dot dot
dot
dot



car2day



ฟอร์ดเผยโฉม “Ranger Raptor” ครั้งแรกของโลก เปิดราคาที่ 1,699,000 บาท (มีVDO)

ฟอร์ดเผยโฉม “Ranger Raptor” ครั้งแรกของโลก มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดมากถึง 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ใช้โช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ Fox Racing Shox และระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อค เปิดราคาที่ 1,699,000 บาท




ทดลองขับ Ford Ranger Raptor 

คลิกที่นี่...



เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้ ผ่านขั้นตอนการออกแบบ ผลิต และทดสอบจากทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซ็กเมนต์ตลาดรถกระบะในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูงของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ทั้งนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อนักขับขี่แบบออฟโรดตัวจริง โดยตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการส่งมอบรถกระบะสายพันธุ์ “เกิดมาแกร่ง” ให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

“เราตื่นเต้นและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เผยโฉมรถรุ่นดังกล่าวสู่สาธารณชน เมื่อขับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คุณจะรู้สึกเสมือนเป็นฮีโร่” มร. จามัล ฮามีดิ หัวหน้าทีมวิศวกร ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) กล่าว

“ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พัฒนาต่อยอดรถรุ่นแร็พเตอร์ จากรถฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ รุ่นต้นแบบ ซึ่งเป็นแก่นสำคัญของรถยนต์ในตำนาน พร้อมผสมผสานดีเอ็นเอตามแบบฉบับของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance)”


Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing


การออกแบบที่ดุดัน


เรนเจอร์ แร็พเตอร์ โดดเด่นด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน ที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก

เมื่อมองจากด้านหน้า กระจังหน้าใหม่อันสะดุดตาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ซึ่งเป็นรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงคันแรกของโลกจากโรงงาน โลโก้ฟอร์ดสะกดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษอันเป็นเอกลักษณ์จัดวางอยู่บนกระจังหน้าอย่างองอาจ มอบความโดดเด่นเมื่อปรากฏตัวท่ามกลางฝุ่นอันคละคลุ้ง ชุดกันชนด้านหน้าซึ่งติดกับเฟรมรถได้รับการออกแบบให้มีความทนทานสำหรับการขับขี่ในทะเลทรายและดูน่าเกรงขาม แผงกันชนด้านหน้ายังมาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ ที่ช่วยลดการต้านลมของตัวรถได้เป็นอย่างดี

แก้มข้างรถคู่หน้าแบบใหม่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท ไม่เพียงแต่ดูแข็งแกร่ง แต่ยังทนต่อการบุบและรอยขีดข่วนที่มักจะเกิดจากการใช้งานออฟโรด อีกทั้งแก้มข้างรถคู่หน้าที่ถูกตีโป่งขยายออกนั้น เพื่อรองรับระยะยุบตัวของโช้คที่เพิ่มมากขึ้นและยางออฟโรดขนาดใหญ่ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีสีภายนอกให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีพิเศษเฉพาะของเรนเจอร์ แร็พเตอร์อย่าง สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ที่โดดเด่น โดยตัดกับสีเทาไดโน่ เกรย์ (Dyno Grey) เพื่อขับให้รูปลักษณ์ของรถดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

รูปลักษณ์ของตัวรถยังดูใหญ่ขึ้นในทุกมิติ โดยมาพร้อมความสูงถึง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมมุมไต่ที่ 32.5 องศา มุมคร่อมที่ 24 องศา และมุมจากที่ 24 องศา ซึ่งเหนือชั้นกว่ารถรุ่นใดที่เคยมีมา

