Honda City โฉมนี้ เป็น City โฉมปี 2003 ด้วยรูปทรงที่เล็กกะทัดรัด นำสมัยกว่าในรุ่นที่ผ่านมา ๆ พอสมควรในยุคนั้น จึงทำให้ City โฉมนี้มียอดจองล้นหลาม  ความน่าใช้และน่าสนใจของรถคันนี้ ก็คือรูปทรงสวยน่าใช้ ห้องโดยสารที่ค่อนข้างกว้างขวางกับความเหนือชั้นของเครื่องยนต์แบบ VTEC ที่เลื่องชื่อของ Honda ผนวกกับเทคโนโลยีเกียร์ AUTO แบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า CVT มีอัตราทดมาให้ใช้งานได้มากถึง 7 สปีด     







Honda City 1.5 VTEC ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาในโฉมนี้ออกแบบมาล้ำสมัย ฉีกแนวไปจากโฉมก่อนที่เน้นความเหลี่ยม  ด้านหน้าเด่นด้วยโคมไฟหน้าใหญ่ รูปทรงโฉบเฉี่ยว ตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียมเหนือกระจังหน้า ส่วนกระจกมองข้างก็ติดตั้งบนก้านยกออกจากประตู ด้านท้ายเด่นด้วยโคมไฟสีแดงขาว และด้วยรูปทรงหน้าสั้นทำให้ห้องโดยสารยาวขึ้น  

Honda City 1.5 VTEC ออกแบบห้องโดยสารเน้นการใช้งานแบบอเนกประสงค์ คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่หมด ปุ่มควบคุมต่าง ๆ มีขนาดใหญ่ ใช้งานได้ง่าย เน้นดีไซน์สีในห้องโดยสารแบบทูโทน เพิ่มความหรูหราและทันสมัย เพิ่มความเป็น Sport ด้วยมาตรวัดทรงกลม 3 มาตร พวงมาลัย 3 ก้านแบบ Steermatic โดยมีสวิตช์ควบคุมตำแหน่งเกียร์ +/- เหมือนในรถราคาแพงมาให้ใช้งานด้วย     












เบาะนั่งคนขับปรับสูง/ต่ำได้ เพื่อให้เข้ากับขนาดตัวผู้ขับขี่ เบาะหลังแบบ Ultra Seat สามารถพับแยกแบบ 60/40 ยกเก็บเบาะนั่ง  เพื่อเพิ่มพื้นที่วางสัมภาระได้  ไม่ว่าจะเป็นแบบราบหรือพับขึ้นเมื่อต้องการวางสัมภาระทรงสูง เนื่องจากการออกแบบให้ถังน้ำมันติดตั้งอยู่ตรงกลางตัวรถ ต่างไปจากรถยนต์ทั่วไปที่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะนั่งด้านหลัง จึงมีเนื้อที่ใช้สอยมากขึ้นทั้งในห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายสามารถใช้งานได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย      

Honda City 1.5 VTEC มาพร้อมความโดดเด่นของเครื่องยนต์ที่เลื่องชื่อในตระกูล VTEC จากฮอนด้า แบบเบนซิน 4 สูบเรียง SOHC 16 วาล์ว มีปริมาตรความจุรวม 1497 ซี.ซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดระบบ PGM-FI ให้พละกำลัง 110 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 142 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที





จากพละกำลังเครื่องยนต์ VTEC จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่ทำให้ Honda City 1.5 VTEC คันนี้ขับได้สนุกทั้งในเมืองและเดินทางไกล ด้วยระบบส่งกำลังแบบ CVT แบบ 7 สปีด จึงสามารถถ่ายทอดกำลังได้อย่างต่อเนื่อง นุ่มนวลในทุกรอบความเร็ว  สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 170 กม./ช.ม. ทั้งยังมีอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในระดับ 9-11 กม./ลิตร สำหรับการวิ่งใช้งานในเมือง 

ด้านระบบรองรับของ Honda City 1.5 VTEC คันนี้ ด้านหน้าใช้แบบอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังใช้แบบกึ่งอิสระ ทาง Honda เลือกใช้แบบ Torsion Beam  โดยช่วงล่างของ Honda City 1.5 VTEC ปรับแต่งมาแบบ Sport นิด ๆ ให้ความกระชับดีในระดับหนึ่ง จะออกอาการบ้างก็ต่อเมื่อใช้ความเร็วสูงระดับ 150 กม./ชม. ขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วระดับสูงของรถขนาดนี้     

ส่วนระบบเบรกของ Honda City 1.5 VTEC ด้านหน้าใช้แบบดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน ด้านหลังใช้แบบดิสก์ธรรมดา พร้อมติดตั้งระบบเบรก ABS และ EBD มาให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว
 
ข้อดีและความน่าใช้ของ Honda City 1.5 VTEC อยู่ตรงที่ใช้งานได้อย่างคล่องตัวมาก ๆ สำหรับในเมือง ด้วยรูปทรงที่กะทัดรัด จึงหาที่จอดได้ไม่ยาก อีกทั้งเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดในรอบต่ำ จึงขับขี่ในเมืองได้อย่างคล่องตัว ตามด้วยอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ถือว่าน่าพอใจของ Honda City 1.5 VTEC ในการใช้งานในเมือง

ส่วนเรื่องการดูแลรักษาก็ไม่น่ากังวลแต่อย่างใด เพราะศูนย์ Honda มีอยู่ทั่วไป แม้ว่าราคาอะไหล่บางตัวอาจจะแพงอย่างเกียร์ CVT  ที่เมื่อถึงอายุจะมีค่าซ่อมแซมที่ค่อนข้างสูง ก็คงต้องเตรียมค่าดูแลไว้ถ้าคิดจะคบกับ Honda City 1.5 VTEC เรียกว่าถ้าได้รถมาในสภาพระบบเกียร์ไม่มีปัญหาก็ใช้กันสบายแบบยาวๆเลยครับ    





รายละเอียดทางเทคนิค HONDA CITY 1.5 VTEC

แบบรถ ซีดาน 4 ประตู 5 ที่นั่ง
เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า
เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบเรียง SOHC 16 วาล์ว VTEC
ปริมาตรความจุรวม 1497 ซี.ซี.
กระบอกสูบ 73.0x89.4 มม.
ระบบเชื้อเพลิง หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ PGM-FI   
กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลัง CVT 7 สปีด  
ระบบรองรับ หน้า/หลัง อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง/กึ่งอิสระ Torsion Beam
ระบบเบรก  นิรภัย 2 วงจร พร้อมระบบ ABS, EBD           
หน้า/หลัง ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน/ดิสก์เบรก 
ระบบบังคับเลี้ยว RACK & PINION พร้อมระบบพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ESP
ขนาดยาง 175/65 R 14
มิติตัวรถ (ยาวxกว้างxสูง)  4,390x1,690x1,485  มม.
ถังน้ำมันบรรจุ 42 ลิตร