Volvo แบรนด์ที่เชื่อว่าทุกคนคงได้สัมผัสรับรู้ชื่อเสียงด้านความปลอดภัยมายาวนาน ซึ่งที่ผ่านมานั่นได้รับความนิยมพอสมควร จนมาถึงช่วงระยะหนึ่งที่แบรนด์ Volvo เริ่มเงียบแต่ยังไม่หายไปจากวงการ และปัจจุบันเริ่มปล่อยรถรุ่นใหม่ๆออกมาด้วยรูปโฉมและออพชั่นที่มีความทันสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Volvo ให้ได้สัมผัสกันอยู่ ครั้งนี้ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสนำ Volvo V40 Cross Country D4 รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู เครื่องยนต์ดีเซล 190 แรงม้า ที่มีแรงบิด 400 นิวตันเมตร มาพร้อมออพชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ กับค่าตัว 2,099,000 บาท สมรรถนะจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นติดตามกันได้ครับ Volvo V40 Cross Country D4 จะแตกต่างจาก V40 รุ่นทั่วไปคือ ตัวรถจะสูงกว่า 40 มม. ด้านหน้าเพิ่มความโดดเด่นด้วยกันชนหน้า กระจังหน้าลายรังผึ้ง พร้อมไฟ Daytime ส่วนกันชนหลังมาพร้อม skid plate ที่มีสัญลักษณ์ Cross Country เพิ่มความสวยงามลงตัว ภายในห้องโดยสารของ Volvo V40 Cross Country D4 ออกแบบเน้นสีทูโทน เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า ด้านผู้ขับขี่มีหน่วยความจำ เบาะหุ้มหนังเย็บตะเข็บเบาะด้วยสีตัดกันที่ให้ความสวยงามและยังเพิ่มความสปอร์ตไปในตัว คอนโซลออกแบบให้อุปกรณ์ต่างๆสามารถหยิบจับใช้งานง่าย และยังคงเอกลักษณ์กับปุ่มปรับแอร์และเครื่องเสียงสไตล์ Volvo ส่วนเบาะนั่งด้านหลังนั้น กว้างขวางนั่งสบาย สามารถปรับพับได้ และยังมีที่วางแขน รวมถึงที่วางแก้วที่พับซ่อนอยู่ที่เบาะนั่งในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก Volvo V40 Cross Country D4 มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 190 แรงม้า ที่ 4,250 รอบ และแรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ กับเทคโนโลยี i-ART ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอัจฉริยะที่ได้รับการติดตั้งคอมพิวเตอร์เซ็นเซอร์ไว้ที่หัวฉีดของแต่ละลูกสูบ ฉีดจ่ายน้ำมันสูงสุด 9 ครั้งต่อการหมุนของเครื่องยนต์ 1 รอบ และให้แรงดันมากสุด 2,500 บาร์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Geartronic และ Paddle Shift ช่วงทดสอบ Volvo V40 Cross Country D4 กับทีมงาน Auto-Thailand แรกสัมผัสกับ Volvo V40 Cross Country D4 ตัวรถภายนอกมีขนาดไม่ใหญ่นัก เรียกว่ากำลังดีเหมาะกับการใช้งานในเมือง รูปโฉมที่มีความโค้งมนมากกว่าเดิมก็ถือว่าสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น เมื่อก้าวเข้าสู่เบาะนั่งผู้ขับขี่ที่ให้ท่านั่งกระชับแบบสปอร์ต แต่มีระบบความจำ 3 ตำแหน่งเพิ่มความสะดวกเมื่อต้องใช้งานกันหลายคน พวงมาลัยขนาดกำลังดี มีปุ่มปรับอุปกรณ์ต่างๆมาให้ใช้งานครบครัน แต่อาจจะรู้สึกแปลกๆไม่เหมือนพวกรถในกลุ่มญี่ปุ่นจากการจัดวางปุ่มตำแหน่งที่ไม่เหมือนกัน