บริษัท ออโตโมบิลี แลมโบร์กินี  โชว์สุดยอดนวัตกรรมรถตระกูล เอสยูวี ณ งานปักกิ่งมอเตอร์โชว์ 2012 โดยรถต้นแบบที่ใช้ชื่อว่า “Urus” ถือเป็นรถในตระกูลเอสยูวีที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านการออกแบบและการขับขี่ เจ้ากระทิง Urus ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะพิเศษ การตกแต่งภายในโฉบเฉี่ยว น่าหลงใหล ด้านประสิทธิในการใช้งาน มีความอเนกประสงค์ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน





ด้วยเครื่องยนต์ 440 กิโลวัตต์ 600 แรงม้า และความรู้ความสามารถที่ยอดเยี่ยมของ Lamborghini Urus ที่มีในเทคโนโลยีการออกแบบให้มีน้ำหนักเบานับเป็นการการันตีถึงความสุดยอดในด้านการขับขี่ และในขณะเดียวกัน เจ้ากระทิง Urus ยังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรถยนต์คันอื่นๆ ทั้งนี้เจ้ากระทิง Urus ยังตอบโจทย์คอนเซ็ปต์ของรถประเภทเอสยูวี ที่ประกอบด้วย ที่นั้งกว้างขวาง 4 ที่นั่ง พื้นที่ใช้สอยสำหรับเก็บสัมภาระ ความสูงใต้ท้องรถสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และที่แน่นอนที่สุด เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์การขับขี่อย่างไม่มีขีดจำกัด ในด้านการตกแต่งภายใน ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวเป็นไปตามมาตรฐาน และใช้วัสดุที่ล้ำสมัยและยังผสมผสานกับเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นเดียวกับ เทคโนโลยีที่ได้เปิดเผยมาอย่าง  Forged Composite®




“Lamborghini Urus เป็นรถต้นแบบสำหรับอนาคตของแลมโบร์กินี ที่เป็นรูปธรรมอย่างมาก ถือเป็นโมเดลที่สาม และเป็นส่วนเติมเต็มที่สมบูรณ์ที่สุดให้กับรถสปอร์ตของเรา“กล่าวโดย มร.มร. สตีเฟ่น วินเคิ้ลแมน ประธานและเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออโตโมบิลี แลมโบร์กินี “SUV แสดงถึง ความอิสระและความรู้สึก ซึ่ง SUV เป็นหนึ่งในประเภทของรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก และเจ้า Lamborghini Urus คือ รถยนต์ที่ตอบโจทย์ในรถประเภทเอสยูวีมากที่สุด นี่คือสุดยอดรถเอสยูวี”





มรดกและชื่อ

ระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อของ Lamborghini Urus ถือเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นดีเอ็นเอของแลมโบร์กินีเลยก็ว่าได้ แต่แบนรด์ชั้นนำจาก โบโลญญ่า ก็ไม่กลัวที่จะเริ่มต้นในตลาดรถเอสยูวี ทั้งนี้แลมโบร์กินีได้สร้างสุดยอดรถเอสยูวีที่มีความหรูหรา และเป็นระดับตำนานนั้นคือ LM002 เมื่อได้มีการเปิดตัวรถระดับตำนานคันนี้ในปีพ.ศ. 2528 เจ้า LM002 ถือเป็นรถยนต์ที่ได้รับการปฏิวัติอย่างแท้จริง มีความสามารถในการขับขี่แบบอออฟโร็ด ด้วยเครื่องยนต์ 12 สูบ ขนาด 450 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การตกแต่งภายในสุดหรูหรา ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจเมื่อได้พบเห็น และเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายในเวลานั้น เจ้าแลมโบร์กินี LM002 ทำการผลิตจนถึงปีพ.ศ. 2535 และถึงแม้จะมีอีกมากกว่า 300 คันที่ยังไม่ได้ผลิตก็ตาม และเจ้า LM002 ได้ถูกจัดให้เป็นรถประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์

ในส่วนของ Lamborghini Urus นักออกแบบและวิศวกรของแลมโบร์กินีได้สร้างสิ่งใหม่ให้กับอุตสหากรรมยานยนต์ สำหรับสิ่งที่รู้กันมาอย่างยาวนานของแลมโบร์กินี คือ ชื่อของรถได้มาจากวันกระทิง โดย Urus หรือที่รู้กันว่า Aurochs (วัวป่าออรอช) คือ ต้นตระกูลของวัวบ้านพันธุ์ต่างๆ จากซากดึกดำบรรพ์ วัวป่าออรอชมีขนาดที่สามารถวัดได้ถึงบริเวณหัวไหล่อยู่ที่ 1.8 เมตร  วัวกระทิงสเปนพันธ์แท้เมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้ว มีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับวัวป่าออรอช