เมื่อพิจารณาไล่ตั้งแต่ด้านล่างขึ้นไป จะสังเกตได้ว่าบันไดข้างรถของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ นั้นเหนือชั้นกว่ารถทั่วไปในท้องตลาด โดยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง และรูที่ถูกเจาะนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ระบายทราย โคลน และหิมะได้ โดยผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยเพื่อเพิ่มความคงทนโดยเฉพาะ ทั้งยังผ่านการทดสอบด้วยการกดน้ำหนัก 100 กิโลกรัมถึง 84,000 ครั้ง เพื่อจำลองการใช้งานในสนามทดสอบจริงกว่า 10 ปี และทำการเคลือบถึงสองชั้น โดยทำการพ่นสี powder-coated ก่อนพ่น grit-paint ทับอีกชั้น เพื่อมอบความรู้สึกแข็งแกร่ง ทั้งยังมีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนที่เกิดจากอากาศและสภาพแวดล้อม

บริเวณกันชนท้ายได้ผ่านการปรับปรุงโดยเพิ่มชุดตะขอเกี่ยวจำนวน 2 ชุด ที่รองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน นอกจากนี้ ส่วนท้ายรถยังได้รับการพัฒนาด้วยกรอบตัวเซ็นเซอร์ที่เรียบเสมอกับตัวถัง และตัวเชื่อมขอลากที่ได้รับการติดตั้งและออกแบบพิเศษ ส่วนท้ายกระบะมอบพื้นที่ใช้งานอย่างกว้างขวางด้วยขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในช่วงวันหยุด


Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing


การออกแบบภายใน เรนเจอร์ แร็พเตอร์มาพร้อมความประณีตขั้นสูงตามดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) ที่ผสานสีสันต่าง ๆ และการเลือกสรรวัสดุที่คงทนและเหมาะสมสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดและการใช้งานในชีวิตประจำวัน เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมอบความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางอย่างเหนือชั้น การเลือกใช้หนังกลับเป็นวัสดุของเบาะนั้น ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยึดเกาะที่นั่งได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพิจารณาการเลือกใช้วัสดุต่าง ๆ โดยคำนึงถึงการใช้งานจริง

ฟอร์ดได้จัดการทดสอบขับขี่ในระยะไกลหลายครั้งเพื่อประเมินคุณภาพของเบาะที่นั่งเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นบนถนนใหญ่หรือเส้นทางออฟโรดสุดสมบุกสมบันเพื่อจำลองการใช้งานจริงของลูกค้า เบาะที่นั่งที่มีความหนาเป็นพิเศษผ่านการตรวจประเมินคุณภาพในทุกจุด ช่วยในเรื่องการรองรับด้านข้างและยังช่วยลดความรู้สึกถึงการสะเทือนของรถ ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการปรับปรุงโครงสร้าง โดยออกแบบให้เบาะมีการโอบด้านข้างมากขึ้นเพื่อช่วยในการประคองผู้ขับขี่   

เมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ผู้ขับขี่เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จะสังเกตได้ถึงความแตกต่างของทุก ๆ รายละเอียดบริเวณคอนโซลหน้ารถ ไม่ว่าจะเป็นการเดินด้ายสีน้ำเงินและการเลือกใช้วัสดุหนัง แผงหน้าปัดที่มาในรูปแบบที่ดุดันแสดงฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบต่าง ๆ พวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยมาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมน้ำหนักเบาอันเป็นดีเอ็นเอใหม่ของแร็พเตอร์ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว เพิ่มความแม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ

ดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) มีบทบาทสำคัญในการออกแบบเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เป็นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย On-Centre Marker ที่เป็นแถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัย ช่วยให้นักขับออฟโรดทราบถึงตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้สลักลายโลโก้แร็พเตอร์ลงบนขอบพวงมาลัย เพื่อมอบความโดดเด่นสะดุดตาอีกด้วย


Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing


แชสซี ระบบเบรก และช่วงล่าง

แชสซีของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบใหม่มาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดจากการขับขี่โดยเฉพาะ

ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และสปริงคอยล์โอเวอร์ช็อคทำให้เพลาเคลื่อนที่อย่างมั่นคง จึงช่วยเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น

แชสซีได้ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อรองรับระบบช่วงล่างที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สามารถเพิ่มระยะช่วงล้อคู่หน้าและหลัง และยังเพิ่มระยะการให้ตัวของล้อได้มากขึ้น แชสซีผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่างๆ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซี (side-rails) เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูง

แชสซีด้านหน้าได้มีการเพิ่มความแข็งแรงของจุดยึดหูโช้คที่ถูกขยายความสูงขึ้นมา ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อคซึ่งทำขึ้นมาพิเศษให้เฉพาะเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เท่านั้น รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์ ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระโดยที่มีการขยับตัวในแนวราบน้อยมาก อีกทั้งยังมีชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดด้านหน้าและด้านหลังที่รองรับน้ำหนักจากการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และโครงสร้างแท่นยึดยางอะไหล่ที่ถูกเสริมความแข็งแรงเพื่อรองรับยางอะไหล่ขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว 

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับระบบเบรกอันทรงพลังโดยการใช้ชิ้นส่วนพิเศษที่ทำขึ้นเฉพาะรุ่น คาลิปเปอร์เบรกคู่หน้าเป็นแบบลูกสูบคู่ ที่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขึ้น 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับจานเบรกคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ถึง 332 x 32 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เบรกที่มาพร้อมกับระบบ brake actuation master cylinder ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มิลลิเมตรคู่กับคาลิปเปอร์เบรกใหม่ขนาด 54 มิลลิเมตร

“ประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดของเรนเจอร์ แร็พเตอร์นั้น โดดเด่นเหนือกว่ารถทั่วไปในท้องตลาด และยังให้ความรู้สึกน่าเกรงขามเมื่อขับขี่บนทางเรียบ” มร. ดาเมียน รอส หัวหน้าทีมวิศวกร ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และวิศวกรรมยานยนต์พิเศษ ของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว

“ทุกอย่างของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากฟอร์ด เรนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะอันเหนือชั้นและความรู้สึกที่โดดเด่นเมื่อยามขับขี่ จากจุดเริ่มต้นที่เน้นการขับขี่ที่เร้าใจ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จึงเป็นรถที่มีความพิเศษและเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง”

ระบบช่วงล่างสายพันธุ์รถแข่งของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนสภาพพื้นผิวขรุขระ โดยที่ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์แบบและได้รับความสบายอย่างเต็มที่ ด้วยโช้คแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ที่จะเพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดให้ดียิ่งขึ้น และจะลดแรงต้านเมื่อขับขี่บนถนนทางเรียบ เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล จึงเห็นได้ว่าระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ทั้งสองรูปแบบ

โช้คอัพผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ทั้งคู่หน้าและหลัง ช่วงล่างถูกออกแบบมาให้มีระยะการให้ตัวของล้อสูงเพื่อความสามารถในการซับแรงกระแทกขณะขับออฟโรด แต่ด้วยระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass technology) จึงทำให้การขับขี่บนถนนทางเรียบเป็นไปอย่างราบรื่น

นอกจากนั้น เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมีปีกนกที่ทำจากอะลูมิเนียม โดยปีกนกบนทำด้วยวิธีการฟอร์จและปีกนกล่างใช้วิธีการหล่อ เพื่อให้ระบบช่วงล่างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แข็งแรงทนทานต่อการขับขี่แบบออฟโรดถึงขีดสุด 



Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing     Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing

Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing

Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing


เอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด


เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ถูกพัฒนามาเพื่อลุยทุกสภาพพื้นผิวอันสมบุกสมบันแบบต่าง ๆ จึงเลือกใช้ยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17 ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเรนเจอร์ แร็พเตอร์โดยเฉพาะเพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ ยางมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 838 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร แก้มยางมีความแข็งแรงสูงซึ่งเหมาะในการลุยทุกสภาพพื้นผิว ด้วยดอกยางขนาดใหญ่พิเศษ ผู้ขับขี่จึงสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสภาพพื้นผิวที่เปียกลื่น โคลน พื้นทราย และหิมะ

นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมาพร้อมกับแผงกันกระแทกด้านล่างอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ช่วยปกป้องห้องเครื่องจากการกระแทก ผลิตจากเหล็กกล้า (High-strength steel) ที่มีความหนา 2.3 มิลลิเมตร และมีความทนทานสูงตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) แผงกันชนหน้ามาพร้อมกับสีเงิน อีกทั้งยังมีชุดกันกระแทกด้านล่างที่ป้องกันเครื่องและระบบส่งกำลัง (transfer case) ทั้ง 3 ส่วนนี้ที่ช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหม้อน้ำ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Assisted Steering - EPAS) ชุดสายพานหน้าเครื่อง (Front End Accessory Drive - FEAD) คานล่างด้านหน้า (Front cross-member) อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองขับส่วนหน้า

พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว

เรนเจอร์ แร็พเตอร์มาพร้อมกับระบบ Terrain Management System (TMS) สำหรับโหมดการขับขี่ทั้งหมด 6 รูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดจากปุ่มบนพวงมาลัย ซึ่งแต่ละโหมดได้รับการทดสอบและปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เทคโนโลยีทั้งหมดทำงานประสานกันอย่างดีที่สุด ผู้ขับขี่จึงสามารถควบคุมรถได้ดั่งใจในแต่ละสภาพโหมดการขับขี่ อันประกอบด้วย 

โหมดการขับขี่ทางเรียบ

- โหมดปกติ – เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

- โหมดสปอร์ต – ตอบโจทย์ผู้ที่มีใจรักการขับขี่ทางเรียบ เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็วและฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง พร้อมทั้งค้างรอบเครื่องสูงไว้เพื่อให้การตอบสนองคันเร่งที่ดีขึ้นอย่างที่ผู้ขับขี่ต้องการ

โหมดการขับขี่ออฟโรด

- โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ – ออกแบบมาให้ขับขี่บนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่นและเป็นหลุมบ่อ โดยระบบจะทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลขึ้นพร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์ที่สอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดอัตราการลื่นไถลของล้อรถ

- โหมดโคลน/ทราย – ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึกและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทรายและโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง

- โหมดหิน – ใช้เมื่อขับขี่บนพื้นผิวในเขตภูเขาที่ลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ และเน้นการควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ 

- โหมดบาฮา – ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ โดยระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะถูกตัดการทำงาน เพื่อไม่ให้แทรกแซงการทำงานของเครื่องยนต์ รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้นและเปลี่ยนเกียร์ลงได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม 

Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing

ขุมพลังแห่งการขับเคลื่อน


ระบบส่งกำลังของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ให้กำลังและแรงบิดที่เหนือกว่า ประหยัดน้ำมันมากขึ้น น้ำหนักน้อยลง รวมถึงการปรับประสานเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ เพลา พวงมาลัย เบรก และระบบควบคุมพวงมาลัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Steering Program) สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ

นวัตกรรมครั้งสำคัญนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงสมรรถนะและการตอบสนองอันยอดเยี่ยมของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด  ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร ในเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่มอบพละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร

ทีมวิศวกรของฟอร์ดได้ทำการทดสอบระบบส่งกำลังแบบใหม่อย่างเข้มข้น เพื่อให้มั่นใจในความแข็งแกร่งและทนทาน

การทดสอบ เทอร์โมไซเคิล (Thermo cycle) นี้ เป็นการทำให้เทอร์โบทั้ง 2 ลูกร้อนจัด จนกลายเป็นสีแดงนาน 200 ชั่วโมงติดต่อกัน ด้วยลูกปืนเทอร์โบที่มีประสิทธิภาพและเทอร์โบแรงดันต่ำที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ จึงทำให้เครื่องยนต์สามารถทนต่ออุณหภูมิระดับสูงมากได้

ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างเทอร์โบแรงดันสูง (HP) ที่เชื่อมต่อกับเทอร์โบแรงดันต่ำ (LP) ที่มีขนาดใหญ่กว่า และถูกควบคุมด้วยวาล์วบายพาสที่ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของเทอร์โบทั้งสองลูกโดยขึ้นอยู่กับความเร็วของเครื่องยนต์ เมื่อรอบเครื่องยนต์ต่ำ เทอร์โบทั้ง 2 ตัว จะทำงานตามลำดับเพื่อช่วยเพิ่มแรงบิดและการตอบสนอง เมื่อช่วงรอบเครื่องยนต์สูง อากาศจะไม่ไหลผ่านเทอร์โบแรงดันสูง ทำให้เทอร์โบแรงดันต่ำที่ใหญ่กว่าช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น   

เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งมาจากแร็พเตอร์ เอฟ-150 ผลิตจากวัสดุเหล็กกล้า อะลูมิเนียมอัลลอยและคอมโพสิทเพื่อให้มีความทนทานและมีน้ำหนักเบา เนื่องจากเกียร์มีทั้งหมด 10 จังหวะ ทำให้มีอัตราทดที่แคบลง จึงส่งผลให้มีอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีขึ้น และทีมวิศวกรก็สามารถออกแบบระบบเกียร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคย ทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย 

ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์มาพร้อมกับอัลกอริทึมที่เรียนรู้รูปแบบการขับขี่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้มั่นใจว่ารถได้เลือกเกียร์ที่เหมาะสมที่สุด ระบบเกียร์อัตโนมัติลูกนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า ‘Live in Drive’ ที่สามารถให้ผู้ขับขี่ใช้แป้น Paddle Shift เพื่อควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองได้ทุกเมื่อแม้กระทั้งอยู่ในเกียร์ D


Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing

Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing


เทคโนโลยีที่สะดวกสบายเพื่อการใช้งานจริง


เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ผนวกเข้าในรถคันนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานอุปกรณ์โปรดได้แม้มือยังจับพวงมาลัยและตาจับจ้องอยู่ที่ถนน

นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับสูงทั้งแบบแอคทีฟและพาสซีฟ รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยทำงานร่วมกับฟังก์ชั่นลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ

นอกจากนี้ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) จะคอยช่วยเมื่อเข้าโค้งหรือเบรกกะทันหันจนรถเริ่มเสียการทรงตัว ระบบนี้ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Sway Control) ระบบช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการบรรทุก (Load Adaptive Control)

กล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดีขนาด 8 นิ้ว ซึ่งทำงานร่วมกับสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง จึงช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจได้ไม่ว่าจะจอดรถในที่ใดก็ตาม 

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับระบบอำนวยความสะดวก ระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย (EZ Lift Tailgate) ด้วยกลไกผ่อนแรง จะช่วยผ่อนแรงของผู้ใช้ลงไป 66 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งกุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถล็อก ปลดล็อก และสตาร์ทรถได้ โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยการกดปุ่ม ในกรณีที่แบตเตอรี่อ่อน กุญแจที่เป็นกลไกก็ยังสามารถใช้งานทดแทนได้


Ranger Raptor,เรนเจอร์ แร็พเตอร์,Ford Performance,2018 Ranger Raptor,Ford Performance DNA,Ford Ranger Raptor,Ford Ranger   Raptor ใหม่,Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ford Ranger Raptor ใหม่,ราคา Ranger Raptor ใหม่,2.0-liter Bi-Turbo diesel engine,Fox Racing

ประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการถ่ายทอดสมรรถนะการขับขี่จากรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามผสานกับดีเอ็นเอของ เอฟ-150 แร็พเตอร์ ตามแบบฉบับของรถฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ พร้อมแล้วที่จะสะกดทุกสายตาทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกและทั่วโลก

“เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คือยนตกรรมอันน่าทึ่ง ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่ง ดุดัน และสมรรถนะที่จะยกระดับมาตรฐานการขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น และจะกระตุ้นอะดรีนาลีนของเหล่านักขับรถออฟโรดให้สูบฉีบด้วยความเร้าใจ” มร. ฮามีดิกล่าว

“เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เปรียบเสมือนรถกระบะที่รวมเอกลักษณ์ความเป็นมอเตอร์ไซค์วิบาก สโนว์โมบิล และรถเอทีวีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อมอบสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เคยมีมาก่อน”

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จะผลิตขึ้นที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) โดยใช้กระบวนการผลิตและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยระดับโลกของฟอร์ด

