ประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ทาเคชิ อุชิยามาดะ มักจะกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ทีมงานของเขาไม่สามารถทำให้รถต้นแบบ พริอุส คันแรกของโลก วิ่งได้ เขากล่าวว่า “เราคิดอะไรไม่ออกเลย จึงทำงานกันถึงดึกทุกคืน เพื่อหาสาเหตุ ในที่สุด เราก็ทำให้รถพริอุสวิ่งได้ในช่วงวันคริสต์มาส แต่มันก็วิ่งได้แค่ประมาณ 500 เมตร” นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2538 ซึ่งรถไฮบริดยังไม่ได้การยอมรับอย่างแพร่หลาย 20 ปีต่อมา ปัจจุบันโตโยต้ามีความภาคภูมิใจที่จะประกาศว่า ยอดจำหน่ายรวมทั่วโลกของรถไฮบริดโตโยต้าสูงเกิน 8 ล้านคันแล้ว1 โดยยอดจำหน่ายรวมที่สร้างประวัติศาสตร์ล่าสุดนี้เกิดขึ้นเพียง 10 เดือนหลังจากมีการประกาศยอดจำหน่ายรวมครบหลักล้านคันในครั้งล่าสุด อาจดูเป็นเรื่องยากที่จะกล่าวว่า ยอดขาย 8 ล้านมีความสำคัญอย่างไรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ครอบครองยนตกรรมไฮบริด เราสามารถแสดงให้เห็นภาพว่า ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2558 รถโตโยต้าไฮบริดช่วยลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์3 ทั้งสิ้นกว่า 58 ล้านตัน2 เมื่อเทียบกับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันขนาดและสภาพการขับขี่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ เราสามารถประมาณการได้ว่ารถไฮบริดสามารถช่วยประหยัดน้ำมันถึง 22 ล้านกิโลลิตร เมื่อเทียบกับรถขับเคลื่อนด้วยน้ำมันที่มีขนาดใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ เรายังกล่าวได้ว่ายานยนต์ไฮบริดได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้วยตัวเองบนท้องถนนทั่วโลก โดยนับตั้งแต่การเปิดตัวรถยนต์ พริอุส ในช่วงปี 2540 โตโยต้าสามารถเพิ่มรุ่นรถไฮบริด ตั้งแต่ ยาริส ไฮบริด จนถึง RAV4 ไฮบริด (ตามข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2558 โตโยต้ามีการจำหน่ายรถยนต์นั่งไฮบริดกว่า 30 รุ่น และจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอินอีกหนึ่งรุ่นในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก) ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งปี โตโยต้าแนะนำรถไฮบริดรุ่นใหม่ออกมามากมาย เช่น Esquire ไฮบริด (จำหน่ายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น) เลกซัส RC300h และ Sienta ไฮบริด ที่เพิ่งเปิดตัวไป นอกจากนี้ ยังมีรถไฮบริดรุ่นใหม่ๆ เช่น โคโรลล่า ไฮบริด และ Levin ไฮบริด (จำหน่ายเฉพาะในประเทศจีน) และ RAV4 ไฮบริด ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มรุ่นรถไฮบริดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขยายจำนวนประเทศและภูมิภาคที่จำหน่ายรถยนต์ไฮบริดด้วย โตโยต้าในฐานะผู้นำยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งศตวรรษที่ 21 มีการพัฒนาและรวมเอานวัตกรรมที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมให้สามารถใช้เชื้อเพลิงได้หลากชนิด นอกจากนี้ โตโยต้ายังนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนายานยนต์ที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮบริดเช่นกัน โดยเป็นการพัฒนาด้านสมรรถนะยานยนต์ การลดค่าใช้จ่าย และการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทั้งในรถไฮบริด และรถไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮบริด