ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนเป็น 7 กลุ่มธุรกิจหลักในปี 2557 ที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทจึงได้จัดทำการขยายเพิ่มกลุ่มธุรกิจอีก 1 กลุ่มคือธุรกิจเรือสำราญในนาม บริษัท เอ็มจีซี-มารีน จำกัด เพื่อเติมเต็มศักยภาพในการเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจสินค้าระดับลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
พร้อมด้วยการสานต่อแผนวิชั่นสำหรับปี 2561นั่นคือการรุกขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มเต็มตัวรองรับการเปิดการค้าเสรีเต็มรูปแบบ ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเริ่มขึ้นในปลายปี 2558นี้ด้วยการศึกษาแผนการขยายไลน์สินค้าเพื่อรองรับการดำเนินงาน 8 กลุ่มธุรกิจของบริษัทให้มีศักยภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต

บริษัทเชื่อมั่นว่าเมื่อเปิดการค้าเสรีอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์ค้าปลีกชาวไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างมาก เนื่องจากมองว่ากลุ่มทุนธุรกิจยานยนต์ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทยขณะเดียวกัน ยังถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจรถเช่า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ และธุรกิจอาฟเตอร์ มาร์เก็ต เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา เอ็มจีซี-เอเชียได้ปรับตัวในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร การเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถแต่ละธุรกิจ รวมถึงการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกมิติ
“เอ็มจีซี-เอเชีย ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เราได้วางรากฐานของการเติบโตในธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในทุกๆ ด้าน เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและสามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2014 ที่ผ่านมาแม้จะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศค่อนข้างมากตัวเลขรายได้รวมของกลุ่มบริษัทได้ผ่านระดับ16,900 ล้านบาทพร้อมตั้งเป้าเติบโตในปีนี้ 15%เอ็มจีซี-เอเชียกำลังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตผ่าน Synergy Growth Strategy กล่าวคือเป็นการเติบโตอย่างมั่นคง โดยการทำงานสอดประสานกันของทั้ง 8 กลุ่มธุรกิจของบริษัท เพื่อรองรับการเติบโตสู่เป้ารายได้ 50,000 ล้านบาทตามวิชั่นที่วางไว้”
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถยนต์ใหม่รถในกลุ่มรถอัลตร้า ลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการเปิดตัวรถรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น 1รุ่นคือ รุ่นมาเจสติก ฮอร์ส คอลเล็กชั่น อีกทั้งยังได้รับการตอบรับกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุด “โกสท์ ซีรี่ส์ II” เป็นอย่างดี ทำให้ โรลส์-รอยซ์ตอกย้ำการเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดรถยนต์ในกลุ่มอัลตร้า ลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ทางกลุ่มเอ็มจีซี เอเชีย ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัทแอสตัน มาร์ติน ลากอนดา จำกัด แห่งสหราชอาณาจักร ให้เป็นผู้ถือสิทธิการนำเข้าและจัดจำหน่ายภายใต้ แอสตัน มาร์ติน แบงคอก รายแรกในรอบกว่า 100 ปีของการก่อตั้งบริษัท และรายเดียวในประเทศไทย ในตลาดรถยนต์สปอร์ตระดับไฮ ลัคชัวรี่ส์ สปอร์ตโดยได้ทำการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ ที่สาขาพระราม 3 และสยามพารากอนเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งล่าสุดจากการมาเยือนไทยของ มร.แอนดรู พาล์มเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสตัน มาร์ติน ลากอนดา จำกัดเมื่อต้นปี 2558ที่ผ่านมานั้นมร.แอนดรูได้กล่าวถึงนโยบายและแผนงานที่จะมอบหมายให้ แอสตัน มาร์ตินแบงคอก ช่วยดูแลตลาดเวียดนาม พม่ากัมพูชา ในอนาคตเนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของบริษัทหลังจากที่ดำเนินธุรกิจมาเพียง 1 ปี อีกทั้งมั่นใจในวิสัยทัศน์และเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเอ็มจีซี – เอเชียโดยอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดถึงแนวทางในการลงทุนและการดำเนินธุรกิจ
สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ภายใต้การดำเนินงาน บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัดได้เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการหลังการขายเพื่อให้ตอบสนองและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับกลุ่มลูกค้าทุกราย จึงส่งผลให้มียอดจำหน่ายเติบโตกว่า 4,000 คัน ในส่วนมินิซึ่งเป็นปีที่2 ที่มีการเปิดตัวรถรุ่นประกอบในประเทศ (ซีเคดี) ยังคงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยในปีนี้ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีนโยบายลงทุนเพิ่มประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อทำการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเพิ่มที่หัวเมืองใหญ่ของประเทศไทย โดยเปิดสาขาในต่างจังหวัดแห่งแรกที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การค้าที่สำคัญของประเทศไทยในการเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ที่กำลังจะมีผลในปลายปีพ.ศ. 2558นี้ และกำลังดำเนินการก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขายแห่งใหม่ที่จังหวัดภูเก็ตและ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการหลังการขายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยูและมินิได้ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ คาดว่าทั้งสองแบรนด์นปีนี้จะมียอดจำหน่ายรวมประมาณ 4,000-5,000 คัน
