หลังผ่านการทดสอบหลากหลายรูปแบบอย่างเข้มข้น ‘เอ็มเบรเออร์’ (Embraer) บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินเจ็ทสัญชาติบราซิล ได้ตกลงใจติดตั้งยางเรเดียล ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์’ (MICHELIN Air X) ซึ่งโดดเด่นด้วยเทคโนโลยียางล้อที่แทบไม่มีการขยายตัว หรือ Near Zero Growth (NZG) อันเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของมิชลิน กับเครื่องบินเจ็ท ‘เอ็มเบรเออร์ อี 170’ (Embraer E170) ที่ผลิตเพื่อใช้งานทั่วทั้งภูมิภาค
![MICHELIN Air X,เครื่องบิน Embraer E170,Embraer E170,ยางเครื่องบิน MICHELIN Air X,ยางเครื่องบิน,ยางเครื่องบิน MICHELIN,เทคโนโลยี NZG](https://www.auto-thailand.com/images/column_1565542595/E170.jpg)
เครื่องบินเจ็ท ‘เอ็มเบรเออร์ อี 170’ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2547 โดยเดิมทีติดตั้งมาพร้อมยางผ้าใบ (Bias Tyre) ต่อมาในปี 2553 ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ เอ็ม 19601’ เป็นยางเรเดียลรุ่นแรกที่ได้รับเลือกให้ใช้ติดตั้งกับเครื่องบิน ‘เอ็มเบรเออร์ อี 170’ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทีมงานของ เอ็มเบรเออร์ และ มิชลิน ก็ได้ทำงานประสานความร่วมมือกันเพื่อศึกษาเรื่องความไวการตอบสนองของยางล้อคู่ (Sensitivity of the Twinned Tires) บนชุดฐานล้อ (Landing Gear) ต่อ “การสั่น” (การสั่นพ้องของระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำการลดระดับหรือร่อนลงจอดขณะบินที่ความเร็วสูง) ยางรุ่นใหม่ได้รับการปรับปรุงเพื่อลดความไวการตอบสนองนี้ลง โดยวิศวกรของมิชลินได้นำเทคโนโลยียางรถจักรยานมาประยุกต์ใช้ คุณสมบัติที่ได้รับการปรับปรุงนี้เปิดตัวพร้อมกับยาง ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ เอ็ม 19602’ ซึ่งผ่านการทดสอบการร่อนลงจอดที่ความเร็วสูงถึง 190 นอต (352 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และการทดสอบเพื่ออนุญาตกลับมาใช้ของยางมิชลินเรเดียลบนเครื่องบิน ‘เอ็มเบรเออร์ อี 170’
เทคโนโลยี NZG ได้รับการออกแบบเพื่อให้แน่ใจว่ายางมีการขยายตัวน้อยที่สุด ทั้งนี้ ยางเครื่องบินมีแรงดันลมยางสูงมาก (15 บาร์ เมื่อเทียบกับยางรถยนต์นั่งที่มีแรงดันลมยางเพียง 2.5 บาร์) เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินที่มีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์หลายเท่า การขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงเพื่อนำเครื่องขึ้นและร่อนลงจอดส่งผลให้ยางเครื่องบินขยายตัวจากแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ที่ความเร็วสูง แต่ด้วยเทคโนโลยี NZG การขยายตัวของยางตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางจะลดลง ส่งผลให้ยางมีความแข็งแกร่งและทนต่อความเสียหายอันเกิดจากวัสดุแปลกปลอมได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยี NZG มาใช้ในยาง ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์’ ยังช่วยให้สายการบินฯ มีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับการใช้ยางเรเดียลมาตรฐานทั่วไป เนื่องจากยาง ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์’ สามารถรองรับจำนวนครั้งในการนำเครื่องร่อนลงจอดได้สูงกว่าปกติถึงร้อยละ 30 ทั้งยังมีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นและมีความทนทานต่อความเสียหายเป็นเยี่ยม ยิ่งกว่านั้น เทคโนโลยี NZG ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยางและลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงลง ส่งผลให้ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ ยาง ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ เอ็ม 19602’ มีวางจำหน่ายสำหรับติดตั้งเป็นชุดฐานล้อหลัก (Main Gear) สำหรับเครื่องบิน ‘เอ็มเบรเออร์ อี 170’