บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประกาศรายได้สุทธิของครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2555 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 เดือนมีนาคม 2556 พร้อมผลประกอบการในไตรมาสที่สอง ภายในระยะเวลา 6 เดือนแรก ที่สิ้นสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้สุทธิภายหลังการหักภาษีจำนวน 4.5468 ล้านล้านเยน ( 57.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 45.24 พันล้านยูโร) ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในช่วงครึ่งปีแรก (เดือนเมษายนถึงกันยายน) ที่ผ่านมา รายได้สุทธิอยู่ที่ 287 พันล้านเยน (3.61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.86 พันล้านยูโร) คิดเป็นกำไรจากการดำเนินการ 6.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายได้สุทธิอยู่ที่จำนวน 178.3 พันล้านเยน (2.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.77 พันล้านยูโร) ลดลง 2.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2554 โดยมีผลกำไรทั่วไปจากช่วง 6 เดือนแรกที่ 275.6 พันล้านเยน (3.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.74 พันล้านยูโร) นับเป็นผลประกอบการที่เป็นไปตามเป้าหมายถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะต้องเผชิญต่ออัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย และสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยทั้งในทวีปยุโรป และสัญญาณการเติบโตที่เริ่มช้าลงของตลาดในประเทศจีน
ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ นิสสันมียอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกมีจำนวน 2.476 ล้านคัน สูงขึ้น 11.3 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2554 เป็นผลงานที่ดีกว่ายอดขายในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 7.4 เปอร์เซ็นต์
“นิสสัน ยังคงสามารถสร้างผลงานที่ดีต่อไปได้แม้จะต้องเผชิญต่อภาวะแวดล้อมจากทั้งค่าเงินเยนที่ยังคงแข็งตัวต่อเนื่องและสภาพเศรษฐกิจที่มีความท้าทายสูงในตลาดยุโรป” มร. คาร์ลอส โกนส์ ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กล่าว “แม้ว่าจะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่นิสสันก็ได้จัดการอย่างรวดเร็วและจะยังคงสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตต่อไปจนจบปี”
ในไตรมาสที่ 2 ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ของปีงบประมาณ 2555 รายได้สุทธิของนิสสันอยู่ที่ 106 พันล้านเยน (1.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.08 ล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 7.7 เปอร์เซ็นต์ รายรับสุทธิอยู่ที่ 2.4104 ล้านล้านเยน (30.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 24.52 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 5.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลกำไรจากการดำเนินการอยู่ที่ 166.4 พันล้านเยน (2.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.69 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 4.4 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ผลกำไรจากการดำเนินการอยู่ที่ 6.9 เปอร์เซ็นต์ ผลกำไรทั่วไปอยู่ที่ 164.1 พันล้านเยน (2.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.67 พันล้านยูโร)
จากสมมติฐานของอัตราแลกเปลี่ยน ที่ 80 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 103 เยน/ยูโร ของครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2555 และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย ที่ 79.7 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 101.8 เยน/ยูโรสำหรับตลอดทั้งปีงบประมาณ 2555 หลังจากพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบด้านลบซึ่งได้แก่การแข็งค่าของสกุลเงินเยน การหยุดชะงักของตลาดในประเทศจีนและตลาดที่อ่อนแอในทวีปยุโรป นิสสัน ได้ปรับการคาดการณ์ของผลประกอบการตลอดทั้งปีของปีงบประมาณ 2555 วันนี้ นิสสันได้นำเสนอผลคาดการณ์ของการดำเนินงานซึ่งจะปิดปีงบประมาณนี้ในเดือนมีนาคม 2556 เพื่อจัดเก็บต่อตลาดหุ้นโตเกียวดังนี้
• รายรับสุทธิจำนวน 9.815 ล้านล้านเยน (123.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 96.41 พันล้านยูโร)
• ผลกำไรจากการดำเนินการจำนวน 575 พันล้านเยน (7.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.65 พันล้านยูโร)
• ผลกำไรทั่วไปจำนวน 545 พันล้านเยน (6.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.35 พันล้านยูโร)
• รายได้สุทธิจำนวน 320 พันล้านเยน (4.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.14 พันล้านยูโร)
• รายจ่ายการงลงทุนจำนวน 520 พันล้านเยน (6.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.59 พันล้านยูโร)
• รายจ่ายเพื่อการค้นคว้าวิจัยจำนวน 467 พันล้านเยน (5.86 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.59 พันล้านยูโร)
ในปีงบประมาณ 2555 นิสสันคาดว่ายอดขายตลอดทั้งปีจะลดลงจาก 5.35 ล้านคันเป็น 5.08 ล้านคัน จากการได้รับผลกระทบของสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทั้งในประเทศจีนและในทวีปยุโรป
รายละเอียดบริษัท:
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด (ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่นตามจำนวนยอดขาย) มีสำนักงานใหญ่จำนวนเมืองโยโกฮาม่า และเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร เรโนลต์-นิสสัน ในปี 2011 บริษัทฯได้ส่งมอบรถให้แก่ลูกค้ามาแล้วมากกว่า 4.8 ล้านคัน ด้วยรายได้รวม 9.4 ล้านล้านเยน (118.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.17 ล้านล้านบาท) จากการดำเนินงานของพนักงานมากกว่า 248,000 คนทั่วโลก และด้วยพันธสัญญาที่สำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆที่น่าสนใจ นิสสันได้มุ่งมั่นในการผลิตรถยนต์ถึง 64 รุ่นที่มีคุณสมบัติประหยัดน้ำมันและปล่อยมลพิษต่ำภายใต้แบรนด์นิสสันและอินฟินิที นิสสันยังได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการเป็นผู้บุกเบิกและผลิตยานยนต์ไร้มลพิษ “นิสสัน ลีฟ” ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายในตลาดมวลชนในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย และยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากต่างประเทศมากมายรวมทั้งรางวัลรถยนต์ prestigious แห่งปีในยุโรป ปี 2554 และรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีระดับโลก ปี 2554