มร.เคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์เซลส์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มร.ฮิโรกิ นาคาจิมะ หัวหน้าวิศวกรอาวุโส เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวแนะนำรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุด “ไฮลักซ์ รีโว่” เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการ ไบเทค บางนา
VIDEO
รีวิวรถใหม่ Toyota Hilux REVO
https://www.auto-thailand.com/TestDrive/Toyota-Hilux-Revo-2015-BRIC-VDO-Review.html
โตโยต้า เริ่มต้นสายการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ.2511 โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า “ไฮลักซ์” ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีต่อมาในปี พ.ศ. 2547 โตโยต้า ได้สร้างปรากฏการณ์ ให้กับตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ด้วยการแนะนำรถไฮลักซ์ เจเนอเรชั่นที่ 7 ภายใต้โครงการ “IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโตโยต้าที่มีการย้ายฐานการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก ในด้านสมรรถนะการขับขี่ ความประหยัดน้ำมัน ประโยชน์ใช้สอยและคุ้มค่า สามารถครองใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กล่าวว่า “นับตั้งแต่การแนะนำรถกระบะไฮลักซ์ เจนเนอเรชั่นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2511 รถกระบะไฮลักซ์ ได้จำหน่ายให้แก่ลูกค้ากว่า 16 ล้านคน ในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก จนสามารถกล่าวได้ว่ารถกระบะ ไฮลักซ์ เป็นรถกระบะในดวงใจของลูกค้ามากที่สุดในโลก สำหรับรถกระบะไฮลักซ์เป็นผลิตภัณฑ์หลักของโตโยต้าที่จำหน่ายทั่วโลก ผลิตจากโรงงานโตโยต้า 6 ประเทศ โดยประเทศไทยนับเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 70 % ของยอดผลิตทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย รถกระบะไฮลักซ์ เป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการแนะนำ เจนเนเรชั่นที่ 7 ในปี พ.ศ. 2547 รถกระบะไฮลักซ์ สามารถครองตำแหน่งแชมป์รถกระบะด้วยยอดขายสะสมภายในประเทศกว่า 1,650,000 คัน ครองอันดับ 1 ในตลาดรถกระบะ 9 ปีซ้อน และรถกระบะไฮลักซ์ที่ผลิตภายในประเทศไทย ยังสามารถสร้างความความภาคภูมิใจให้กับคนไทยภายใต้คุณภาพการผลิตมาตรฐานโตโยต้า ด้วยยอดส่งออกรถยนต์ภายใต้โครงการ IMV กว่า 2,400,000 คัน ทั้งหมดนี้แสดงถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าทั่วโลก ที่มีต่อคุณภาพและสมรรถนะของโตโยต้า ไฮลักซ์ ทำให้เป็นรถกระบะยอดนิยมระดับโลกอย่างแท้จริง”
ไฮลักซ์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 นี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของโตโยต้า ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติทุกมิติของรถกระบะอย่างแท้จริงกับการเปลี่ยนโฉมในทุกตารางนิ้วเพื่อตอบสนองทุกความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าอย่างเหนือความคาดหมาย ภายใต้ชื่อใหม่ว่า Hilux REVO (ไฮลักซ์ รีโว่)”
มร.ฮิโรกิ นาคาจิมะ เปิดเผยว่า “ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ Toyota Hilux REVO ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบและพัฒนา เพื่อให้ Hilux REVO เป็นรถกระบะผู้กำหนดนิยามใหม่แห่ง “ความแกร่ง” สะท้อนภาพลักษณ์ตามแนวคิด “ยุคใหม่แห่งกระบะ ทุกตารางนิ้วต้องไฮลักซ์” ด้วยเครื่องยนต์ใหม่บนโครงสร้างแชสซีส์ใหม่กับแรงบิดที่สูงขึ้น ลดระดับเสียงรบกวนจากการทำงานของเครื่องยนต์ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง – ระบบเกียร์แบบ 6 สปีดใหม่ที่ช่วยปลดปล่อยศักยภาพของเครื่องยนต์ใหม่อย่างเต็มสมรรถนะ – ระบบกันสะเทือนใหม่ที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น ถูกออกแบบเป็นพิเศษให้เหมาะกับสภาพถนนของประเทศไทยโดยเฉพาะ ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่เฉกเช่นรถ SUV ระดับหรู – ดีไซน์ใหม่ที่แข็งแกร่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ – ระบบความปลอดภัยเหนือระดับกว่ารถรุ่นเดียวกัน”