เรียกว่าต้องใช้ให้คุ้นชินก็ไม่ใช้ปัญหาแต่อย่างใด ความรู้สึกโดยรวมในการนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่ ทัศนวิสัยถือว่ามองได้กว้างกว่ารุ่นทั่วไปจากตัวรถที่สูงกว่าเล็กน้อย อุปกรณ์ภายในถือว่าใช้วัสดุที่สมราคา ออกแบบจัดวางในสไตล์ Volvo ที่มีเอกลักษณ์อย่างเช่นคอนโซลกลางจะมีปุ่มปรับอุปกรณ์ฟังก์ชั่นต่างๆให้ได้ใช้งานอย่างสะดวก แต่สำหรับเบรกมือนั้นดูแล้วจะออกแบบมาแปลกๆการใช้งานไม่ค่อยสะดวกดูแล้วจะเบียดกับเบาะนั่งด้านซ้ายเกินไป ตรงนี้น่าจะมาจากการออกแบบสำหรับรถเมืองนอกที่พวงมาลัยจะอยู่ด้านซ้ายก็เป็นได้ ส่วนเบาะนั่งด้านหลังนั้น ถึงแม้ว่าถ้ามองจากภายนอกตัวรถจะมีขนาดเล็ก แต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารถือว่ามีมาให้ใช้งานได้อย่างสมตัว โดยเฉพาะตำแหน่งของที่วางแก้วที่ออกแบบให้พับซ้อนที่เบาะนั่งเวลาใช้งานก็สะดวกสบายไปอีกแบบ ส่วนเรื่องการขับขี่ Volvo V40 Cross Country D4 นั้น เริ่มเคลื่อนตัวก็สัมผัสได้ถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล ทวินเทอร์โบ 190 แรงม้า ที่มีแรงบิดกว่า 400 นิวตันเมตร เรียกว่าแค่ยกเท้าออกจากแป้นเบรกตัวรถก็สามารถเคลื่อนตัวออกไปได้เอง พละกำลังสามารถเรียกใช้งานได้ทันใจ ส่งกำลังได้อย่างราบรื่นรวดเร็วจากระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่มีแป้น Paddle Shift เพิ่มความสนุกในการขับขี่ โดยเฉพาะในการขับขี่ในโหมด S สามารถเล่นรอบเครื่องเรียกอัตราเร่งออกมาใช้ได้อย่างทันใจ การปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้น Paddle Shift ในโหมดนี้จะตอบสนองดีกว่าโหมดธรรมดา และที่สำคัญเครื่องยนต์ตัวนี้ยังให้พละกำลังในรอบต่ำ คือ ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องไม่ถึง 1,500 รอบ ความรู้สึกในการขับขี่นั้น ถ้าขับขี่แบบธรรมดาทั่วไป พวงมาลัยจะให้น้ำหนักกำลังดีเบาสบายในความเร็วต่ำ ให้ความแม่นยำและคล่องตัว แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงก็จะปรับหนืดเพิ่มขึ้นให้ขับขี่ได้มั่นใจ แต่ตรงนี้ถ้ามีการขับขี่ด้วยการเหยียบคันเร่งลึกๆแบบกระทันหัน พละกำลังแรงบิดที่ถูกส่งลงไปที่ล้อคู้หน้าอาจจะทำให้รู้สึกมีแรงดึงออกซ้ายขวานิดๆจากการเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า เรียกว่าต้องทำความคุ้นเคยสักหน่อยก็จะขับขี่ได้อย่างมั่นใจ แต่ก็แอบเสียดายถ้าได้พละกำลังแบบนี้กับรถขนาดนี้แต่เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง รับรองว่าจะเป็นรถที่ขับขี่สนุกและน่าใช้อีกรุ่น ส่วนในเรื่องของระบบช่วงล่างของ Volvo V40 Cross Country D4 สามารถรองรับการขับขี่และพลังกำลังจากเครื่องยนต์ได้อย่างสบาย เรียกว่าเกาะหนึบทุกเส้นทาง โดยระบบช่วงล่างถูกปรับเซตมาแบบสปอร์ตที่บางคนอาจจะรู้สึกกระด้างไปบ้าง แต่ถือว่าไม่ได้มากมายอะไร