auto-thailand.com
หลังจากค่าย MG ได้เผยโฉม MG ZS ใหม่ สมาร์ทเอสยูวีที่มาพร้อมกับออพชั่นจัดเต็ม เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด กับราคาเปิดตัวาเริ่มต้นที่ 6.79 - 7.89 แสนบาท คำถามที่ได้ยินมาทันทีก็คือ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ล้าสมัยไปหรือเปล่า เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร มันจะอืดไหม วิ่งทางไกลจะไหวไหม รวมไปถึงระบบสั่งงานด้วยเสียงใช้งานเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ครับ MG ZS ใหม่ มีด้วยกัน 3 รุ่นย่อย คือ MG ZS 1.5L C ราคา 679,000 บาท MG ZS 1.5L D ราคา 729,000 บาท MG ZS 1.5L x ราคา 789,000 บาท ภายนอกโดยรวมเรื่องความสวยนั้นแล้วแต่ชอบกันเลย จุดต่างของ MG ZS ใหม่ทั้ง 3 รุ่นที่พอจะสังเกตและมองเห็นได้ก็คือ ด้านหน้าในรุ่น C (รุ่นล่าง) จะไม่มีไฟเดย์ไทม์และสปอร์ตไลต์ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และไม่มีราวหลังคา ส่วนในรุ่น D (รุ่นกลาง) จะมีราวหลังคามาให้ และมีไฟเดย์ไทม์และสปอร์ตไลต์ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายเดียวกับรุ่น C และในรุ่น X (รุ่น Top) มีราวหลังคา มีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาที่มีขนาดใหญ่เปิดได้กว้างมาก กับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วมาให้ ภายในห้องโดยสารของ MG ZS ใหม่ รุ่น C (รุ่นล่าง) คอนโซลหน้า แผงประตู จะเป็นสีดำ เบาะนั่งจะหุ้มด้วยผ้า ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา ส่วนในรุ่น D (รุ่นกลาง) และรุ่น X (รุ่น Top) ภายในจะเป็นสีน้ำตาล-ดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนโทรล ไฮไลต์อีกตัวของ MG ZS ใหม่ รุ่น X (รุ่น Top) จะอยู่ที่ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย เพียงพูดคำว่า Hello MG หรือกดปุ่มที่พวงมาลัยด้านขวา ก็สามารถสั่งงานทั้งเปิด-ปิด เอียง ยก แง้ม ซันรูฟ เปิด-ปิดแอร์ ปรับเร่ง-ลดพัดลม ปรับเป่าตัว เป่าเท้า เปิด-ปิดกระจกฝั่งคนขับ สั่งงานระบบเครื่องเสียง และสั่งงานระบบโทรศัพท์ ส่วนอีกวิธีที่จะสามารถสื่อสารกับตัวรถ MG ZS ใหม่ การสั่งการผ่านระบบ i-SMART application จากสมาร์ทโฟน ที่สามารถสั่งเปิดระบบปรับอากาศผ่านแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย โดยตัวรถยังล็อคอยู่ และจะทำงานประมาณ 10 นาที ถ้าเรายังไม่เดินมาเปิดรถระบบจะยกเลิกการทำงาน นอกจากนี้ ระบบ i-SMART application ยังสามารถดูข้อมูลตัวรถ อาทิ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ และระบบเบรก ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรมหรือออกนอกพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้ด้วย (ระบบนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่หนีเที่ยวบ่อยๆ 555) MG ZS ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ (บล็อกเดียวกับ MG5 แต่ได้รับการปรับจูนใหม่) ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH 4 สูบ ให้พละกำลัง 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อม Manual Mode และยังรองรับ E85 ได้อีกด้วย MG ZS ใหม่ ยังมีระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มเช่นเดิม อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัยรวมทั้งหมด 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ และที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่น X (รุ่น Top) คือ ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์อยู่ที่ตัวล้ออัลลอย จึงสามารถเปลี่ยนยางทั่วไปได้ปรกติ แต่ถ้าเปลี่ยนล้ออัลลอยใหม่ระบบนี้ก็จะไม่ทำงาน ช่วงทดสอบ MG ZS ใหม่ กับทีมงาน Auto-Thailand กิจกรรมการทดลองขับ MG ZS ใหม่เริ่มกันที่โรงแรมย่านสาทร โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทางไป-กลับกว่า 400 ก.