 

 




CarGallery

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ปรับโฉม เพิ่มรุ่น e:HEV SV
Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic โฉมใหม่ (มีคลิป)
The new Macan สปอร์ตอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% 639 แรงม้า 1 ชาร์จวิ่งได้ 613 กม.
พาชมคันจริง Hilux Revo GR Sport ใหม่ 224 แรงม้า โฉมออสเตรเลีย ปรับใหม่ สวยดุใช้ได้เลย (มีคลิป)
Changan DEEPAL L07 – Sport Fastback EV (มีคลิป)
EQE 350 4MATIC SUV ราคาเริ่ม 4.85 ล้านบาท
All New Honda Accord eHEV มีให้เลือก 3 รุ่น ราคาเริ่ม 1.529-1.799 ล้านบาท (มีคลิป)
มาแล้ว!! New Isuzu D-MAX โฉมใหม่ V-CROSS l HI-LANDER l CAB4 l SPACECAB I SPARK (มีคลิป)
Toyota Yaris Cross HEV 1.5 Hybrid มี 3 รุ่นย่อย ผลิตไทย (มีคลิป)
พาชมคันจริง All New Honda Accord eHEV ทั้ง 3 รุ่นที่จะเปิดตัวบ้านเราเร็วๆ นี้ (มีคลิป)
New MG5 10th Anniversary Special Edition
THE NEW RANGE ROVER SV ที่สุดแห่งความหรูหราสมบูรณ์แบบ
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ 625 แรงม้า 0-100 ใน 3.5 วิ (มีคลิป)
EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic 292 แรงม้า 1 ชาร์จ วิ่งได้ 558 กม. (มีคลิป)
พาชมคันจริง TANK 300 HEV (มีคลิป)
Volvo EX30 รถไฟฟ้า SUV มี 3 รุ่น 1 ชาร์จวิ่งได้ 480 กิโล (มีคลิป)
The All-New LEXUS LM 350h
Aston Matin DB12 ขุมพลัง V8 600 แรงม้า
Audi TT RS Heritage 25 คันในโลก และ 2 รุ่นพิเศษ RS 4 Avant Competition และ RS 5 Coupé Competition
ALPHARD / VELLFIRE โฉมใหม่!!! มี 3 รุ่น ราคาเริ่ม 4,129,000 บาท (มีคลิป)
Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic (มีคลิป)
Toyota Fortuner GR Sport ใหม่ ขุมพลัง 224 แรงม้า ราคา 1,939,000 บาท
SUBARU OUTBACK 2023
ALL-NEW TOYOTA INNOVA ZENIX รถ MPV 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์ไฮบริด ราคาเริ่ม 1.379 ล้านบาท (มีคลิป)
Audi Q8 e-tron มีให้เลือกทั้งแบบ SUV และ Sportback ราคาเริ่ม 4,699,000 บาท
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มาพร้อม 2 ขุมพลัง ทั้งระบบฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC TURBO เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV SV พร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย (มีคลิป)
BMW X1 sDrive20i M Sport และ X1 sDrive20i xLine ใหม่
มาสด้าเปิดตัว NEW MAZDA2 MY2023
Eton Group นำเข้ารถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด New Volkswagen ID. Buzz ราคา 4.79 ล้านบาท
Volvo C40 และ XC40 Recharge Pure Electric รุ่น Single Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง
โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส รุ่นปรับปรุงใหม่ ปี 2566
Mercedes-Benz A200 AMG Dynamic ปรับโฉมใหม่ ค่าตัว 2.32 ล้านบาท (มีคลิป)