คอนเซ็ปต์และเทคโนโลยี

Lamborghini Urus ถือเป็นรถเอสยูวีของแลมโบร์กินี โดยคอนเซ็ปต์หรือแนวคิด คือ ความมีดีไซน์และทรงประสิทธิภาพ พร้อมมอบประสบการณ์ในการขับขี่อย่างสนุกสนาน และสร้างการจำกัดความใหม่และมาตราฐานใหม่ให้กับวงการรถเอสยูวี และแน่นอนแลมโบร์กินี Urus มีพื้นที่มากพอสำหรับสี่คน และเพื่อที่ใช้สอยสำหรับเก็บสัมภภาระหรือแม้แต่การไปช็อปปิง ซึ่งเจ้า Urus เป็นแลมโบร์กินีที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ หรือแม้แต่ใช้เป็นรถครอบครัว หรือไว้สำหรับไปท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความเป็นแลมโบร์กินีอย่างแท้จริง เจ้า Urus มีลักษณะพิเศษ ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังดูทรงพลัง แต่ไม่ดูใหญ่โตเทอะทะ เจ้ากระทิงตัวนี้ดูแข็งแรงกำยำ แต่แฝงด้วยความสวยงาม ด้วยขนาดความยาว 4.99 เมตร ถือเป็นขนาดของรถเอสยูวีที่สมบูรณ์แบบที่สุด ในส่วนของความสูงอยู่ที่ 1.66 เมตร นั้นถือว่าต่ำกว่าคันอื่นๆในรถตระกูลเอสยูวี สำหรับความกว้างอยู่ที่ 1.99 เมตร Lamborghini Urus พร้อมมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในตลาดรถตระกูลเอสยูวี




ประสิทธิภาพที่สำคัญ คือ การขับขี่ ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นหัวใจหลักของแลมโบร์กินีเสมอมา โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 440 กิโลวัตถ์ ต่อ 600 แรงม้า เป็นระบบขับเคลื่อสี่ล้อ พร้อมด้วยระบบป้องกันล้อหมุนฟรี

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ Lamborghini Urus สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ทุกราย เมื่อนำเอามาเปรียบเทียบกันในเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เป็นเช่นนี้ได้ คือ รถนั้นมีน้ำหนักเบา ซึ่งเจ้า Urus มีน้ำหนักเบากว่ารถคันเอสยูวีคันอื่นๆ เป็นผลมาจากปรัชญาของแลมโบร์กินี ในด้านการออกแบบเพื่อให้รถมีน้ำหนักเบานั้นเอง โดยก้าวสำคัญที่ทำให้สิ่งนี้ประสบความสำเร็จนั้นคือ การผสมวัสดุเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด สำหรับนำมาทำโครงสร้างและตัวรถ และนับเป็นครั้งแรกที่ได้มีออกแบบภายในให้มีน้ำหนักเบา ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วมาจากนวัตกรรมคาร์บอนไฟเบอร์ ที่บริษัท ออโตโมบิลี แลมโบร์กินีได้เป็นเจ้าของในความคิดนี้นั่นเอง

การออกแบบน้ำหนักเบา คือ เป็นสิ่งที่พึ่งกระทำอย่างแน่วแน่ มิใช่เพื่อลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงเพียงเท่านั้น แต่ยังเพื่อการขับขี่และบังคับรถยนต์อีกด้วย Lamborghini Urus จะสร้างมาตรฐานใหม่มห้กับวงการรถเอสยูวี จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำและความสูงตัวถังรถที่สามารถผันแปร คือ คำตอบ ทั้งนี้แลมบอร์กิน เอสยูวี มีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านนวัตกรรม การนำมาปรับใช้ และด้านการขับขี่ และเมื่อนำมารวมกับความสูงตัวถังรถที่สามารถผันแปร ทำให้สามารถปรับความสูงของสปอยเลอร์หน้า เพื่อให้ได้องศาที่ดีที่สุดและขจัดข้อขัดข้องทั้งหมด เมื่อตั้งให้ต่ำที่สุด จะมีความมั่นคงเมื่อขับขี่ในความเร็วสูง และแน่นอนทำให้การขับขี่ดีขึ้น ในส่วนขอบด้านบนของกระจกบังลมด้านหลัง คือ ชื้นส่วนที่ทำให้มีการหันเหของลม ซึ่งจะเปลี่ยนทิศทางของกระแสลมไปยังกระจกบังลมด้านหลังและสปอยเลอร์ที่ปรับได้ เมื่อนำมาควบรวมในทำนองเดียวกันกับสปอยเลอร์หลัง ความสมดุลในการขับขี่ของ Lamborghini Urus จะสามารถปรับเปลี่ยนการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมได้ด้วย                          