ม. หลังรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลของ MG ZS ใหม่เรียบร้อย ทีมงาน Auto-Thailand ได้รถทดสอบ MG ZS 1.5x ตัว Top เดินทางกัน 2 คนสลับผลัดเปลี่ยนกันทดลองขับ ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารในตำแหน่งผู้ขับขี่ เบาะนั่งปรับมือนั่งได้ค่อนข้างสบาย ภายในตกแต่งเน้นสีน้ำตาล-ดำ คอนโซลหน้า แผงประตูข้างเป็นวัสดุแบบนุ่ม รูปแบบถือว่าดูทันสมัยดี ผิวสัมผัสต่างๆของวัสดุยังดูไม่ถูกใจนัก พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงท้ายตัดสามารถปรับขึ้นลงได้ แต่ปรับดึงเข้าออกไม่ได้ จุดเด่นของพวงมาลัย MG ZS ใหม่ ก็คือจะสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 3 ระดับ คือ Comfort, Normal และ Sport และแปรผันน้ำหนักตามความเร็วได้ โดยการปรับตั้งสามารถทำได้ที่หน้าจอสัมผัสบริเวณคอนโซล จากการทดลองปรับในระดับต่างๆ ก็สามารถให้ความแตกต่างอย่างชัดเจน ตรงนี้ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่ดี เพราะผู้ขับขี่แต่ละคนจะชอบน้ำหนักพวงมาลัยที่ไม่เหมือนกัน โดยทั้ง 3 ระดับจะทำงานที่ไม่เกินความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. ถ้าความเร็วเกินจะตัดเข้าทำงานแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว และสำหรับ MG ZS 1.5x ก้านไฟเลี้ยวอยู่ด้านซ้ายแบบรถยุโรป ด้านล่างติดกันจะมีก้านระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนโทรล ที่ใช้งานง่าย เพียงดึงก้านเข้าหาตัวผู้ขับขี่จะเป็นการเปิดระบบ และกดปุ่มตรงหัวก้านปรับเป็นการสั่งล็อคความเร็ว และสามารถเพิ่มลดความเร็วได้โดยปรับขึ้น-ลง ทีมงาน Auto-Thailand กำลังสนุกกับการปรับตั้งเล่นอุปกรณ์ต่างๆในรถ ขบวนทดสอบก็เริ่มเคลื่อนออก จึงต้องรีบออกตัวอย่างรวดเร็ว เรียกว่า MG ZS 1.5x ทำได้ค่อนข้างน่าพอใจ พละกำลังจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด สามารถเรียกอัตราเร่งพุ่งออกไปได้ไม่ยากนัก อีกอย่างที่ต้องขอบอกก่อนว่า การเดินทางครั้งนี้ถึงแม้คันของเราจะมากัน 2 คน แต่ด้วยน้องอีกคนตัวค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักตัวเรา 2 คนพร้อมสัมภาระก็น่าจะมี 200 กิโล ช่วงที่ขับในเมืองถือว่า เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ของ MG ZS ใหม่ ช่วงรอบต่ำสามารถส่งกำลังได้ดีต่อเนื่องราบเรียบกว่าที่คิดไว้มาก ทำให้การขับเปลี่ยนเลนกับสภาพการจราจรย่านสาทรทำได้แบบสบายเพียงพอกับการใช้งาน และเมื่อถึงช่วงวิ่งขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าออกนอกเมืองสู่ จ.ระยอง เริ่มรู้สึกถึงอัตราเร่งในช่วงกลางเป็นต้นไปจะมากันแบบเรื่อยๆ เรียกว่าถ้าจะเหยียบคันเร่งกันแบบมิดเรียกพละกำลังมาใช้ก็จะมีแต่รอบเครื่องตัวความเร็วจะไม่ค่อยไปตามนัก ต้องใช้วิธีเดินคันเร่งแบบเนียนๆค่อยๆไล่ความเร็วขึ้นไปก็พอจะได้ความเร็วที่ต้องการ แต่ที่แน่ๆอัตราเร่งเมื่อเทียบความรู้สึกกับพวกเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT แล้วระบบเกียร์ของ MG ZS ใหม่สามารถส่งกำลังได้ต่อเนื่องนุ่มนวลดีกว่าที่คิด และในช่วงที่ขับทำความเร็วมาและต้องการเร่งแซงก็จะต้องกะระยะและเผยพื้นที่ในการเร่งแซงพอสมควร สำหรับในช่วงขับทำความเร็วนอกเมือง 120-140 ก.