Toyota Hilux REVO กระบะยุคใหม่
ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต...ปฎิวัติทุกรายละเอียด
ภายใต้นิยามใหม่แห่ง “ความแกร่ง” สร้างประสบการณ์การขับขี่เฉกเช่นรถ SUV ระดับหรู
ด้วย จุดเด่น 6 จุดหลัก ดังนี้
• REVOLUTION OF POWER – ปฏิวัติความแรง กว่าที่เคยแรง ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต กับเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด (GD Efficient Boost) เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ให้แรงบิดสูงสุดในช่วงรอบกว้าง (Flat torque) ครอบคลุมทุกการใช้งานทั้งออกตัวและเร่งแซงแต่ยังประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทำงานเงียบ ไอเสียต่ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับมาตรฐาน Euro 4
• REVOLUTION OF STABILITY – ปฏิวัติความเหนือชั้น ทุกการทรงตัว กับระบบควบคุมช่วงล่างใหม่แบบพลวัต DCS (Dynamic Control Suspension) ที่มาพร้อมระบบกันสะเทือนใหม่และโครงสร้างแชสซีส์ใหม่ FIRM (Frame with Integrated Rigidity Mechanism) ผ่านการทดสอบอย่างทรหดในทุกสภาพถนนทั่วโลก ให้สัมผัสแห่งความแกร่ง แต่คงไว้ซึ่งความนุ่มนวลเฉกเช่นรถ SUV ระดับหรู พร้อมขีดสุดแห่งสมรรถนะการทรงตัว มั่นใจในทุกสถาณการณ์
• REVOLUTION OF CONTROL – ปฏิวัติมิติใหม่ แห่งการควบคุม ระบบเกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีดในรถกระบะ ให้ความรู้สึกราบรื่นขณะเปลี่ยนเกียร์ในทุกจังหวะความเร็ว และสัมผัสใหม่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างเหนือชั้น ผสานกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟและระบบล็อกเฟืองท้าย เพื่อให้การเดินทางราบรื่นในทุกเส้นทาง และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างยอดเยี่ยม
• REVOLUTION OF STYLING – ปฏิวัติดีไซน์ใหม่ เร้าใจทุกมุมมอง ด้วยดีไซน์ใหม่ของรถกระบะแห่งอนาคตกับรูปลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง ดุดันและทรงพลัง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและพริ้วไหว ทั้งภายในและภายนอก
• REVOLUTION OF COMFORT – ปฏิวัติความหรูหรา สู่ความสบายที่เหนือกว่า สร้างสัมผัสแห่งยนตรกรรมระดับหรู ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ โอ่โถงกว้างสบาย เพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหนือระดับ สู่ขีดสุดแห่งสุนทรียภาพการขับขี่สมบูรณ์แบบ
• REVOLUTION OF SAFETY – ปฏิวัติระบบความปลอดภัย มั่นใจทุกสถานการณ์ สร้างความอุ่นใจในการขับขี่ เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ทั้งแบบปกป้อง และแบบป้องกัน
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ กล่าวว่า “Hilux REVO เป็นการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ กับรถกระบะที่ถูกพัฒนาเพื่อปฏิวัติโลกยนตรกรรม ทั้งในวันนี้และอนาคต โดยชื่อ Hilux REVO มาจากคำว่า “REVOLUTION” ซึ่งมีความหมายในการพัฒนา ไฮลักซ์ ใหม่ ในทุกมิติ ทุกตารางนิ้ว ผ่านจุดขายหลักทั้ง 6 จุด จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้แนวคิด “ไฮลักซ์ รีโว่ ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต” โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นให้เกิดการรับรู้แบรนด์สูงสุด ด้วยแผนการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อดิจิตอลในเว็ปไซต์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยิ่งไปกว่านั้น โตโยต้าจะเปิดสนามทดลองขับ Toyota ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นสนามทดลองขับมาตรฐาน ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ในการขับขี่เพื่อพิสูจน์สมรรถนะกับ Hilux REVO ด้วยตัวคุณเอง
