเซอร์จะเริ่มตรวจจับว่าด้านหน้ามีรถวิ่งอยู่ เมื่อรถแอคคอร์ดใหม่วิ่งด้วยความเร็วสูงกว่า 15 กม./ชม. ระบบCMBS จะทำงานเมื่อความเร็วระหว่างรถแอคคอร์ดใหม่และรถที่อยู่ด้านหน้าต่างกันมากกว่า 15 กม./ชม. และมีโอกาสที่จะเกิดการชน ระบบจะมีสถานะในการเตือน โดยในขั้นแรก จะมีสัญญาณกระพริบขึ้นที่มิเตอร์ และเสียงเตือนเพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้รู้ตัว และถ้ารถยังเข้าใกล้รถคันหน้ามากขึ้นอีก จะมีการดึงเข็มขัดนิรภัยด้านผู้ขับขี่เพื่อเป็นการเตือนพร้อมการเบรกเบาๆ เพื่อชะลอความเร็วของรถลง ในกรณีที่รถยังคงเข้าใกล้รถคันหน้ามากขึ้น จะมีการรัดเข็มขัดนิรภัยด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าให้แน่น พร้อมเบรกที่แรงขึ้น เรียกว่าในช่วงที่ทีมงาน Auto-Thailand เป็นผู้ขับทดสอบ ได้ลองหาช่วงจังหวะที่รถใช้ความเร็วไม่มาก ทดสอบทั้งสองระบบนี้ โดยเราขับจี้เข้าหารถคันหน้า เมื่อเข้าใกล้ระยะที่เราตั้งไว้ ก็จะมีสัญญาณไฟเตือนที่หน้าปัดเรือนไมล์ และไฟกระพริบที่บนคอนโซล เราจึงพยายามขับเข้าไปอีกระบบก็จะแจ้งเตือนเหมือนเดิม แต่เพิ่มการกระตุกเข็มขัดนิรภัยเบาๆ พร้อมช่วยเบรกเบาๆ เพื่อเตือนให้เราทราบว่าอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัยแล้ว และอีกช่วงที่เราลองขับตามรถคันข้างหน้า พร้อมกับใช้งานระบบ ACC กับ CMBS ทั้งคู่ โดยรถจะรักษาทั้งความเร็ว และระยะห่างจากรถคันข้างหน้า ตามที่เราตั้งไว้ เมื่อคันหน้าขับช้าลง รถเราก็จะช้าและรักษาระยะห่างตามที่ตั้งไว้ แต่เมื่อรถคันข้างหน้า ขับเร็วขึ้น รถเราก็จะเร่งความเร็วขึ้น พร้อมทั้งรักษาระยะห่างตามที่เราตั้งไว้ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เราแค่คอยควบคุมพวงมาลัย ส่วนคันเร่งกับเบรก เป็นการควบคุมของระบบ ACC กับ CMBS แต่ขอบอกตรงนี้ว่าไม่อยากแนะนำให้ใช้งานแบบนี้ เพราะนี่เราลองทดสอบระบบดูการทำงาน จุดประสงค์ของระบบนี้ มีไว้ช่วยเตือนในการขับขี่ และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานรถมากกว่า เกือบลืมอีก 1 ระบบที่มีในฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.4 TECH คือ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch ระบบจะแสดงภาพมุมอับขณะเปลี่ยนเลนเป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งระบบนี้จะใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านใต้ของกรอบกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าเพื่อนำภาพที่อยู่ทางด้านหลังของบริเวณตัวรถฝั่งนั้นมาขึ้นฉายบนหน้าจอของระบบอัจฉริยะ Multi-Information Display (i-MID) โดยภาพจะแสดงโดยอัตโนมัติเมื่อมีการกดไฟสัญญาณเลี้ยวซ้าย หรือเมื่อมีการกดปุ่มที่อยู่ตรงปลายของก้านไฟเลี้ยว ตามปกติแล้วภาพที่ส่งผ่านมาทางกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าจะมีมุมของการมองอยู่ที่ 18-22 องศาโดยประมาณ แต่สำหรับในระบบแสดงภาพมุมอับขณะเปลี่ยนเลนจะกว้างขึ้นอีกประมาณ 4 เท่า หรืออยู่ที่ประมาณ 80 องศา ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสภาพการจราจรได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับการมองเห็นคนเดินถนน หรือวัตถุสิ่งของซึ่งอยู่ในมุมอับ และเพื่อช่วยให้ง่ายต่อการกะระยะ บนหน้าจอจะมีการแสดงเส้นที่ใช้ในการอ้างอิงระยะอยู่ 3 เส้น ซึ่งผู้ขับสามารถใช้เส้นเหล่านี้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนที่จะเปลี่ยนช่องทาง สำหรับรุ่นที่มีการติดตั้งระบบนำทาง เมื่อระบบแสดงภาพมุมอับขณะเปลี่ยนเลนถูกใช้งาน ระบบนำทางจะหยุดการทำงานชั่วคราว และภาพที่แสดงบนหน้าจอจะเปลี่ยนมาเป็นภาพที่ถูกส่งเข้ามาจากระบบแสดงภาพมุมอับขณะเปลี่ยนเลน แต่จะมีการแสดงข้อมูลของระบบนำทางบนหน้าจอให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ระบบแสดงภาพมุมอับขณะเปลี่ยนเลนยังสามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ขับขี่ สามารถสั่งปิดการทำงานของไฟเลี้ยวในระบบแสดงภาพมุมอับขณะเปลี่ยนเลนได้ เช่นเดียวกับการสั่งยกเลิกเส้นอ้างอิงระยะทั้ง 3 เส้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งความสว่าง Contrast หรือระดับความเข้มของหน้าจอได้ตามต้องการ เรียกว่าเป็นระบบที่เหมาะกับทั้งการใช้งานของมือเก่า และมือใหม่หัดขับเลยก็ว่าได้ สำหรับด้านพละกำลังฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.4 TECH มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่เทคโนโลยี Earth Dreams 4 สูบขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่เรียกว่าให้ความแตกต่างจากการขับขี่ ตั้งแต่ช่วงออกตัว รวมถึงเร่งทำความเร็ว ก็ให้อัตราเร่งที่ทันอกทันใจมากขึ้น จากการสังเกตรอบการทำงานของเครื่องยนต์ฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ทั้ง 2 ขนาด ความเร็วคงที่ประมาณ 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ไม่ถึง 2,000 รอบ ซึ่งถ้าดูตามข้อมูลนี้น่าจะมีส่วนทำให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไม่สูงนัก โดยจากการขับทดสอบที่ไม่ได้เน้นการขับขี่แบบประหยัด เรียกว่าที่เราขับขี่กันมาตลอดเส้นทางใช้ทั้งความเร็ว เค้นอัตราเร่ง ในฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.4 TECH สามารถทำอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ประมาณ 10.5 กม./ลิตร ส่วนฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ รุ่น 2.0 EL NAVI สามารถทำอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ประมาณ 12.5 กม./ลิตร เรียกจากลักษณะการขับขี่ของพวกเราแล้ว ถือว่ารับได้กับตัวเลขนี้ ถ้าขับขี่กันแบบคนปรกติธรรมดาตัวเลขที่ได้น่าจะออกมาดีกว่านี้แน่นอนครับ ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ ฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ ด้วยรูปโฉมภายนอกที่อาจจะยังไม่โดนใจมากนัก ภายในถือว่าทำได้ดี อุปกรณ์เพียบ วัสดุการประกอบเกรดดี ในด้านสมรรถนะการขับขี่ถือว่าไม่เป็นสองรองใครในตอนนี้กับเครื่องยนต์เทคโนโลยี Earth Dreams บวกกับออพชั่นด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาช่วยให้การขับขี่ได้อย่างมั่นใจ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เรียกว่า ณ ตอนนี้ขอใช้คำว่า ”ฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่” คุณได้ไปต่อครับ...!!!
ฝากคลิก LIKE ที่ Fanpage นี้ด้วยครับ https://www.facebook.com/AutoThailandweb