ม./ช.ม. แบบลอยตัวไปเรื่อยๆขับยาวๆ ถือว่า MG ZS ใหม่ ทำได้น่าพอใจ ทั้งด้านการควบคุมพวงมาลัยที่มีน้ำหนักหนืดมือดี ระบบช่วงล่างของ MG ก็ยังคงไว้ใจได้ในสไตล์ European Tuning Suspension ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ที่เกาะถนนใช้ได้ โดยจะรู้สึกนิ่มกว่า MG GS นิดหน่อย ทำให้การนั่งโดยสารนุ่มนวลกว่า และยังมาพร้อมระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ ที่ให้น้ำหนักเบรกได้ตามสั่ง ช่วงแรกอาจจะยังไม่ชินจะรู้สึกว่าต้องกดแป้นเบรกมากกว่ารถบางรุ่นที่กดเบรกแล้วจับเร็วแบบหัวทิ่ม การเก็บเสียงในห้องโดยสารของ MG ZS ใหม่ ก็ถือว่าทำได้น่าพอใจ โดยกว่าจะได้ยินเสียงลมชัดเจนก็ต้องใช้ความเร็วเกิน 120 ก.ม./ช.ม. นอกจากนี้บางช่วงยังได้ทดลองใช้การสั่งงานด้วยเสียงในฟังก์ชั่นต่างๆ ก็ถือว่าใช้งานได้น่าพอใจ ซึ่งตรงนี้เท่าที่ทีมงาน Auto-Thailand ได้ทดลองใช้งานถือว่าสามารถรับคำสั่งที่เราพูดได้ดี โดยการออกเสียงภาษาไทยก็ไม่ถึงกับต้องชัดเจนถูกต้องนัก ระบบก็สามารถทำตามคำสั่งได้ ส่วนระบบ iSmart ก็ให้ความสะดวกโดยเฉพาะช่วงแวะพักจิบกาแฟเราก็สามารถสั่งเปิดแอร์สตาร์ทรถจากสมาร์ทโฟนรอไว้ได้เลย รวมถึงสามารถเช็กข้อมูลต่างๆของรถได้อีกด้วย จากการสังเกตระหว่างทดลองขับ MG ZS ใหม่ การทำความเร็ว 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ประมาณ 18.3 วินาที ความเร็ว 80-120 ก.ม./ช.ม. ทำได้ประมาณ 13 วินาที และความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบการทำงานที่ 2,500 รอบ ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบการทำงานที่ 3,000 รอบ อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ทำได้ประมาณ 12-13 กิโลลิตร โดยในเที่ยวขาไปเติมน้ำมันแกสโซฮอล์ 95 ส่วนขากลับเติม E20 ซึ่งความรู้สึกของอัตราเร่งและตัวเลขที่กล่าวมาต่างกันน้อยมาก หรือเรียกว่าแทบไม่ต่างกัน ในเรื่องบริการหลังการขาย ช่วงนี้ MG ZS ใหม่ จะมาพร้อมแพ็คเกจใช้งานระบบอัจฉริยะ i-SMART ฟรี เป็นระยะเวลา 5 ปี และสบายใจกับการบริการ Passion Service ด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 ก.ม. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ช.ม. รวมไปถึงบริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobile Services) ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ MG ZS ใหม่ สมาร์ทเอสยูวีรุ่นใหม่ของ MG ในเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์อาจจะไม่ใช่จุดเด่นกับการชอบขับขี่ใช้ความเร็วเรียกอัตราเร่งออกมาใช้งานกันบ่อยๆ แต่ก็พอไปไหนมาไหนได้กับระยะทางไกลใช้ความเร็วคงที่แบบลอยตัวก็ใช้งานได้เพียงพอ แต่ถ้าต้องการเร่งแซงหรือทำความเร็วก็จะต้องใช้เวลาสักนิดกะยะเผื่อสักหน่อย อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็ถือว่าพอรับได้ แต่ที่โดดเด่นสำหรับ MG ZS ใหม่ก็น่าจะเป็นพวกลูกเล่นต่างๆที่ใส่เข้ามากับราคาค่าตัวไม่ถึง 8 แสน ขับขี่ใช้งานกันแบบเรื่อยๆไม่รีบร้อนขับในเมืองได้ เดินทางไกลได้ ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า MG ZS ใหม่ ก็น่าพอจะเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้ลังเลได้เหมือนกัน ถ้าได้ทดลองขับด้วยตัวคุณเองกับราคาและออพชั่นแบบนี้...