GT3 RS 4.0 หนึ่งในรถสปอร์ตสุดหรูที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของวงการรถยนต์จีที และจากการผลิตเพียง 600 คันทั่วโลกทำให้ GT3 RS 4.0 ได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ การพัฒนารถสปอร์ตคันนี้ถือเป็นการผสมผสานคุณลักษณะทั้งหมดของรถสปอร์ตที่ใช้สำหรับลงแข่งขันในรายการจีที 3 กับรถยนต์เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวทำให้ อาร์เอส 4.0 ได้รับการยอมรับอย่างโดดเด่นว่าเป็นรถสายพันธุ์สปอร์ตที่ดีที่สุดทั้งในสนามแข่ง และยามออกวิ่งบนท้องถนน ลักษณะเด่นของ GT3 RS 4.0 ใหม่ คือการขับขี่แบบมอเตอร์สปอร์ต การออกแบบที่โดดเด่นของชุดอุปกรณ์ รวมถึงระบบต่างๆ มีความสอดคล้องกัน ส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งระบบช่วงล่าง ชิ้นส่วนแอโร่พาร์ท ระบบอากาศพลศาสตร์ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อความสามารถ และศักยภาพของสปอร์ต คาร์ ระดับจีที GT3 RS 4.0 ใช้ระบบเกียร์แบบสปอร์ต 6 สปีด สามารถทำความเร็วที่ 200 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 12 วินาที ความโดดเด่นของรถที่ขับขี่ได้ปราดเปรียวเช่นนี้ มาจากการออกแบบรายละเอียดต่างๆ ของชิ้นส่วนที่สอดรับกลมกลืนกันอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าชิ้นส่วนขับเคลื่อน หรือชิ้นส่วนประกอบช่วงล่าง ซึ่ง GT3 RS 4.0 เลือกใช้วัสดุที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งใช้ติดตั้งเฉพาะในรถยนต์ที่ใช้สำหรับการแข่งขันเท่านั้น ความสำคัญของการออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ที่การเลือกวัสดุที่มีน้ำหนักเบามาเป็นส่วนประกอบ เช่น เบาะบักเก็ตซีท ทำจากวัสดุพิเศษ, ฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีคุณสมบัติของความแข็งแกร่งเหนือกว่าเหล็กแต่น้ำหนักน้อยกว่ามาก ซุ้มหน้าและกันชนหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ กระจกหลังและแผงดักลมด้านหลังที่ติดอยู่กับหน้าต่างทำจากเส้นใยโพลียูรีเทนชนิดเสริมแรง ในขณะที่พลาสสติกครอบด้านหลังทำจากวัสดุพิเศษเสริมใยแก้ว กระจกด้านหลังเป็นโพลีคาร์บอเนท ชีท ลักษณะโปร่งแสง น้ำหนักเบา ทนแรงกระแทก ผลิตจากโพลีคาร์บอเนทชนิดที่ใช้ในรถแข่งขันตามมาฐาน FIA แบตเตอรี่ของรถ เป็นแบบลิเธียมไอออน ออกแบบเป็นพิเศษด้วยการลดน้ำหนัก และบำรุงรักษาง่าย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรีใหม่ล่าสุดของวงการรถยนต์ รวมถึงความละเอียดในการเลือกใช้วัสดุของพรมปูพื้นให้มีน้ำหนักเบาเพื่อลดน้ำหนักของรถ ด้วยคุณสมบัติของการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุ ทำให้น้ำหนักสปอร์ตหรู GT3 RS 4.0 พร้อมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถังมีน้ำหนักรวมเพียง 1,360 กิโลกรัมเท่านั้น ส่งผลให้อัตราส่วนของแรงม้า/น้ำหนักอยู่ในสัดส่วนเพียง 2.72 กก./1 แรงม้า ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานของรถระดับเดียวกันที่มีสัดส่วนถึง 3 กก./1แรงม้า ข้อดีของอัตราส่วนแรงม้า/น้ำหนักรถที่ลดลงทำให้ GT3 RS 4.0 มีอัตราการเร่งที่ดี คล่องตัว ควบคุมง่าย และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถแข่งขัน GT3 RS 4.0 เลือกใช้สีขาวเป็นสีมาตรฐานซึ่งสีขาวนิยมใช้เป็นสีหลักของวงการมอเตอร์สปอร์ต นอกจากสีแล้วตัวถังที่มีลักษณะลู่ลมยังเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของ GT3 RS 4.0 ที่แสดงตัวตนราวกับเป็นเครื่องหมายการค้าด้วยรูปร่างตัวถังด้านหน้าทรงลิ่ม กันชนหน้ากดลงเล็กน้อยเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนจากการเกิดแรงกดที่ล้อหน้าขณะเคลื่อนที่ ลักษณะฐานล้อกางออกด้านข้าง ตัวถังด้านบนออกแบบให้มีทรงโค้งที่เป็นสุดยอดของวิศวกรรมตามหลักอากาศพลศาสตร์ เมื่ออากาศเคลื่อนประทะตัวรถจะสร้างแรงกดเพิ่มขึ้นในบริเวณเพลาหน้า