มหกรรมงานแสดงรถยนต์ ไทยแลนด์ อีโคคาร์ แอนด์ เฟิร์สคาร์ โชว์ 2012 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยยอดจองที่ล้นหลามเกินเป้าที่ตั้งไว้กว่า 2 เท่าตัว ทำตัวเลขได้รวม 1,705 คันเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้แค่ 700 คัน สามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 800 ล้านบาทในงาน รวมถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องที่มีเงินหมุนเวียนอีกกว่า 2 ล้านบาท
งาน ไทยแลนด์ อีโคคาร์ แอนด์ เฟิร์สคาร์ โชว์ 2012 ที่ห้างสรรพสินค้าเมกาบางนา ปิดฉากลงเรียบร้อยไปแล้ว โดยมีการจัดงานรวมทั้งสิ้น 10 วัน เพื่อเป็นโค้งสุดท้ายเพื่อให้ผู้ที่พลาดการใช้สิทธิ์ซื้อรถยนต์คันแรกในช่วงที่ผ่านๆมาตาม นโยบายของรัฐบาลให้ได้ใช้สิทธิ์กันอย่างเต็มที่ ก่อนที่นโยบายดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. 2555 นี้
การจัดงานได้ใช้พื้นที่บริเวณชั้น 1 ลานแฟชั่นแกเลอเรีย ภายในห้างสรรพสินค้าเมกาบางนา พร้อมเปิดบูธรถยนต์หลากหลายของ 7 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ชื่อดังประกอบไปด้วย โตโยต้า, ฮอนด้า, ซูซูกิ, นิสสัน, เชฟโรเลต, มิตซูบิชิ และเกีย หลากหลายรุ่นมาแสดงพร้อมด้วยโปรโมชั่นที่แต่ละค่าย ยังคงงัดแคมเปญเด็ดออกมาส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่กันอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ในงานยังมีบูธสำหรับอุปกรณ์ประดับยนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มด้านการดูแลรถยนต์, ยางรถยนต์, ฟิล์มจากหลากหลายบริษัททั้งฟิล์มฮิวเปอร์ อ็อปติค, แม็กม่า, คาร์ชายน์, ซีคเคอร์, ยางดันลอป, พลัส 1 และฟิล์มวีคูลยังพร้อมใจกันจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษมาให้ผู้ที่เดินท่องเที่ยวในห้างสรรพสินค้าเมกาได้เลือกจำนวนมาก ขณะที่บริเวณพื้นที่ด้านกลางลานได้จัดเป็นเวทีพร้อมเตรียมที่นั่งสำหรับการทำกิจกรรม ทั้งการพูดคุยกับกูรูด้านยานยนต์ และการแสดงมินิคอนเสิร์ต ตลอดจนกิจกรรมจับสลากแจกโชคแก่ผู้ร่วมงานทุกวัน
บรรยากาศของการจัดงานทั้ง 10 วันที่ผ่านมามีผู้สนใจประชาชานที่ตั้งใจจะมาจองรถยนต์ในงานนี้โดยเฉพาะ ต่างแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมในบูธของแต่ละบูธอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ละคนดูรายละเอียดและเปรียบเทียบข้อมูลของรถยนต์จากหลายๆ ค่ายรวมถึงโปรโมชั่นและระยะเวลาในการรับรถ โดยรวมตัวเลขทั้งหมดรวม 10 วันของการจัดงาน ยอดจองของทุกบูธได้ตัวเลขรวมกันอย่างไม่เป็นทางการแล้วที่ 1,705 คัน โดยมีค่ายฮอนด้านำมาอันดับ 1 ที่มีพระเอกอย่างซิตี้และบริโอ้ อเมซได้ยอดจองที่ 564 คัน อันดับ 2 ค่ายนิสสันที่มีทั้งมาร์ชและอัลเมร่าได้ตัวเลขที่ 391 คัน อันดับ 3 โตโยต้า 240 คัน มาจากทั้งวีออสใหม่ปี 2013-ยาริสและวีโก้ นอกจากนั้นค่ายมิตซูบิซิ, เชฟโรเลต, ซูซูกิ และเกีย ต่างมียอดจองกันต่อเนื่องเช่นกัน รวมทั้งยอดขายอุปกรณ์ประดับยนต์ต่างๆ ที่มีผู้สนใจเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ด้าน จตุพร ขันมณี ประธานจัดงานร่วมเปิดเผยว่า ''การจัดงานในครั้งนี้มียอดขายอยู่กว่า 1,705 คัน โดยรวมตอนแรกที่เราตั้งเป้าไว้แค่ประมาณ 700 คันและคาดการณ์ว่าจบงานจะอยู่ที่ 1,000 คัน เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากครับ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดพื้นที่การจัดงานกับยอดการจองรถที่เกิดขึ้นในงานนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด เชื่อว่างานครั้งนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเม็ดเงินให้กับบริษัทรถยนต์ได้เป็นอย่างดี ขอฝากขอบคุณคนที่ติดตามรถยนต์ขนาดเล็กอย่างอีโคคาร์มาตลอด เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนสนใจมากขนาดนี้นั้นก็คงมาจากนโยบายรถคันแรกของ รัฐบาลด้วย
สำหรับในปีหน้าจะมีการจัดงานไทยแลนด์ มอเตอร์ เฟสติวัล 2013 มหกรรมแสดงรถยนต์ประจำภูมิภาคครั้งแรกของประเทศไทย จะเป็นงานที่รวมรถยนต์ รถกระบะ และจักรยานยนต์รุ่นใหม่จากค่ายรถเอเซียและยุโรปกำหนดจัด 5 ภาค 7 จังหวัด และในฐานะประธานร่วมการจัดงานคณะผู้จัดงานจะมุ่งมั่นสรรหาสิ่งดีๆ มาจัดมาโชว์ให้ได้ติดตามอยู่เรื่อยๆ แน่นอนครับผม''
วิลักษณ์ โหลทอง ประธานจัดงานร่วมเปิดเผยว่า “ถือว่าประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของงานที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งท้ายโครงการคืนภาษีสรรพสามิต รถคันแรกของภาครัฐ โดยให้ผู้บริโภคอีกจำนวนมากที่ต้องการจะซื้อรถใหม่แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจได้มาชมตัวจริงพร้อมพบโปรโมชั่นพิเศษมากมายในงาน จริงๆ แล้วเราวางเป้ายอดจองทั้งหมดเมื่อสิ้นสุดงานนี้แค่ 700 คัน แต่เมื่อจบงานในวันสุดท้ายเราสามารถได้ยอดจองรถยนต์ 1,705 คัน หรือมีเงินหมุนเวียนภายในงานที่ประมาณ 800 ล้านบาท ที่ยังไม่นับรวมอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องที่มาออกบูธที่รวมกันแล้วอีกกว่า 2 ล้านบาท ก็ต้องขอขอบคุณหลายๆ ฝ่ายที่ทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ”
โดยงาน ไทยแลนด์ มอเตอร์ เฟสติวัล 2013 มหกรรมแสดงรถยนต์ประจำภูมิภาค ครั้งแรกและเป็นงานเดียวในประเทศไทย ที่รวบรวมรถยนต์ รถกระบะ และจักรยานยนต์รุ่นใหม่จากค่ายรถเอเซียและยุโรปโดย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนด้านพื้นที่จัดงานในทั้ง 5 ภาค 7 จังหวัด จะเริ่มขึ้นในไตรมาสแรกของ พ.ศ. 2556 โดยมีกำหนดดังนี้ วันที่ 8-17 ก.พ. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาจังหวัดขอนแก่น, วันที่ 19–28 เม.ย.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา จังหวัดสุราษฏร์ธานี, วันที่ 8–12 พ.ค.ลานกีฬาในร่ม การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดชลบุรี,วันที่ 9-18ส.ค. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา จังหวัดอุดรธานี,วันที่7–17ก.ย.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวกรุงเทพมหานคร, วันที่18–27ต.ค. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซา จังหวัดเชียงใหม่ และวันที่ 13-22 ธ.ค.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา หาดใหญ่ โดยจะเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมงานฟรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง 02-508-8173