มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) เผยวิชั่นปี 2018 เปิดแผนเดินหน้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเต็มตัว เร่งขยายธุรกิจใหม่และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจในเครือ ตั้งเป้าอีก 4 ปี ทยานสู่ยอดขาย 50,000 ล้านบาท เผยรายได้ ปี 2013 บรรลุเป้า 15,000 ล้านบาท

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนเป็น 7 กลุ่มธุรกิจหลัก แล้ว ล่าสุดบริษัทจึงได้จัดทำวิชั่นสำหรับปี 2018 นั่นคือการรุกขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มเต็มตัว พร้อมตั้งเป้ารายได้ 50,000 ล้านบาท รับมือการเปิดการค้าเสรีเต็มรูปแบบ ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเริ่มขึ้นในปี 2015 นี้
บริษัทเชื่อมั่นว่าเมื่อเปิดการค้าเสรีอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์ค้าปลีกชาวไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างมาก เนื่องจากมองว่ากลุ่มทุนธุรกิจยานยนต์ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ยังถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจรถเช่า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ และธุรกิจอาฟเตอร์ มาร์เก็ต เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา เอ็มจีซี-เอเชียได้ปรับตัวในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร การเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถแต่ละธุรกิจ รวมถึงการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกมิติ
“เอ็มจีซี-เอเชีย ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เราได้วางรากฐานของการเติบโตในธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในทุกๆ ด้าน เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและสามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2013 ที่ผ่านมา แม้จะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศค่อนข้างมาก ตัวเลขรายได้รวมของกลุ่มบริษัทได้ผ่านระดับ 15,000 ล้านบาทตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ อย่างไรก็ตาม เอ็มจีซี-เอเชียกำลังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตผ่าน Synergy Growth Strategy กล่าวคือเป็นการเติบโตอย่างมั่นคง โดยการทำงานสอดประสานกันของทั้ง 7 กลุ่มธุรกิจของบริษัท เพื่อรองรับการเติบโตสู่เป้ารายได้ 50,000 ล้านบาทที่วางไว้”
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถยนต์ใหม่ รถในกลุ่มรถอัลตร้า ลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการเปิดตัวรถรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น 2 รุ่นคือ รุ่นอาร์ท เดคโค และ อัลไพน์ เซ็นเทนนารี่ อีกทั้งยังได้รับการตอบรับกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุด “เรธ” เป็นอย่างดี ทำให้ โรลส์-รอยซ์ได้ก้าวสู่การเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดรถยนต์ในกลุ่มอัลตร้า ลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ทางกลุ่มเอ็มจีซี เอเชีย ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัทแอสตัน มาร์ติน ลากอนดา จำกัด แห่งสหราชอาณาจักร ให้เป็นผู้ถือสิทธิการนำเข้าและจัดจำหน่ายภายใต้ แอสตัน มาร์ติน แบงคอก รายแรกในรอบกว่า 100 ปีของการก่อตั้งบริษัท และรายเดียวในประเทศไทย ในตลาดรถยนต์สปอร์ตระดับไฮ ลัคชัวรี่ส์ สปอร์ต โดยได้ทำการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ ที่สาขาพระราม 3 และสยามพารากอนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ภายใต้การดำเนินงาน บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัดได้เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการหลังการขายเพื่อให้ตอบสนองและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับกลุ่มลูกค้าทุกราย จึงส่งผลให้มียอดจำหน่ายเติบโตกว่า 3,000 คัน โดยในส่วนมินิซึ่งเป็นปีแรกที่มีการเปิดตัวรถรุ่นประกอบในประเทศ (ซีเคดี) ซึ่งได้รับตอบรับอย่างล้นหลาม ประกอบกับการเปิดศูนย์บริการเพิ่มที่สาขาพระราม 3 ทำให้สามารถรองรับการให้บริการหลังการขายรถมินิได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
ด้านบริษัท พัฒนาการ ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีจากการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพียง 9 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของทางบริษัทแม่อย่างต่อเนื่องและภาพลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้าอันแข็งแกร่ง ส่งผลให้มียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายกว่า 1,000 คัน
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถยนต์มือสอง ภายใต้มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ หรือ เอ็มซียู แม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล แต่ก็สามารถทำยอดได้ใกล้เคียงกับเป้าที่ต้งไว้ โดยมีจำหน่ายรวมกันกว่า 1,100 คัน ทั้งในกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ , มัลติแบรนด์และในกลุ่มรถซุปเปอร์ คาร์ส มือสอง เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีความมั่นใจในคุณภาพที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีและการรับประกันคุณภาพหลังการขาย