การออกแบบ

การออกแบบของแลมโบร์กินีนั้นมีเอกลักษร์เฉพาะ โดยรถของแลมโบร์กินีทุกคันเปรียบเสมือน การออกแบบผลงานทางศิลปะที่ล้ำยุคล้ำสมัย และทุกคันมีความสมบูรณ์แบบในตัวมันเอง ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเจ้ารถต้นแบบ Lamborghini Urus คันนี้ได้ยึดมั่นในตรรกเดียวกันกับรถสปอร์ตของแลมโบร์กินี ด้วยความแน่นหนาอย่างมาและการใช้เส้นที่คมมากทำให้เกิดความแม่นยำ ซึ่งถือเป็นการออกแบบลำดับต้นๆของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการทำความสะอาด ความเรียบร้อย และความประณีตในการดำเนินการ แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในความสามารถ รวมถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของแลมโบร์กินี ในด้านการออกแบบ การประกอบ และการผลิตตัวรถยนต์ ซึ่งผลลัพธ์ คือการออกแบบที่แม่นยำอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ สิ่งนี้คือความมหัศจรรย์ที่มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงาน





เริ่มต้นจากส่วนหน้าของ Lamborghini Urus แสดงให้เห็นถึงความเป็นแบบฉบับรถครอบครัว มีลักษณะเป็นสามมิติแบบเส้นคม มีช่องรับอากาศขนาดใหญ่อยู่ทั้งซ้ายและขวา ไฟหน้าขนาดใหญ่ลักษณะเป็นรูปตัว Y เทคโนโลยีที่นำอากาศบริสุทธิ๋ รวมถึงเส้นที่ลากตั้งแต่หลังคาจนมาถึงด้านท้ายขอรถยนต์ ทั้งหมดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในด้านการออกแบบของแลมโบร์กินี ซึ่งล้วนแล้วถูกออกแบบอยู่ในเจ้า Urus คันนี้

รายละเอียดในส่วนอื่นๆก็ถูกตกแต่งและปรับเปลี่ยนใหม่เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ไฟหน้า Lamborghini Urus ถูกปรับเปลี่ยนเป็นการฉายไฟในแนวขนาน รุปทรงเป็นลักษณะเจ็ดเหลี่ยม และด้วยความพิเศษของเทคโนโลยี LED ที่จะประกอบอยู่ในไฟทั้งสองข้าง โดยแต่ละข้างจะติดตั้ง LED คุณภาพสูงถึงสามอัน สำหรับไฟ LED จะปรับตัวไปตามแสงที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างวัน ในขณะที่ไฟตัดหมอก LED จะถูดติดตั้งอยู่ใต้ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ นอกเหนือจากนี้ยังมีการปรับแต่งบริเวณสปอยเลอร์หน้า การมองข้างที่เป็นเอกลักษร์เฉพาะของ Lamborghini Urus คือ กระจกที่มีพื้นผิวแคบซึ่งจะทำให้มองท้ายรถได้อย่างคมชัด ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนำแนวหลังคาและขอบล้อหลังอันทรงพลังมาควบรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ดูมีความสปอร์ตและน่ายำเกรงอย่างยิ่ง สำหรับรอยที่เว้าเข้าไปจากด้านหลังของขอบล้อหน้า เพื่อลดการนำเข้าอากาศจากด้านข้างที่จะช่วยเพิ่มระดับความคล่องแคล่วอีกด้วย 





