“พีทีจี” ตั้งเป้าปี 2559 ยอดขายขยายตัวต่อเนื่อง 30-40% เมื่อเทียบกับปี 2558 พร้อมรุกธุรกิจโลจิสติกส์ หวังเพิ่มศักยภาพบริหารจัดการด้านขนส่งของกลุ่มบริษัท เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง เผยในปี 2559 ทุ่มงบ 2,000-3,000 ล้านบาท ขยายสถานีบริการเพิ่มเป็น 1,500 แห่งทั่วประเทศ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ทิศทางในการดำเนินงานของพีทีจีในปี 2559 นั้น บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 30-40% เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยมาจากปัจจัยด้านปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง วางแผนจะขยายสาขาให้ครบ 1,500 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงเตรียมเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ให้ได้ 25-30 แห่งต่อปี ตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ ปีนี้จะมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่ในสถานี ทั้งจาก International brand และ Business to Business พร้อมสนับสนุน Startups และ SMEs ตลอดจนมุ่งเพิ่มจำนวนสมาชิกบัตรแม็กซ์ การ์ดเป็น 5.6 ล้านสมาชิกในปีนี้ “อย่างไรก็ดี ในส่วนของผลการดำเนินงานของไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา และทั้งปี 2558 นั้น ตัวเลขอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันตลาดโลก แต่บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 21% จากปีก่อน ปัจจัยหนึ่งมาจากการที่เรามีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น และยอดขายต่อสถานีบริการก็เติบโตขึ้น บริษัทยังมีสถานีบริการก๊าซ แอลพีจี เข้ามาเติมเต็มสำหรับการให้บริการ และได้รับผลการตอบรับจากผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในปี 2559 นี้ คาดว่าจะเพิ่มจำนวนสถานีบริการก๊าซแอลพีจีอีก 50 แห่ง” นายพิทักษ์ กล่าว นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า รายได้โดยรวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นในส่วนของการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีให้บริการเป็นหลัก รวมถึงขยายตลาดไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเร็วๆนี้ จะเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง อย่างเร็วภายในไตรมาส 2 นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทพร้อมเดินหน้าธุรกิจด้านโลจิสติกส์ โดยได้ซื้อหุ้นของบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันอากาศยาน และน้ำมันภาคพื้นดินผ่านระบบท่อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการขนส่งไปยังคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทางภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นในทุกปี นอกจากนี้ ยังได้เข้าลงทุนในบริษัทอาม่า มารีน หรือ AMA ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางทะเล และทางบก ที่มีการเติบโตสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัท ซึ่งจะสามารถช่วยบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพด้านขนส่งให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเกี่ยวกับแผนการลงทุนโครงการโรงงานเอทานอล และอยู่ระหว่างติดตามการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งเชื่อว่าแผนของบริษัทครั้งนี้ส่งผลให้เรามีกลุ่มธุรกิจที่แข็งแกร่งและครอบคลุมด้านการให้บริการพลังงานแบบครบวงจร นายพิทักษ์กล่าวถึงโครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์ (Palm Complex) ว่าล่าสุดทางพีทีจี ได้มีความคืบหน้าของโครงการไปถึง 22% คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2017 “บริษัทยังคงมุ่งมั่นและมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานอย่างรอบด้าน เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่เราไม่เพียงต้องการเป็นผู้นำในด้านธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน แต่เราต้องการเป็นผู้นำในด้านพลังงานในทุกรูปแบบ” นายพิทักษ์กล่าวทิ้งท้าย