Toyota Hilux REVO มีให้เลือกถึง 3 รุ่น 33 แบบ โดยเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ใหม่ในรุ่นมาตรฐานขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้า ทั้งนี้ Toyota Hilux REVO รุ่นดับเบิ้ลแค็บ และรุ่นมาตรฐาน พร้อมส่งมอบให้ทุกท่านเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับรุ่นสมาร์ทแค็บ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มทำการส่งมอบได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน เป็นต้นไป
Toyota Hilux REVO มีสีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Nebula Blue สีแดง Crimson Spark Red และสีขาวมุก White Pearl Crystal พร้อมเป้าหมายการขายที่ 14,000 คันต่อเดือน”
ราคาจำหน่าย Toyota Hilux Revo 2015
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Standard Cab 4x4 - 2.8J ราคาจำหน่าย 675,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Standard Cab 4x2 - 2.8J Plus ราคาจำหน่าย 605,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Standard Cab 4x2 - 2.4J Plus SWB ราคาจำหน่าย 585,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Standard Cab 4x2 - 2.7J ราคาจำหน่าย 569,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Standard Cab 4x2 - 2.4J ราคาจำหน่าย 569,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab 4x2 - 2.4G ราคาจำหน่าย 755,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab 4x2 - 2.4E ราคาจำหน่าย 709,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab 4x2 - 2.7J Plus ราคาจำหน่าย 679,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab 4x2 - 2.4J Plus ราคาจำหน่าย 679,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab 4x2 - 2.4J ราคาจำหน่าย 619,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab - 2.4G AT ราคาจำหน่าย 865,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab - 2.8G ราคาจำหน่าย 859,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab - 2.4E AT ราคาจำหน่าย 815,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab - 2.4G ราคาจำหน่าย 815,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab - 2.7E ราคาจำหน่าย 765,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab - 2.4E AT ราคาจำหน่าย 765,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab - 2.4J Plus ราคาจำหน่าย 729,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab 4x4 - 2.8G ราคาจำหน่าย 899,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Smart Cab 4x4 - 2.4E ราคาจำหน่าย 799,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab 4x2 - 2.4E ราคาจำหน่าย 795,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab 4x2 - 2.7E ราคาจำหน่าย 795,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab 4x2 - 2.4J Plus ราคาจำหน่าย 725,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.8G AT ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.4G Plus AT ราคาจำหน่าย 1,009,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.4G AT ราคาจำหน่าย 969,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.4G ราคาจำหน่าย 925,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.4E AT ราคาจำหน่าย 895,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.7E AT ราคาจำหน่าย 895,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.4E ราคาจำหน่าย 845,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab - 2.4J Plus ราคาจำหน่าย 809,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab 4x4 - 2.8G AT ราคาจำหน่าย 1,139,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab 4x4 - 2.8G ราคาจำหน่าย 1,069,000 บาท