ด้านบริษัทพัฒนาการ ฮอนด้า ออโตโมบิลจำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีจากการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2014 ที่ผ่านมารวมถึงการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของทางบริษัทแม่อย่างต่อเนื่องและภาพลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้าอันแข็งแกร่ง ส่งผลให้มียอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย1,150คัน และจากผลงานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลผู้แทนจำหน่ายยอดเยี่ยมถึง 3 รางวัล ได้แก่รางวัล ดีลเลอร์ยอดเยี่ยม,รางวัลยอดขายสูงสุด , รางวัลยอดขายสม่ำเสมอ ขฌะที่นิสสันเยาวราชในนาม บริษัทโยโกฮามา มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน ซึ่งเปิดดำเนินการช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้นสามารถบรรลุเป้ายอดจำหน่ายเช่นกัน และคาดว่าปีนี้จะมียอดขายกว่า 600 คัน
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถยนต์มือสอง ภายใต้มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ หรือ เอ็มซียู แม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล แต่ก็สามารถทำยอดได้ใกล้เคียงกับเป้าที่ต้งไว้ โดยมีจำหน่ายรวมกันกว่า 1,100 คันทั้งในกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ,มัลติแบรนด์และในกลุ่มรถซุปเปอร์ คาร์ส มือสอง เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีความมั่นใจในคุณภาพที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีและการรับประกันคุณภาพหลังการขาย
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิ่ล รวมถึง ซิกท์ ประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฟลีทรถกว่า 5,000 คัน ทั้งในส่วนรถเช่าระยะยาว (ฟลีท)โดยมีรายได้เติบโต10%โดยมีหน่ายงานภาครัฐและบริษัทเอกชนให้การยอมรับในมาตรฐานการให้บริการ ในส่วนรถเช่าระสั้น ภายใต้ซิกท์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตกว่า 30 %จากการยอมรับของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ให้การยอมรับมากขึ้นรวมถึงมีสาขาให้บริการครอบคลุมในทุกสนามบินและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศจำนวน 20 สาขาอีกทั้งอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเพิ่มสาขาในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรสำหรับรถที่หมดระยะรับประกัน เอ็มเอ็มเอส-บ๊อช คาร์ เซอร์วิส ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส ( ประเทศไทย ) จำกัด ทำรายได้กว่า 400ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าให้ความมั่นใจในศักยภาพและมาตรฐานการบริการที่ครบวงจรได้มากกว่าควิกเซอร์วิสทั่วไป ซึ่งเห็นได้จากจำนวนรถลูกค้าและบริษัทรถเช่าชั้นนำที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการกว่า 20,000 คัน ในปีที่ผ่านมาพร้อมทั้งมีฐานลูกค้ากว่า 45,000-50,000 คนจากการดำเนินธุรกิจมาครบ 5 ปี โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2016นี้ จะสามารถเปิดสาขาได้ทั้งสิ้น ครบ 24แห่งครอบคลุมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดพร้อมศึกษาลู่ทางการขยายตลาดสู่ประเทศลาว
ในส่วนของธุรกิจชุดแต่งในนาม เอ็มเอ็มเอส จูนนิ่ง เซนเตอร์อาทิชุดแต่งเทคอาร์ต (TechArt) สำหรับรถยนต์ปอร์เช่ และ เอซี สนิชเซอร์ (AC Schnitzer)ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นกัน.โดยในปีนี้บริษัทได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์เพิ่มขึ้น เช่น Kw, ST, Akrapovik, Capristo, Nutex เพื่อตอบสนองและเพิ่มความหลากหลายให้แก่ลูกค้า
ในส่วนธุรกิจให้คำปรึกษาและการบริการด้านประกันภัยครบวงจร ภายใต้ บริษัท แม็กซี่ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ จำกัด ทำเบี้ยประกันภัยกว่า 900ล้านบาทเติบโตกว่า 14%จากการขยายการรับประกันภัยประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากการรับประกันภัยรถยนต์ เช่น การประกันภัยทรัพย์สิน, ประกันภัยการขยายการรับประกันรถยนต์, ประกันภัยความรับผิดทางกฎหมาย การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ เป็นต้นพร้อมตั้งเป้าปีนี้ที่ระดับ 1,100 ล้านบาท
ด้านธุรกิจให้บริการศูนย์สาระสนเทศ และคอลเซ็นเตอร์ หรือ i24 ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจ ในเครือบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และกำลังก้าวสู่การเป็นเซอร์วิสโพรไวเดอร์ที่ได้รับการรับรองจากบริษัทซอฟแวร์ชั้นนำของโลก
ธุรกิจส่วนสุดท้ายในนาม มาสเตอร์ ออโตโมทีฟเทรนนิ่งเซ็นเตอร์นอกจากได้มีการอบรมพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรทางธุรกิจ จัดหลักสูตรฝึกอบรมให้กับบุคลากรภายนอกที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์โดยล่าสุดในปีนี้ ได้เปิดหลักสูตรมินิเอ็มบีเอ (Mini MBA)ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มเอ็มจีซี เอเชียในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ อาทิ การเปิดตัวรถยนต์ใหม่ และการขยายเครือข่ายทางธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญของประเทศ
ในปี 2558 นี้ การขยายธุรกิจไปยังอาเซียนจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจรถเช่า ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิ่ล และ ซิกท์ ที่จะทำการขยายสาขาไปยังประเทศมาเลเซียและเวียดนาม ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ภายใต้ เอ็มเอ็มเอส ก็จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขยายธุรกิจสู่ภมิภาคอาเซียนทั้งในส่วนของศูนย์เซอร์วิสและศูนย์การกระจายสินค้าไปยังภูมิภาค