และเมื่ออากาศไหลผ่านสปอร์ยเลอร์หลังลักษณะฐานล้อหลังที่กางออกทำให้รถเข้าสู่ภาวะสมดุลทางพลศาสตร์ ซึ่งหมายถึงระบบแอโรไดนามิคทำงานเต็มรูปแบบทำให้รถมีเสถียรภาพมากขึ้น GT3 RS 4.0 ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สมรรถนะสูงสุดในบรรดาเครื่องของปอร์เช่ รุ่น 911 ออกแบบโดยทีมวิศวกร มอเตอร์ สปอร์ต ทั้งนี้ขนาดเครื่องยนต์ 4.0 ลิตรถือว่าเป็นเครื่องมอเตอร์ สปอร์ต มีขนาดความจุใหญ่ที่สุดเท่าที่ 911 เคยผลิตออกมาใช้ โดยเครื่องยนต์ดังกล่าวเน้นการปรับตั้งเพื่อการแข่งขัน เช่น เพลาข้อเหวี่ยงผลิตจากไทเทเนียมที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งทนทาน ปรับจูนเครื่องโดยทีมมอเตอร์สปอร์ตให้มีความแตกต่างไปจากเครื่องยนต์ 6 สูบ ของ 911 GT3 RSR ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของ 911 อีกรุ่นหนึ่ง การทำงานกระบอกสูบถูกออกแบบให้มีช่วงชักสั้น อัตราส่วนกำลังอัด 12.6:1 ที่สามารถสร้างกำลังได้สูงสุด 368 กิโลวัตต์ หรือ 500 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุดถึง 460 นิวตันเมตรที่ 5,750 รอบต่อนาที GT3 RS 4.0 ติดตั้งโหมดสปอร์ตที่คอนโซลด้านหน้ามีปุ่มกดไว้ตรงกลางเพื่อเพิ่มแรงบิดในช่วงรอบปานกลางโดยจะทำให้มีแรงบิดเพิ่ม 35 นิวตันเมตรโดยที่รอบไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่แรงบิดสูงสุดยังคงที่ ทั้งนี้วิศวกรทำการปรับปรุงฟายวีลใหม่ให้สามารถรองรับแรงบิดได้สูง ท่อไอดีของรถออกแบบให้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่แต่ระยะท่อสั้นลง ซึ่งทำให้ท่อรูปกรวยนี้ดูดอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรองอากาศคัดพิเศษผลิตจากคาร์บอน และหม้อกรองใหญ่ใส้กรองทำจากกระดาษชนิดบางพิเศษ มีแรงต้านทานน้อยซึ่งเป็นแบบที่ใช้ในรถแข่งช่วยให้สามารถลดแรงต้านทานอากาศลงได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ไอเสียจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะผ่านระบบกรองมลพิษซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 GT3 RS 4.0 ใช้ระบบส่งกำลังที่ดีที่สุดสำหรับการขับรถบนถนนด้วยขนาดของเกียร์ลูกเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาแต่ทรงประสิทธิภาพ อัตราทดเกียร์ออกแบบเพื่อให้รถมีความเร็วสูงสุดในลักษณะเดียวกับรถเพื่อการแข่งขัน GT3 RS 4.0 ได้รับการเสริมแคชซีส์ให้มีคุณสมบัติโดดเด่นเพื่อการแข่งขันโดยปรับปรุงระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ใหม่ด้วยระบบอิเล็คทรอนิกที่สามารถเลือกเปิด-ปิดการทำงานได้ คุณสมบัติของชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบเป็นแคชซีส์มีน้ำหนักเบาทำจากอลูมิเนียม ชนิดพิเศษพร้อม การตั้งค่าความแข็งของสปริง ในสเปคเดียวกันกับ 911 GT เรซซิ่ง คาร์ ซึ่งเป็นรถในสนามแข่งด้วยการเพิ่มขดลวดสปริงที่ด้านหน้าและการตั้งค่าสปริงใหม่ เช่นเดียวกับสปริงของรถแข่งจริงในสนาม GT3 RS 4.0 ใช้ยางแบบสปอร์ตสมรรถนะสูงทั้ง 4 ล้อ ระบบล็อคล้อเป็นแบบเซ็นทรัลล็อคที่ดุม (ออฟชั่น) แทนการใช้น็อตล้อแบบรถทั่วไปทำให้แน่ใจได้ว่ารถสปอร์ต GT3 RS 4.0 จะให้ความรู้สึกถึงความมั่นคงแบบรถแข่งในสนาม และ GT3 RS 4.0 ยังสามารถใช้ล้อหน้าขนาด 245/35 ZR 19 และล้อหลังขนาด 325/30 ZR 19 พร้อมระบบตรวจสอบแรงดันลมยางอัตโนมัติ นอกเหนือไปกว่านั้น GT3 RS 4.0 ใช้ระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยดิสก์เบรกทำจากเซรามิก เส้นผ่านศูนย์กลางจานเบรกหน้าขนาด 380 ม.ม. และขนาด 350 ม.ม.สำหรับล้อหลัง พร้อมระบบระบายอากาศที่ออกแบบเป็นพิเศษโดยนำระบบลมส่งผ่านท่อช่วยลดความร้อนของจานเบรก สำหรับผู้หลงไหลยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ต แกร่ง แรง เร้าใจ GT3 RS 4.0 ลิมิเต็ด อิดิชั่น 500 แรงม้า เชิญสัมผัสได้แล้ววันนี้ที่.... ยูมา มอเตอร์ส สำนักงานใหญ่ ถนนพระราม 3 ที่เดียวเท่านั้น