ล้อที่มีความคงทนแข็งแรง คือ ส่วนที่สำคัญของแลมโบร์กินี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นในด้านการขับขี่ของรถเอสยูวีด้วยแล้ว ล้อคือส่วนที่สำคัญ ซึ่งวงล้อขนาด 24 นิ้วใหม่ล่าสุด หลอมจากอลูมิเนียม ปีกขนาดเล็กทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้ง 5 อัน ทำให้การระบายอากาศมีความเหมาะสม เจ้ากระทิง Urus ถูกโฉลมด้วยสีแดงสวยสดใส เพื่อให้ตัดกับส่วนของตัวลงที่ส่วนใหญ่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ผสมกับโพลีเมอร์ สำหรับส่วนที่ใหญ่ที่สุดของสปอยเลอร์หน้า ขอบประตูรถทั้งสองข้าง และแผ่นรีดลมอันทรงพลังทั้งหมดถูกทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน สำหรับภายในจะไม่มีกระจกมองหลังเหมือนปกติทั่วไป แต่จะถูกแทนที่ด้วยจอมอนิเตอร์ที่จะฉายภาพด้านหลังของรถยนต์ โดยภาพนี้จะปรากฎบนจอ TFT ทั้งสองข้าง ซึ่งจอทั้งด้านซ้ายและขวาจะถูกปรับให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับผู้ขับขี่มากที่สุด





ด้านท้ายของ Lamborghini Urus เป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับแลมโบร์กินี มันดูทรงพลัง แต่ไม่ดูใหญ่โตเทอะทะ ช่องแคบบริเวณไฟท้ายมีการนำสัญลักษณ์ตัว Y ที่จะมาเชื่อมต่อกับแผ่นสีดำเพื่อเน้นให้เห็นถึงความกว้างของรถ ทุกส่วนของตัวรถถูกใสใจอย่างพิถีพิถันโดยนักออกแบบของแลมโบร์กินี แม้แต่ระบบการปล่อยไอเสีย ท่อไอเสียทั้ง 4 ที่มีลักษณะหกเหลี่ยมได้ถูกติดตั้งโดยมีโครเมียมล้อมรอบ

การตกแต่งภายในห้องโดยสาร

Lamborghini Urus  เป็นรถที่ตอบโจทย์ความเป็นสปอร์ตในรถประเภทเอสยูวี ได้อย่างชัดเจน ที่ยังคงสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งพิสูจน์ได้จากภายในของเจ้ากระทิงตัวนี้ โดยผู้ขับขี่ และผู้โดยสารอีกสามคน เมื่ออยู่ภายในจะรู้สึกเหมือนกับได้ใส่เสื้อผ้าที่ตัดพอดีตัว แต่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย เป็นการยากที่จะปฏิเสธได้เลยว่า แลมโบร์กินี ได้ผลิตรถสปอร์ตในรูปแบบรถเอสยูวี โดยแท้จริงแล้วความสมบูรณ์ของภายใน คือ การรักษาไว้ซึ่งกลยุทธ์การออกแบบให้มีน้ำหนักเบาของแลมโบร์กินี ด้วยการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ผสมกับโพลีเมอร์











บริษัท ออโตโมบิลี แลมโบร์กินี เป็นเจ้าของเอกลักษณ์ความสามารถในการนำวัสดุคาร์บอนมาใช้ และนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีนี้ใช้ในรถต้นแบบคันนี้ ปล่องตรงกลางมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ทำมาจาก Forged Composite® ซึ่งอยู่ภายในทุกส่วน ยกเว้นเพียงบางส่วนที่ตกแต่งด้วยหนังเพื่อกันการกระแทก โดยกันแระแทกแต่ละอันจะตกแต่งในเบาะนั่งทั้งสี่ สำหรับตำแหน่งของที่นั่งนั้นต่ำและดูดีกว่าคันอื่นๆในประเภทเอสยูวี และแน่นอนเบาะที่นั่งทั้งสี่ถูกทำขึ้นจาก Forged Composite®  

รถต้นแบบ Lamborghini Urus ยังนึกถึงหลักปรัชญาในการดำเนินการ หลังพวงมาลัยยังประกอบด้วยเกียร์บนพวงมาลัยส่งกำลังแบบ Dual-Clutch  ฟังก์ชั่นอื่นๆทั้งหมด เช่น ไฟแสดงสถานะ ที่เปิดไฟ ที่ปัดน้ำฝน ทั้งหมดรวมอยู่ในฟังก์ชั่นเดียวกันของพวงมาลัย หรือตรงคอนโซล โดยผู้ขับขี่สามารถส่งข้อมูลต่างๆผ่านโปรแกรม บนหน้าจอ TFT ที่อยู่บนด้านหลังของพวงมาลัย ในส่วนของฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น ระบบเนวิเกชั่น ระบบความบันเทิงต่างๆ และระบบควบคุมอุณหภูมิ จะดำเนินการด้วยหน้าจอสัมผัสที่ติดตั้งอยู่บริเวณปล่องตรงกลาง และหน้าจอสัมผัสก็ยังมีให้สำหรับผู้นั่งเบาะหลังอีกด้วย