MINI Cooper S Convertible Seaside Edition รุ่นพิเศษในไทย
BMW X1 xDrive30e M Sport ใหม่ ราคา 2,799,000 บาท
Nissan Almela 2023 มีอะไรใหม่บ้าง ? (มีคลิป) article
All New Honda CR-V มี 5 รุ่น ราคาเริ่ม 1,419,000 - 1,729,000 บาท (มีคลิป)
Ford Everest Wildtrak โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์
Ford Ranger Stormtrak รุ่นย่อยใหม่ เสริมหล่อ เติมออพชั่น
NEW MG ES สเตชั่นแวกอนไฟฟ้ารุ่นใหม่ (มีคลิป)
All-New Honda WR-V มี 2 รุ่น ราคาเริ่ม 7.99-8.69 แสนบาท (มีคลิป)
RS 7 Sportback Performance / RS 6 Avant Performance ราคา 11,280,000 บาท
พาชม Aston Martin DBX707 ซูเปอร์เอสยูวี 707 แรงม้า ค่าตัว 24.9 ล้านบาท
Nissan TERRA SPORT เพิ่มความเท่ เสริมความสปอร์ต
ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดในปี 2566 (มีคลิป)
Audi TT Final Icon Black ลิมิเต็ดสุด 200 คันสุดท้ายก่อนเลิกผลิต (มีคลิป)
NEW MAZDA MX-5 เพิ่มสีใหม่ น้ำตาล เซอร์คอน แซนด์
Mitsubishi Xpander Cross 2023 ราคา 946,000 บาท (มีคลิป)
The New MU-X รุ่นพิเศษ! PHANTOM COLLECTION
Mercedes-Benz V 250 d Exclusive รถแวน 7 ที่นั่ง ระดับเฟิร์สคลาส
All-new Crown 2023 Crossover ที่ Eton Group
Tesla เปิดตัว Model 3 และ Model Y อย่างเป็นทางการ
Porsche 718 Style Edition แตกต่างอย่างมีชั้นเชิง
TOYOTA bZ4X 2 มอเตอร์ 218 แรงม้า 1 ชาร์จวิ่งไกล 411 ก.ม. (มีคลิป)
The New Audi A8 L ราคาเริ่มต้น 6,999,000 บาท (มีคลิป)
Mercedes-Benz C350e AMG Dynamic ปลั๊กอินไฮบริด ราคา 3,350,000 บาท (มีคลิป)
มินิ ประเทศไทย เปิดตัว MINI Cooper S Hatch 3 Door Advanced Edition สี Zesty Yellow รับจองออนไลน์
มาสด้าเปิดตัวรุ่นพิเศษ 4 รุ่น CARBON EDITION
อีซูซุ ส่งครบรุ่น “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” “ใหม่! อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์” และ “เดอะนิว มิว-เอ็กซ์” เขย่าตลาดปลายปี
LEXUS LX 600 Luxury SUV 7 ที่นั่ง by ETON
The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e / Audi Q5 55 TFSI e 367 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 3,699,000 บาท
All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ราคา 1,699,000 บาท (มีคลิป)
All-new BR-V ราคาเริ่มต้น 915,000 บาท (มีคลิป)
New Step Wagon 2022
NEW MG VS HEV มี 2 รุ่น ราคาเริ่มต้น 859,000 บาท (มีคลิป)
มาเซราติ เปิดตัว Maserati Grecale มี 2 รุ่น GT และ Trofeo (มีคลิป)
VOLT City EV รถไฟฟ้าน้องใหม่ ราคาเริ่มต้น 325,000 บาท
โตโยต้า เปิดตัว Hilux REVO MY2022 พร้อมเพิ่มรุ่น หัวเดียว Standard Cab 2.8 ขับ 4 เกียร์ออโต้
Toyota Fortuner MY2022 เพิ่มรุ่น FORTUNER Leader ใหม่ พร้อมรุ่นฉลอง 60 ปี
พาชมรอบคัน NEW MAZDA CX-8 ดีเซล / เบนซิน เบาะ 3 แถว 3 รูปแบบ มี 5 รุ่นย่อย ราคาเริ่ม 1.549 ล้านบาท (มีคลิป)
