บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ชูกลยุทธ์หลักแบรนด์สโลแกน Revs Your Heart เร่งชีวิต ให้เร้าใจ รุกตลาดต่อเนื่อง วางเป้าหมายเติบโตเพิ่มขึ้น 18.5% ผ่านกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์การตลาด และกลยุทธ์เครือข่าย 3S ด้านการขาย (Sales) การบริการ (Service) และอะไหล่ (Spare Part) โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นอย่างน้อย 14.7% นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2015 มีผลทำให้อัตราการเติบโตลดลงที่ 1.1% อันเนื่องจากเศรษฐกิจที่ ตกลงในทุกภาคส่วน และปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมือง โดยมียอดจดทะเบียนรวม 1.68 ล้านคัน แบ่งเป็นสัดส่วนรถจักรยานยนต์ออโตเมติก 36% รถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา 50% และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 14%” ในปี 2015 บริษัทฯ มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าอยู่ที่ 211,000 คัน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 12.6% และในปี 2016 นี้ ยามาฮ่าคาดการณ์ว่าความต้องการของตลาดรวมรถจักรยานยนต์ จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.7 ล้านคัน เติบโตขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งยามาฮ่าได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 250,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 18.5% และส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 14.7% มุ่งเน้น เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกประเภทสินค้าโดยการทำตลาดเชิงรุกตามพื้นที่การขายทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย และโดนใจผู้ใช้รถจักรยานยนต์ สำหรับกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของยามาฮ่าประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1. สร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ภายใต้แบรนด์แคมเปญใหญ่ “Revs Your Heart” ที่ยามาฮ่าจะใช้สื่อสารทั่วโลกต่อเนื่อง 3 ปี และเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งที่สร้างสรรค์ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพกับสภาพการแข่งขันทางการตลาดยุคใหม่ 2. สร้างยอดขายที่มากขึ้นให้กับผู้จำหน่ายด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง และสร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เน้นที่กลุ่มวัยรุ่นเข้าสู่ตลาด ในรถออโตเมติกเน้นเทคโนโลยีเครื่องยนต์บลูคอร์ ที่ให้ความประหยัดน้ำมัน ความแรง และรักษ์โลก ในรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต ซึ่งเป็นรถสายพันธุ์จากสนามแข่ง และสายพันธุ์จากรถระดับโลก ส่วนในรถเกียร์ธรรมดา ยังพัฒนาให้มีความประหยัด และทนทานมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 22% สำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติก 18% สำหรับรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต และ 8% สำหรับรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดาภายในปีนี้ 3. รักษาฐานลูกค้าด้วยบริการหลังการขาย ขยายเครือข่ายโชว์รูมยามาฮ่าสแควร์ ปรับปรุงศูนย์บริการให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น พร้อมโชว์รูม และขยายเครือข่ายอะไหล่ในพื้นที่เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า และผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในปีนี้ บริษัทฯ ยังตอกย้ำกลยุทธ์ โดยใช้กีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นตัวปลุกกระแสในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถแบบสปอร์ต และแสดงถึง DNA ของความเป็น Yamaha Sporty ได้อย่างชัดเจน และในปี 2015 ถือเป็นปีทองของยามาฮ่าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตโลก อีกทั้งระดับนานาชาติ และในประเทศไทย ซึ่งผลงานของ Yamaha Thailand Racing Team และ Yamaha Riders’ Club Racing Team ก็สามารถคว้าแชมป์ระดับนานาชาติได้จากการแข่งขัน MFJ SuperBike All Japan Road Race Championship 2015 และการคว้าแชมป์ประเทศไทยทั้ง 3 รายการ ได้แก่รายการ R2M, BRIC SuperBike Championship และรายการ MMRRC จากรุ่น SuperBike 1000 (SB1), รุ่น SuperStock 1000 (ST1) ยังสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ในเอเชียด้วยการคว้าแชมป์ในรายการ FIM Asia Motocross Championship 2015 ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยามาฮ่ายังเปิดโครงการ Yamaha Moto Challenge ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กับสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างเสริมพื้นฐานความรู้เชิงช่าง รวมทั้งเป็นการพัฒนาบุคลากรเพิ่มเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตประเทศไทยอีกด้วย ในส่วนสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งด้านฟุตบอล เราได้เป็นสปอนเซอร์หลักของฟุตบอลระดับดิวิชั่น 1 โดยใช้ชื่อว่า ยามาฮ่า ลีก 1 (Yamaha League-1) และร่วมเป็นผู้สนับสนุนสโมสรชื่อดังระดับประเทศ สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015” ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า สร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ยามาฮ่า และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้