บอกได้เลยว่ายังไม่ขาย ยังไม่อะไรทั้งนั้น แต่สำคัญคือว่า รถคันนี้จะเป็นรุ่นที่จะทำให้เราเปลี่ยนแนวความคิดใหม่ และนั่นคือ Chevrolet Volt รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จากค่ายเชฟวี่ ที่เพิ่งไปขับมาสดๆร้อนๆ มือไม้พอง แดด เผา ..เอ้า ก็ว่ากันไป เราเชื่อว่า Chevrolet Volt คงน่าจะคุ้นเคยพวกเราหลายคนบ้างแล้ว โดยเฉพาะ ใครที่ไปงาน บีโอไอ เมื่อ ต้นปีทีผ่านมา แล้วแวะชม พาวิลเลี่ยน ของเชฟวี่ ก็คงจะคุ้นเคยกันดีอยู่พอสมควรสำหรับรถคันนี้ ในการขับขี่วันนี้บอกก่อนว่าขับวนมันอยู่ในสนามที่ มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ แล้วเราก็ขับเพียง 2 รอบเท่านั้น ทำให้ อาจจะยังไม่สามารถบอกอะไรได้มากมาย แต่จากการขับขี่เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นปัจจุบันแล้ว ยอมรับว่ามันล้ำหน้าอนาคตมาก สมคำล่ำลือ ในความเงียบและความเยี่ยมยอดทางวิศวกรรมของรถยนต์ชั้นนำระดับโลก ความแตกต่างของ Chevrolet Volt กับ รถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ อยู่ที่การพกเครื่องยนต์มา ถ้าพูดแบบชาวบ้านคือพกเครื่องปั่นไฟมาด้วย ทำงานโดยชาร์จไฟเข้าแบตเตอร์รี่ เมื่อเหลือต่ำกว่า 30% แต่เครื่องยนต์ไม่ได้มาขับเคลื่อนลงล้อ โดยตรง ซึ่งระบบนี้เรียกว่า Extended Range หรือพูดแบบง่ายๆ คือ ตัวช่วยยืดระยะทาง ซึ่ง ทำให้มั่นใจอย่างหนึ่งว่า หากแอบหนีเมียไปเที่ยวกับกิ๊กแล้วล่ะ ก็ยังไงก็กลับบ้านได้ แม้จะนอกลู่นอกทางบ้าง กลับมากันต่อ ในเรื่อง Volt ในงานนี้มีหลากข้อคำถามมากมาย แต่ที่แน่คือ ในการชาร์จไฟจนเต็ม 1 ครั้ง ใช้เวลา 6.5 ชั่วโมง ที่แรงดัน 220 V และสามารถขับได้ 80 ก.ม. โดยเมื่อคิดเป็นเงิน ตกราวๆ 45 บาท หรือ 0.56 บาท/กิโลเมตรเท่านั้น แต่เมื่อใช้เครื่องยนต์ชาร์จไฟ ก็จะสามารถวิ่งได้อีก 490 ก.ม. ด้วยน้ำมันเต็มถัง 35 ลิตร เมื่อได้เวลาทดลองขับ ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก เพราะแอบแซวมานานว่า ไม่มีให้ขับหรอ อยากๆ …ในที่สุดตอนวันได้รับหมายเชิญเรียกว่า น้ำตาแทบไหล เพราะในที่สุดเราก็ได้ขับ และมันอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เรื่องภายนอก คงไม่น่าจะต้องพูดถึงมากนัก เพราะรถคันนี้ออกแบบในสไตล์ล้ำอนาคตมาก แต่ก็ต้องมีเอกลักษณ์ที่สำคัญ อย่าง Dual Port มาพร้อมกันด้วย ซึ่งเส้นสายโดยรวมเน้นสปอร์ตเป็นหลัก ใครจะคิดว่า มันยังดูทันสมัยจนบอกตามตรงว่า ไม่ต้องใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า ขอบอดี้นี้ใส่เครื่องแรงๆ คงถูกใจใครหลายคน เปิดประตูเข้า มาในห้องโดยสาร เราก็ต้องมานั่งเรียนใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับระบบในรถ แต่ก็ใช้เวลาสั้นๆในการทำความเข้าใจในระบบต่าง เช่นหน้าจอแสดงผลตรงหน้าคนขับ และตรงกลางคอนโซลหน้า ที่คอนโซลหน้าเองนั้นก็ก็มีปุ่มต่างๆมากมาย เป็นหน้ากากสีขาว ทำงานด้วยระบบสัมผัสคล้ายๆในพวก Smart phone โทนสีขาว ยิ่งนึกถึงพวก Ipod สงสัยว่าจะคุยกับ Steve job มารึเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ โดนใจเลย เมื่อพร้อม ก็ได้เวลาที่เราจะขับเคลื่อนรถคันนี้กัน แต่จะไปได้ก็ Start your… เอ่อ Motor ทำให้นึกถึงรถกอล์ฟ แต่นี่คือรถจริง และเมื่อสตาร์ท หน้าจอตรงคนขับก็พร้อมทำงาน บอกค่าต่างๆ เช่นจำนวนไฟฟ้าที่วิ่งได้อีก วิธีการขับหรือเบรก และความเร็วในการเดินทาง ถึงเวลาออกตัวกดคันเร่งเสียงที่เงียบทำให้เราอาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ที่รู้สึกดี คือแรงบิดหนักๆ แบบเครื่องดีเซลที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งใครจะคิดเจ้านี่จะทำอัตรา 0-100 ได้ใน 9 วินาที อืม..ฟังก็ไม่น่าแปลกใจนัก และระหว่างขับขี่ มันค่อนข้างให้ความสุนทรีย์ ด้วยความเงียบปราศจากเสียงเครื่องยนต์ แต่ก็รู้สึกแปลกไม่คุ้นเคยนัก แต่ยังพอมีเสียงล้อและยางนี้ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังขับรถอยู่นะ การขับขี่ที่รู้สึกว่ามันดีมาก ทำให้เราขับเนิบๆไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงในส่วนของการทดสอบอัตราเร่ง เมื่อกดจม เจ้า volt ก็เหมือนม้าพยศ ที่แผงฤทธิ์ และเมื่อเบรกฟีลลิ่งที่หยุดแบบเชื่องมาก ส่วนหนึ่งได้กำลังฉุดช่วยจากมอเตอร์ตัวที 2 ทำให้มันค่อนข้างนิ่มนวลมาก และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย จบปิดจ๊อบ พนังงานรถไฟฟ้าวันนี้ ต้องยอมรับว่านี่คือรถอนาคต ซึ่งน่าสนใจมาก และเราอยากให้มันมาทำตลาดขายกันบ้านเรา ถามว่ามีโอกาสไหม ...??? ขอตอบว่า...มี... ส่วนเรื่องราคา ก็ต้องยอมรับอีกว่าน่าจะแพง แต่ทั้งหมดนี้ อยู่ที่ภาครัฐและการเดินหน้าในความชัดเจนของนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต … ขอบคุณข้อมูล : drivebybonn.wordpress
This is some of the worst English that I have ever read on a blog. I can't understand even the intent of the author's words.