โตโยต้า แนะนำรถยนต์รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี Yaris, Corolla Altis, Corolla Cross และ Camry จำนวนจำกัด 6,000 คันเท่านั้น พร้อมร่วมลุ้นเป็นเจ้าของ รถสปอร์ตรุ่นล่าสุด GR 86
Mitsubishi XPANDER CROSS ใหม่ เสริมหล่อ เพิ่มออพชั่น
ฟอร์ด ประกาศราคา ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ครบทุกรุ่น
NEW MG5 (MY2022) เพิ่มรุ่น D+ เติมออพชั่นทุกรุ่น จ่ายเพิ่ม 10,000-16,000 บาท
Ferrari 296 GTB ขุมพลัง V6 ปลั๊ก-อินไฮบริด 830 แรงม้า
All-New Lotus Emira มี 3 รุ่น ราคาเริ่มต้น 7,990,000 บาท (มีคลิป)
Honda Civic e:HEV ใหม่ มาพร้อม Honda SENSING มี 2 รุ่น EL+ 1,129,000 บาท และ RS 1,259,000 บาท (มีคลิป) article
Hyundai Creta มี 2 รุ่น ราคาเริ่ม 949,000 บาท (มีคลิป)
Toyota C-HR HEV GR Sport ใหม่ ปรับลุคเสริมหล่อ ช่วงล่างปรับจูนใหม่ ราคา 1,189,000 บาท
NEW MG ZS EV แรงขึ้น วิ่งได้ไกลกว่า รอเปิดราคาในงาน MotorShow 2022 (มีคลิป)
Ford Everest 2023 เจเนอเรชั่นใหม่ (มีคลิป)
มาสด้าเปิดตัว NEW MAZDA MX-5 ครั้งแรกกับระบบ KPC ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้ง ขับสนุก เร้าใจกว่าเดิม พร้อมสีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์
ฟอร์ด เผยโฉม RANGER RAPTOR ใหม่ เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ 397 แรงม้า (มีคลิป)
NEW DEFENDER 2.0 PLUG-IN HYBRID AWD SE ราคา 6,999,000 บาท
อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัวปลั๊กอินไฮบริด Audi Q7 และ Audi Q8 แรงสุด 462 แรงม้า
New Mazda3 สีใหม่ เติมออพชั่น ราคาเริ่ม 979,000 บาท
McLaren Elva ไฮเปอรคาร์ ค่าตัว 200 ล้านบาท เปิดตัวในไทยครั้งแรก (มีคลิป)
TOYOTA FORTUNER COMMANDER รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด
BMW 520d M Sport M Performance Edition
New Mazda CX-30 เพิ่มสีใหม่ เติมออพชั่น ราคาเดิม
Toyota Corolla Altis GR Sport My2022
มาสด้าเปิดตัว มาสด้า2 ใหม่ เติมออพชั่น เพิ่มสีใหม่แพลตทินั่ม ควอตซ์ ราคาเดิม
DAYTONA SP3: แรงบันดาลใจจากตำนานแห่งชัยชนะของเหล่ารถสปอร์ตต้นแบบ สู่ ‘Icona’ ยนตรกรรมรุ่นล่าสุดจากเฟอร์รารี่
Mitsubishi XPANDER Special Edition เสริมหล่อ เพิ่มออพชั่น
NEW MAZDA CX-3 พร้อมสีใหม่ “แพลตทินั่ม ควอตซ์” เพิ่มออฟชั่นเต็มคัน ราคาเริ่มต้น 769,000 บาท
Honda Jazz สีพิเศษ สีเทาโซนิค เพียง 1,500 คัน (มีคลิป)
All New HAVAL JOLION Hybrid SUV ราคาเริ่มที่ 879,000 บาท (มีคลิป)
Honda HR-V e:HEV ใหม่ ฟูลไฮบริด พร้อม Honda SENSING ทั้ง 3 รุ่น RS, EL, E (มีคลิป) article
Toyota Camry Minorchange ปรับโฉมเพิ่มออพชั่นในราคาเดิม ตัดรุ่น 2.0 G เพิ่มรุ่น 2.5 Sport (มีคลิป)
มาสด้าเปิดตัว CX-8 เพิ่มรุ่น Exclusive เบนซิน 6 ที่นั่ง ราคาเริ่มต้น 1.4 ล้านบาท



Copyright © 2011 All Rights Reserved.