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถเช่า ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิ่ล รวมถึง ซิกท์ ประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฟลีทรถกว่า 5,000 คัน ทั้งในส่วนรถเช่าระยะยาว (ฟลีท) มีอัตราเติบโตกว่า 12% โดยมีหน่ายงานภาครัฐและบริษัทเอกชนให้การยอมรับในมาตรฐานการให้บริการ ในส่วนรถเช่าระสั้น ภายใต้ซิกท์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตกว่า 35% จากการยอมรับของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ให้การยอมรับมากขึ้น รวมถึงมีสาขาให้บริการครอบคลุมในทุกสนามบินและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศจำนวน 14 สาขา และจะมีการขยายเพิ่มในปีนี้อีก 6 สาขาเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยความมุ่งมั่นของทีมงานในกลุ่มรถเช่าทำให้ปลายปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้รับรางวัลแฟรนไชนส์ยอดเยี่ยมจากซิกท์ เอจี ประเทศเยอรมัน นอกเหนือจากนั้น ในส่วนธุรกิจสนับสนุนรถเช่า บริษัทยังมีบริการฟรีทรถช่วยเหลือฉุกเฉินและจัดหาพนักงานขับรถ ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ไดรฟเวอร์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรสำหรับรถที่หมดระยะรับประกัน เอ็มเอ็มเอส- บ๊อช คาร์ เซอร์วิส ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส ( ประเทศไทย ) จำกัด ทำรายได้กว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าให้ความมั่นใจในศักยภาพและมาตรฐานการบริการที่ครบวงจรได้มากกว่าควิกเซอร์วิสทั่วไป ซึ่งเห็นได้จากจำนวนรถลูกค้าและบริษัทรถเช่าชั้นนำที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการกว่า 20,000 คัน ในปีที่ผ่านมา (8 สาขา) โดยในปีนี้บริษัทมีแผนการขยายสาขาเพิ่มอีก 6 สาขาเพื่อรองรับการบริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ในส่วนของธุรกิจชุดแต่งในนาม เอ็มเอ็มเอส จูนนิ่ง เซนเตอร์ อาทิ ชุดแต่งเทคอาร์ต (TechArt) สำหรับรถยนต์ปอร์เช่ และ เอซี สนิชเซอร์ (AC Schnitzer) ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นกัน ล่าสุดปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดศูนย์ซ่อมรถยนต์ปอร์เช่ที่สาขาเอสแควร์ ถนนพระราม 4 อีกด้วย
ในส่วนธุรกิจให้คำปรึกษาและการบริการด้านประกันภัยครบวงจร ภายใต้ บริษัท แม็กซี่ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ จำกัด ทำเบี้ยประกันภัยกว่า 800 ล้านบาท เติบโตกว่า 25% จากการขยายการรับประกันภัยประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากการรับประกันภัยรถยนต์ เช่น การประกันภัยทรัพย์สิน, ประกันภัยการขยายการรับประกันรถยนต์, ประกันภัยความรับผิดทางกฎหมาย การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ เป็นต้น
ด้านธุรกิจให้บริการศูนย์สาระสนเทศ และคอลเซ็นเตอร์ หรือ i24 ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจ ในเครือบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และกำลังก้าวสู่การเป็นเซอร์วิสโพรไวเดอร์ที่ได้รับการรับรองจากบริษัทซอฟแวร์ชั้นนำของโลก
ธุรกิจส่วนสุดท้ายในนาม มาสเตอร์ ออโตโมทีฟเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ นอกจากได้มีการอบรมพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรทางธุรกิจ จัดหลักสูตรฝึกอบรมให้กับบุคลากรภายนอกที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ อีกทั้งอยู่ระหว่างจัดเตรียมหลักสูตรมินิเอ็มบีเอ (Mini MBA) ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มเอ็มจีซี เอเชียในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 18% จากปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ อาทิ การเปิดตัวรถยนต์ใหม่ และการขยายเครือข่ายทางธุรกิจ รวมถึงการปรับโฉมโชว์รูมสาขาพระราม 4 ที่พร้อมจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีแรกนี้
พร้อมทั้งนี้จะเห็นภาพการขยายธุรกิจไปยังอาเซียนชัดเจนยิ่งขึ้น โดยภายในต้นเดือนเมษายนนี้ บริษัทจะเปิดทำการบริษัทรถเช่าซิกท์ ที่ประเทศลาว โดยสาขาแรกจะเปิดดำเนินการที่สนามบินเวียงจันทน์

เกี่ยวกับกลุ่ม บ.มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (เอ็มจีซี-เอเชีย)
แบ่งเป็น7 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย
1. กลุ่มรถยนต์ใหม่ ได้แก่ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ,แอสตัน มาร์ติน แบงคอก, มิลเลนเนียม ออโต้ (บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ) และพัฒนาการฮอนด้า
2. กลุ่มรถยนต์มือสอง ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ( BMW Premium Selection ), มินิ (MINI Next ) , ฮอนด้าเซอร์ทิฟายยูสคาร์ , มาสเตอร์เซอร์ทิฟายยูสคาร์ส(มัลติแบรนด์ ) และ ซุปเปอร์คาร์ส
3. กลุ่มธุรกิจรถเช่า ได้แก่ มาสเตอร์คาร์เรนเทิ้ล(รถเช่าระยะยาว) และ ซิกท์ (Sixt)
เรนท์อะ คาร์(รถเช่าระยะสั้น)
4. กลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ได้แก่ มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส( MMS )
5. ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ในนามบริษัท แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด
6. ธุรกิจให้บริการศูนย์สาระสนเทศ ในนามบริษัท ไอทเวนตี้( i24 ) จำกัด
7. ธุรกิจศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร ภายใต้ มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่งเซ็นเตอร์