อีซูซุเชิญสื่อมวลชนร่วมสัมผัสนวัตกรรมเปลี่ยนโลก กับ ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ปิกอัพรุ่นล่าสุด ที่ยกขบวนมาทั้ง “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ รุ่น Hi-Lander” และ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4” สู่สถานที่ท่องเที่ยวแบบอันซีนที่เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี จังหวัดอุบลราชธานี การเดินทางในครั้งนี้ อีซูซุพาคณะสื่อมวลชนเหินฟ้าจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการขับขี่ที่เร้าใจไปพร้อมกับสัมผัสสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ของ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ รุ่น Hi-Lander” สะท้อนภาพลักษณ์ยานยนต์ปิกอัพแห่งอนาคตทั้งภายนอก และภายใน ทรงพลัง หรูหราและสง่างามยิ่งขึ้น ผสานความสปอร์ตและความล้ำสมัย และ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4” สปอร์ต ออฟโรดที่พร้อมตอบรับทุกความท้าทาย ดีไซน์ภายนอกใหม่พร้อมชุดแต่ง MAX 4x4 สีเทาดำรอบคัน ผสานความแกร่งและสปอร์ตเป็นหนึ่งเดียว ดุดัน บึกบึนเต็มขั้น สไตล์สปอร์ตออฟโรดตัวจริง สู่สถานที่ท่องเที่ยวสุดแซบกันที่จังหวัดอุบลราชธานี คณะสื่อมวลชนเริ่มต้นสตาร์ทกันที่โชว์รูมบริษัทอีซูซุตังปัก อุบล จำกัด ตรงไปรับประทานอาหารอีสานกันที่ร้านสามชัยไก่ย่าง ก่อนเดินทางสู่หาดชมดาว แก่งหินงาม บริเวณหมู่บ้านโนนตาล อำเภอนาตาล ซึ่งห่างจากจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 114 กิโลเมตร เรานัดเจอกับมัคคุเทศน์ตัวน้อยเพื่อนำชมความงดงามที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมานับพันปี สำหรับหาดชมดาวนั้นเป็นแนวหาดหิน และแก่งหินอันกว้างใหญ่ ทอดตัวยาวหลายร้อยเมตรบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำในช่วงเวลาน้ำหลาก ผ่านช่องแคบของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจนเมื่อน้ำลดจะเกิดเป็นประติมากรรมหินธรรมชาติที่เป็นหลุมเป็นบ่อหลายขนาด รวมถึงแก่งหินที่มีลวดลายพริ้วไหวรูปร่างแปลกตา และสวยงาม ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปชมมี 2 ช่วง คือช่วงเช้า และช่วงบ่าย ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวนั่นก็คือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เดือนพฤษภาคม หลังจากเที่ยวชมหาดชมดาว แก่งหินงามเรียบร้อยแล้ว จุดหมายต่อไปคือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่เรียกกันติดปากว่า วัดเรืองแสง ที่อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากหาดชมดาว แก่งหินงาม ประมาณ 116 กิโลเมตร วัดแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า และพลาดไม่ได้กับการชมปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อทุก ๆ ค่ำคืนหลังพระอาทิตย์ตกดิน ต้นกัลปพฤกษ์ทางผนังด้านหลังโบสถ์จะค่อย ๆ เรืองแสงเปล่งประกายโดดเด่นท่ามกลางความมืดมิดน่าอัศจรรย์ยิ่ง สำหรับต้นกัลปพฤกษ์หลังอุโบสถวัดสิรินธร วรารามภูพร้าวแห่งนี้ เป็นผลงานการออกแบบของช่างคณากร ปริญญาปุณโณ ผู้เป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ ซึ่งในช่วงกลางวันต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้จะดูดแสงแดดเอาไว้ เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ตกก็จะปรากฏเป็นต้นไม้เรืองแสงงดงาม ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชม และถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. เมื่อดื่มด่ำกับความงามของวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวแล้ว จึงเดินทางต่อไปรับประทานอาหารค่ำกับที่ร้านอาหารแพเลอมูน และเข้าพักกันที่โรงแรมทอแสงโขงเจียมรีสอร์ท ที่โรงแรมแห่งนี้ตกแต่งห้องพักด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัยอยู่ภายใต้ร่มเงาไม้หลากหลาย เหมาะแก่การพักผ่อนและรับอากาศบริสุทธิ์ ณ บริเวณปลายสุดแม่น้ำโขง ที่พระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง ในเช้าวันรุ่งขึ้น คณะสื่อมวลชน ได้แวะเยี่ยมชม และร่วมทำเวิร์คช็อปทำโมบายอีสานกันอย่างสนุกสนาน ที่ร้านกาลครั้งหนึ่ง (ONCE UPON A TIME) อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ร้านแห่งนี้เป็นเรือนไม้สไตล์วินเทจ ประกอบด้วยร้านกาแฟ อาหาร เครื่องดื่ม มีมุมนั่งเก๋ ๆ ทั้งชั้นบน และชั้นล่าง ไฮไลท์ของร้านคือการที่เป็นแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาการทอผ้าฝ้าย การย้อมสีธรรมชาติ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หลังจากนั้นขบวนสื่อมวลชนก็ได้เดินทางกลับสู่ตัวเมืองจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อไปแวะรับประทานอาหารกลางวันสไตล์เวียดนามกันที่ร้านกอล์ฟเฟอร์ เป็นการปิดท้ายด้วยความประทับใจกับสมรรถนะที่เหนือชั้น และความมั่นใจทุกการขับขี่ของรถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ที่พาไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวสุดแซบของจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