แต่ที่แน่ๆคือได้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่มั่นใจ รวมถึงระบบเบรกที่ให้น้ำหนักการเหยียบที่นุ่มเท้าและสามารถชะลอหยุดความเร็วได้ตามสั่ง เรียกว่าแม้ขับขี่มาด้วยความเร็วก็ยังให้ความมั่นใจหยุดได้อย่างใจสั่ง Volvo V40 Cross Country D4 ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ช่วยในการขับขี่อีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยในการจอดรถอัตโนมัติ (Park assist pilot) ช่วยให้การจอดแบบขนานขอบทางง่ายดายขึ้นโดยที่ระบบอัจฉริยะจะควบคุมการบังคับเลี้ยวของรถเอง ผู้ขับขี่เพียงกำหนดความเร็วและเกียร์เท่านั้น ระบบนี้ทำงานโดยเซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิคที่ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้า หลัง และข้างรถ ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ City Safety ซิตี้เซฟตี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เมื่อรถคุณวิ่งไม่เกิน 50 กม./ชม. ระบบจะใช้เลเซอร์ที่ฝังอยู่ส่วนบนของกระจกบังลมหน้า สแกนพื้นที่ด้านหน้ารถในระยะห่างออกไป 10 เมตร เพื่อตรวจจับยานพาหนะด้านหน้ารถว่าหยุดอยู่กับที่หรือกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ถ้าระบบประเมินว่าการชนกำลังจะเกิดขึ้น เบรกจะถูกชาร์จเตรียมไว้เพื่อให้คุณเหยียบเบรกได้ทันท่วงที หรือหากคุณไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติ โหมด D : 0-100 กม./ชม. 8.4 วินาที โหมด S : 0-100 กม./ชม. 8.7 วินาที ส่วนในเรื่องของอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ Volvo V40 Cross Country D4 ถือเป็นรถที่ทีมงาน Auto-Thailand นำมาทดลองขับขี่ที่นอกจากจะมีพละกำลังอัตราเร่งที่ทำได้น่าพอใจขับขี่สนุกแล้ว ยังมาพร้อมความประหยัด โดยเท่าที่สังเกตจากการขับขี่ใช้งานทั่วไป (ขับค่อนข้างเร็ว ใช้โหมด S บ่อย) ตัวเลขสามารถทำได้ประมาณ 14 กิโลลิตร ส่วนถ้าออกไปวิ่งนอกเมืองทางโล่งๆที่ความเร็วค่อนข้างคงที่ (แต่มีบางทีก็ใช้ความเร็วสูง) ก็ยังสามารถเห็นตัว 17 กิโลลิตร ได้ง่ายๆ เรียกว่าถ้าขับขี่แบบเรื่อยๆเน้นความประหยัดตัวเลข 20 กิโลลิตรที่เคลมจาก Volvo ก็น่าจะทำได้ไม่ยาก ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ Volvo V40 Cross Country D4 รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูที่มาพร้อมพละกำลังที่เร้าใจกับเครื่องยนต์ดีเซล ทวินเทอร์โบ 190 แรงม้า ที่สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ทุกการขับขี่จนบางครั้งรู้สึกว่าจะแรงเกินไปกับรถขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ถ้าปรับตัวเข้าหารถสักนิด รับรองว่าจะได้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุก แถมด้วยความประหยัดที่ส่วนมากจะสวนทางกัน เอาเป็นว่าสมรรถนะแบบนี้กับค่าตัวเท่านี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกคันหนึ่งก็ว่าได้ครับ