• Toyota Hilux Revo 2015 Double Cab 4x4 - 2.4E ราคาจำหน่าย 899,000 บาท
ข้อมูล Toyota Hilux REVO 2015
REVOLUTION OF POWER
ปฏิวัติความแรง กว่าที่เคยแรง
ขีดสุดแห่งเทคโนโลยีอนาคตพลิกโฉมยานยนต์กระบะโลกให้หลุดพ้นทุกข้อจำกัดด้วยพลังขับเคลื่อนที่แรงขึ้น
แต่ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม พร้อมฟันฝ่าทุกอุปสรรครองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มสมรรถนะ
เครื่องยนต์ GD Efficient Boost … ขีดสุดเทคโนโลยีแห่งอนาคตภายใต้แนวคิด “Efficient Boost” เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ลดการสูญเสียความร้อนและแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ พลิกโฉมยานยนต์ระดับโลก ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุด จากโตโยต้า ทลายทุกข้อจำกัด ด้วยพลังขับเคลื่อนที่แรงขึ้นอีกขั้น ให้แรงบิดสูงสุดในรอบกว้าง (Flat Torque) ครอบคลุมทุกการใช้งานทั้งในช่วงออกตัวหรือเมื่อเร่งแซง แต่ยังประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทำงานเงียบ และสั่นสะเทือนน้อยกว่าพร้อมฟันผ่าทุกอุปสรรค รองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มสมรรถนะ
ระบบเทอร์โบแปรผันใหม่ (VN Turbo) … แรงสุดพลัง แต่ประหยัดสุดขีด เหนือชั้นด้วยระบบเทอร์โบแปรผันใหม่ ออกแบบให้มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดครีบปรับแรงดันอากาศด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เที่ยงตรงและแม่นยำสูง แรงต่อเนื่องทุกรอบความเร็ว ช่วยให้เครื่องยนต์ปลดปล่อยพลังงานออกมาได้เต็มกำลัง
ระบบฉีดน้ำมันอัจฉริยะ … เทคโนโลยีล่าสุดกับระบบฉีดน้ำมันอัจฉริยะ พร้อมปั๊มแรงดันสูง 220 MPa ฉีดน้ำมันเป็นละอองฝอย เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบหมดจดยิ่งกว่า เพิ่มระดับความประหยัดให้มากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์เดินเงียบ ลดเสียงและการสั่นสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งลดมลภาวะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Roller Rocker Arm with Valve Lash Adjuster … ออกแบบพิเศษเพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างลูกเบี้ยวและกระเดื่องวาล์วในจังหวะของการเปิด-ปิดวาล์ว พร้อมระบบปรับตั้งวาล์วอัตโนมัติเพื่อกำจัดช่องว่างของการสึกหรอที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่มีการรั่วไหลของไอน้ำมันแม้ใช้งานอย่างยาวนาน ผลลัพธ์คือเครื่องยนต์เดินเงียบ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมัน และประหยัดค่าบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน
EGR (Exhaust Gas Recirculation) … เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยระบบนำไอเสียหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์ขณะทำงาน ลดมลพิษได้เต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐาน Euro 4
ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System) … เมื่อรถหยุดนิ่ง ระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วขณะ และจะสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันและลดไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในระหว่างที่เครื่องยนต์หยุดการทำงานเครื่องปรับอากาศจะยังคงส่งลมเย็นอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลเทคนิคเครื่องยนต์ Toyota Hilux Revo 2015
• เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.7 ลิตร : 2TR-FE DOHC 16V Dual VVT-i
ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบ
• เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร : 2GD-FTV เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์
ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร ที่ 1400-2800 รอบ
• เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร : 2GD-FTV (High) เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์
ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1600-2000
• เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร : 1GD-FTV เทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์
ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 1400-2600 รอบ
REVOLUTION OF CONTROL
ปฏิวัติมิติใหม่ แห่งการควบคุม
เกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีด … ระบบเกียร์ธรรมดาอัจฉริยะ iMT 6 สปีดในรถกระบะ ให้ทุกการขับขี่ง่ายดาย ราบรื่นทุกจังหวะความเร็ว
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด … ขีดสุดแห่งเทคโนโลยีที่ให้แรงบิดสูงในจังหวะรอบต่ำช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับเคลื่อนได้อย่างเหนือชั้น และประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม
สวิตช์ปรับรูปแบบการขับขี่ (Drive Mode Switch) … สามารถเลือกรูปแบบสมรรถนะการขับขี่ได้ตามต้องการ ทั้งแบบประหยัด (ECO Mode) และ แบบสมรรถนะสูง (Power Mode) ตอบสนองทุกสภาพการขับขี่
สวิตช์ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า Shift-On-The-Fly (4WD Switch) … ช่วยให้ปรับระบบเข้าสู่รูปแบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้อย่างสะดวกและง่ายดายขึ้น
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ A-TRC (Active Traction Control) … ขีดสุดของการพัฒนาเพื่อการขับขี่สไตล์ Off Road อย่างแท้จริง ระบบจะทำงานผสานกันระหว่างเครื่องยนต์และระบบเบรก เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่าล้อใด เริ่มสูญเสียแรงขับเคลื่อนขณะรถวิ่งผ่านพื้นผิวลื่น ระบบ A-TRC จะลดแรงขับที่ส่งไปยังล้อนั้น เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี และเพิ่มแรงขับไปยังล้อที่เหลือ เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย
ระบบล็อกเฟืองท้าย (Diff Lock) … ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า เทคโนโลยีสำหรับการฝ่าฟันอุปสรรค มั่นใจได้ว่ารถจะมีแรงฉุดลากที่เหมาะสม สามารถตะลุยผ่านเส้นทางวิบากได้อย่างง่ายดาย
REVOLUTION OF STABILITY
ปฏิวัติความเหนือชั้น ทุกการทรงตัว
อีกขั้นของความล้ำหน้าสู่การควบคุมเหนือชั้น พร้อมเสถียรภาพมั่นคง มั่นใจในการขับขี่ในทุกสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ระบบช่วงล่าง DCS (Dynamic Control Suspension) … ปฏิวัติใหม่กับระบบควบคุมช่วงล่างแบบพลวัต อีกขั้นของความล้ำหน้า ออกแบบใหม่ทุกชิ้น ผ่านการทดสอบอย่างทรหดในทุกสภาพถนน ผลลัพธ์คือขีดสุดของความแกร่ง พร้อมให้การตอบสนองดีเยี่ยมทั้งการทรงตัวและความนุ่มนวล
ระบบกันสะเทือนใหม่ (New Suspension System) … ให้สมรรถนะสูงสุดเช่นเดียวกับรถ SUV ระดับหรู สู่การควบคุมเหนือชั้น พร้อมเสถียรภาพมั่นคง มั่นใจในทุกสถานการณ์
• แหนบถูกออกแบบให้ยาวขึ้น – สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งกว่า ให้ความนุ่มนวลดุจรถยนต์นั่ง และระยะห่างของแหนบซ้าย-ขวา ถูกขยายให้กว้างกว่าเดิม เพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวทั้งแนวเส้นตรงและขณะเข้าโค้ง ทำให้รถทรงตัวนิ่งในทุกสภาวะ
• โช๊คอัพถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น – เพิ่มสมรรถนะการเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อต้องวิ่งบนเส้นทาง Off Road
โครงสร้างแชสซีส์ใหม่ FIRM (Frame with Integrated Rigidity Mechanism) … ออกแบบพิเศษให้แข็งแกร่ง ทนทานยิ่งขึ้น เพิ่มสมรรถนะการทรงตัวที่มั่นคงในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง ลดแรงสั่นสะเทือนเพิ่มความนุ่มนวล พร้อมทั้งช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชน เต็มประสิทธิภาพในการควบคุมการขับขี่อย่างเหนือชั้น
• เพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างแชสซีส์มากถึง 20% โดยการเพิ่มขนาดพื้นที่ตัดขวางของแชสซีส์ให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มจุดเชื่อมต่อของคานเหล็กแนวขวางให้แข็งแรงกว่าเดิม ช่วยให้ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่า ทรงตัวแน่น รองรับน้ำหนักบรรทุกได้เต็มประสิทธิภาพ
• เหนือชั้นความปลอดภัย แชสซีส์ใหม่ถูกออกแบบให้ดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้ดีกว่าเดิมถึง 15% ช่วยปกป้องผู้โดยสารได้เหนือชั้นกว่า
ระบบควบคุมเสถียรภาพของห้องโดยสาร (Body Control with Torque Demand)* … ระบบจะทำการควบคุมแรงบิด ช่วยลดการกระพือของห้องโดยสารอันเนื่องมาจากสภาพถนน ให้การขับขี่ราบเรียบ และนุ่มนวลยิ่งขึ้น *เฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล
REVOLUTION OF STYLING
ปฏิวัติดีไซน์ใหม่ เร้าใจทุกมุมมอง
ทุกองศาคือความหรูหราเหนือระดับผสานความโฉบเฉี่ยวดุดันด้วยเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์
กระจังหน้า และกันชนหน้า … สะท้อนสไตล์ที่เหนือใคร ด้วยเส้นสายที่สอดประสานกับไฟหน้า
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ … พร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ และไฟ LED Daytime Running Light ความโฉบเฉี่ยว ดุดัน มาพร้อมคุณภาพส่องสว่างที่ยอดเยี่ยม เพิ่มทัศนวิสัยที่ดีในทุกสภาวการณ์
ไฟตัดหมอกหน้า … เพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยขณะขับขี่เมื่อฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด
ระบบควบคุมแสงสว่างอัตโนมัติ (Light Control System) … เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล่าสุด ระบบจะทำการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายนอก
ไฟท้ายพร้อมไฟตัดหมอก (Rear Combination Lamp with fog lamp) … ออกแบบพิเศษให้แสงสว่างเด่นชัดในระยะไกล พร้อมครีบช่วยการทรงตัว (Aero Stabilizing Fin) เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
กระจกมองข้างโครเมียม พร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว … โดดเด่นด้วยวัสดุผิวโครเมียม ขนาดใหญ่ให้มุมมองที่กว้างขึ้น เพิ่มความปลอดภัยทุกเส้นทาง พร้อมครีบช่วยการทรงตัว (Aero Stabilizing Fin) เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
บันไดข้าง … เพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงรถ
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว … หรูหรา ดึงดูดทุกสายตา พร้อมยางแบบ All-terrain รองรับทุกรูปแบบการขับขี่ ลุยได้ทุกสภาพถนน
เสาอากาศแบบสั้น … พับเก็บได้ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต
REVOLUTION OF COMFORT
ปฏิวัติความหรูหรา สู่ความสบายที่เหนือกว่า
ทุกรายละเอียด คือความพิถีพิถันที่จะสรรค์สร้างที่สุดแห่งสุนทรียภาพขับขี่ และทุกตารางนิ้วคือความหรูหราที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นสมบูรณ์แบบ
ห้องโดยสารขนาดใหญ่ … มิติใหม่ของความสบายระดับเฟิร์สคลาส เพิ่มความโอ่โถงกว้างสบาย ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ตกแต่งภายในอย่างพิถีพิถัน เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง … สามารถปรับระดับสูง-ต่ำ ดึงเข้า-ออก รองรับทุกสรีระของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมออกแบบพิเศษให้มีพื้นผิวสัมผัสใหญ่ขึ้น จับกระชับ มั่นคง แรงสั่นสะเทือนต่ำ ผ่อนคลายทุกการเดินทางไกล
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) … รักษาความเร็วให้คงที่ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ลดความเมื่อยล้าเมื่อเดินทางไกล
จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID 4.2 นิ้ว … แสดงข้อมูลการขับขี่ได้คมชัด อ่านง่าย สวยงามด้วยระบบสีสมบูรณ์แบบ
ระบบเครื่องเสียงพร้อมเนวิเกเตอร์ แบบหน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว … รองรับระบบนำทาง T-Connect และการเชื่อมต่อ USB / AUX / Bluetooth พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) … สะดวกสบายด้วยระบบสตาร์ทด้วยปลายนิ้ว
ระบบ Smart Entry … เพียงพกกุญแจ Smart Key ให้อยู่ในระยะทำงาน ก็สามารถล็อกและปลดล็อกประตู โดยไม่ต้องกดปุ่มรีโมท
วัสดุซับเสียงคุณภาพสูง (Sound Absorption) … เงียบสบายยิ่งกว่าด้วยแผ่นดูดซับเสียงขนาดใหญ่ ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220V … สามารถใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป เพิ่มความสะดวกสบายเหนือระดับ
กล่องเก็บของพร้อมระบบรักษาความเย็น (Cool Box) … ขนาดใหญ่บริเวณคอนโซลหน้า เติมเต็มทุกความสดชื่น ตลอดการเดินทาง
ช่องเก็บของภายในห้องโดยสาร … เก็บสัมภาระได้หลากหลาย พร้อมช่องเก็บของข้างประตูหน้า-หลัง สามารถเก็บขวดน้ำขนาด 1 ลิตรได้อย่างสบาย
ช่องปรับอากาศสำหรับเบาะหลัง … เพิ่มระดับความเย็นสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
REVOLUTION OF SAFETY
ปฏิวัติระบบความปลอดภัย มั่นใจทุกสถานการณ์
อีกขั้นของระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
ระบบป้องกัน Active Safety
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) … ป้องกันการเกิดอาการล้อหมุนฟรี เมื่อขับอยู่บนผิวถนนที่ลื่น ซึ่งเป็นสาเหตุของการลื่นไถลทำให้รถเสียการทรงตัว
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) … ขณะเข้าโค้งบนถนนที่เปียกลื่น ระบบจะควบคุมกำลังเครื่องยนต์ และส่งแรงเบรกไปยังล้อแต่ละล้อแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันภาวะมุดโค้ง (Understeer) หรือแหกโค้ง (Oversteer) จึงช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและมั่นคง
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) … เมื่อต้องเบรกอย่างกะทันหัน ระบบจะช่วยป้องกันล้อล็อกและลื่นไถล ทำให้สามารถควบคุมรถได้ในทุกสถานการณ์คับขัน ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) … ปลอดภัยทุกการขับขี่ โดยระบบช่วยกระจายแรงเบรกในแต่ละล้ออย่างสมดุล เพื่อป้องกันอาการท้ายสะบัดและกระจายแรงเบรกล้อซ้าย-ขวาในขณะเข้าโค้ง เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้น
ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) … ในสภาวะเบรกฉุกเฉิน และแรงเบรกจากผู้ขับไม่เพียงพอต่อการหยุดรถ ระบบจะเพิ่มแรงเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้สามารถหยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย
ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) … เมื่อวิ่งบนพื้นถนนขรุขระ หรือใช้งานลากจูง และต้องเผชิญลมพัดขวางรุนแรง เซ็นเซอร์จะปรับแรงดันเบรกและกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมช่วยรักษาเสถียรภาพ ป้องกันรถส่ายหรือเสียการทรงตัว
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC(Hill-start assist control) … เมื่อต้องออกตัวบนทางลื่นและลาดชันระบบจะเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4 อัตโนมัติ เพื่อป้องกันลื่นไถลลงเนินชันในจังหวะที่ผู้ขับขี่ถอนเท้าจากแป้นเบรกไปเหยียบคันเร่ง ช่วยให้ผู้ขับขี่ขับสามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นคง
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) … เมื่อต้องขับเคลื่อนลงเนินชัน ระบบจะควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องแตะเบรก ช่วยให้เคลื่อนที่ลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ควบคุมได้อย่างมั่นใจ เพิ่มความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
กล้องมองหลัง … ระบบจะแสดงภาพบริเวณมุมมองด้านหลังของรถผ่านจอ LCD เมื่อเข้าเกียร์ถอย ช่วยให้ถอยจอดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ระบบปกป้อง Passive Safety
ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน … มั่นใจอีกขั้นของการปกป้องที่เหนือชั้น ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ลดโอกาสบาดเจ็บจากแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โครงสร้างตัวถังนิรภัย ...โครงสร้างห้องโดยสาร ได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษให้แกร่งยิ่งขึ้นโดยการใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูง (High Tensile Strength Steel) เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับและกระจายแรงกระแทกจากการชนได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมปกป้องผู้โดยสารในทุกสถานการณ์
พบกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Hilux REVO
วันที่ 22 – 24 พฤษภาคม 2558
ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
ครั้งแรกของโลก…กับการปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต
ตื่นตากับ “REVO 4D Digital Mapping Show”
สัมผัสเทคโนโลยีใหม่ของ Hilux REVO ในโซน Revolution Lab
ร่วมสร้างประสบการณ์การขับขี่กับ Revolution Arena กิจกรรมทดลองขับรถไต่ภูเขาจำลอง สูง 10 เมตร
สัมผัสตัวจริง “Hilux REVO ” ทุกรุ่น ทุกแบบ พร้อมการทดสอบสมรรถนะ
กิจกรรมสนุกสนานอื่นๆ อีกมากมาย
พร้อมงานเปิดตัวยิ่งใหญ่…4 จังหวัด ทั่วทุกภูมิภาค
ภาคเหนือ … ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล จังหวัด เชียงใหม่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ … ลานค้าส่งอู้ฟู่ จังหวัดขอนแก่น
ภาคกลาง … ลานกิจกรรมหน้าศาลากลางจังหวัด จังหวัดชลบุรี
ภาคใต้ … ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล จังหวัดสงขลา (หาดใหญ่)
***** ข้อมูลก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ *****
หนึ่งในประเด็นที่มีการพูดถึงกันเกี่ยวกับ Toyota Hilux Revo กระบะรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาทำหน้าที่ต่อจาก Vigo นอกจากเรื่องของดีไซน์แล้ว ก็เป็นเรื่องของเครื่องยนต์ อยากรู้ว่าขุมพลังใหม่ของ Toyota Hilux Revo จะเป็นอย่างไร
จริงๆ ก็รู้กันอยู่บ้างแล้วว่า Toyota Hilux Revo จะมาพร้อมเครื่องยนต์อะไร เรียกได้ว่า คราวนี้โตโยต้าจัดหนักจัดเต็มแน่นอน ในเรื่องของดีไซน์ Toyota Hilux Revo จะมาพร้อมดีไซน์ที่สวยสปอร์ตมากขึ้น และแฝงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ที่ดูดุดันมากขึ้น เพราะต้องการตอบโจทย์ผู้ใช้ที่อยากได้รถกระบะที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความแข็งแกร่งและทนทาน ดังนั้นมั่นใจได้ว่ากระบะโฉมใหม่ของโตโยต้านี้มีอะไรที่น่าติดตามอย่างแน่นอน
VIDEO
ที่มา : http://www.toyota.co.th/
โดยภายใต้ดีไซน์ที่คาดว่าจะดุดันกว่าเดิมนั้นจะมาพร้อมขุมพลังที่เชื่อได้ว่าจะเป็นเครื่องดีเซลรุ่นใหม่ด้วย โฉมใหม่ ขุมพลังใหม่ จะไม่ให้น่าติดตามได้อย่างไร
เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่ว่าจะมี 2 พิกัดให้เลือกคือ เครื่องยนต์ดีเซลความจุขนาด 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลความจุขนาด 2.8 ลิตร เรื่องของกำลังงานและแรงบิดมีความเข้าใจกันว่าจะแรงกว่าใครในตลาดกระบะกลุ่มเดียวกัน แต่ยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่ชัด ต้องติดตามกันต่อไป
ข้อมูลระบบส่งกำลัง Toyota Hilux Revo ใหม่จะมี 3 เครื่องยนต์ ได้แก่
1. เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV VN Turbo อินเตอร์คูลเลอร์
มากับพละกำลัง 177 แรงม้า (เกียร์ธรรมดา 5 สปีด จะมี 167 แรงม้า)
*แรงบิด 450 นิวตัน-เมตรที่ 1,600 - 2,400 รอบ/นาที
(เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด)
* แรงบิด 420 นิวตัน - เมตรที่ 1,400 - 2,600 รอบ/นาที (เกียร์ธรรมดา 6 สปีด)
2.เครื่องดีเซล 2.4 ลิตร
รหัส 2GD-FTV VN Turbo อินเตอร์คูลเลอร์
กำลังสูงสุด 150 แรงม้า เรื่องแรงบิดยังไม่ชัวร์เพราะข้อมูลที่ผมได้รับมา ไม่ตรงกับข้อมูลเพิ่มเติมที่เจอ
3.เบนซิน 2.7 ลิตร
รหัส 2TR Dual VVT-i 167 แรงม้า รองรับ E20
เกียร์ธรรมดามีระบบ iMT ช่วยเปลี่ยนตรงจังหวะความเร็ว
มีโหหมด PWR Mode,ECO MODE
ที่มา : http://www.hiluxrevothailand.com