ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของบริษัทจากการผลิตรถได้เป็นคันที่ 350 ล้าน และรถคันประวัติศาสตร์ดังกล่าวคือรถยนต์นั่งระดับโลก ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลกและเป็นรถรุ่นที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฟอร์ดซึ่งขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวของการผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น และแผนการสร้างความเติบโตอย่างมีกำไรในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
“การผลิตรถยนต์ 350 ล้านคันนับเป็นจำนวนมหาศาล” มร. จอห์น เฟลมิ่ง รองประธานบริหารฝ่ายการผลิตระดับโลกของฟอร์ด กล่าว “เทียบได้กับการผลิตรถใหม่ 1 คันทุกๆ 10 วินาที เป็นเวลา 109 ปีต่อเนื่องกัน และถ้าเรานำรถทั้งหมดที่ผลิตได้มาจอดต่อๆ กันก็จะเทียบได้กับระยะทางไป-กลับระหว่างโลกและดวงจันทร์ถึง 2 รอบด้วยกัน ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงตื่นเต้นกันมากกับอนาคตของบริษัท”

ฟอร์ดเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในการผลิตรถคันที่ 350 ล้านนี้ ณ โรงงานระดับโลกแห่งใหม่ล่าสุดซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร
โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ซึ่งเกิดจากการลงทุนมูลค่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท) เปิดทำการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 เพื่อผลิตรถยนต์ระดับโลก ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ซึ่งเป็นรถฟอร์ดรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลก โรงงานเอฟทีเอ็มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของฟอร์ดในการผลิตรถยนต์ระดับโลกด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย การติดตั้งเครื่องปั๊มขึ้นรูปชิ้นส่วนใหม่ มีแผนกประกอบตัวถังที่มีความยืดหยุ่นสูง และใช้หุ่นยนต์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้โรงงานผลิตรถได้สูงสุดถึง 6 รุ่นในเวลาเดียวกัน
“การผลิตรถคันนี้สำหรับฟอร์ดในประเทศไทย ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งเท่านั้น” มร. เฟลมิ่ง กล่าว “แต่เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงแผนการสร้างความเติบโตให้แก่บริษัทด้วยการผลิตรถยนต์ระดับโลกที่ดีเยี่ยมภายในโรงงานที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการผลิตสูง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่หมายถึงในโรงงานฟอร์ดทุกแห่งทั่วโลก”
จากเฮนรี่ ฟอร์ด สู่ One Ford และ One Manufacturing
นับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2446 ฟอร์ดนับว่าเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ เริ่มตั้งแต่การผลิตรถรุ่นโมเดล ที ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกหลงรักการเดินทางด้วยรถยนต์ซึ่งอยู่ในราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ ในช่วงครึ่งศตวรรษแรก ฟอร์ดค่อยๆ เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับการขยายตัวของประชากรผู้ขับขี่ยานยนต์ทั่วโลก ฟอร์ด ธันเดอร์เบิร์ด รุ่นปี 1958 คือรถคันที่ 50 ล้านที่บริษัทผลิตขึ้นภายในช่วงเวลาเพียงกว่า 50 ปี ควบคู่กับการสร้างฐานลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ที่มีความภักดีต่อแบรนด์ฟอร์ดจำนวนมหาศาล
ต่อมาอีก 5 ทศวรรษ ฟอร์ดได้ผลิตรถรวมกว่า 300 ล้านคันทั่วโลก เป็นที่มาของตำนานสุดยอดรถยนต์ยอดนิยมมากมายหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นฟอร์ด เอ็กซ์พโลเรอร์ เอฟ-150 เฟียสต้า โฟกัส ฟิวชั่น (มอนเดโอ) ทอรัส และมัสแตง รวมทั้งยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีอันทันสมัยมากมาย อาทิ ฟอร์ด ซิงค์ ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อการสื่อสารเพื่อสาระบันเทิงภายในรถยนต์
“จากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ของเฮนรี่ ฟอร์ด สู่การทำงานของเราในวันนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยแผน One Ford เรากำลังพลิกโฉมหน้าฟอร์ดในยุคใหม่ให้มีความพร้อมที่จะแข่งขันในตลาดทั่วโลก ด้วยการนำเสนอตัวเลือกของรถยนต์ระดับโลกหลากหลายรุ่นที่พร้อมตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่มองหาความมีคุณภาพ ความประหยัด ความปลอดภัย การออกแบบอันชาญฉลาด และความคุ้มค่าคุ้มราคา” มร. เฟลมิ่ง กล่าว
ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการทำงานภายใต้แผน One Ford นั่นคือการวางแผนการผลิตแบบใหม่ที่เรียกว่า One Manufacturing ซึ่งเป็นการทำงานอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยพลิกโฉมหน้าการดำเนินธุรกิจของฟอร์ดทั่วโลก ด้วยการวางมาตรฐานการทำงานที่มีคุณภาพเดียวกันทั่วโลก เพิ่มการผลิตในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และเร่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตขึ้นจากโครงสร้างตัวถังระดับโลกน้อยชุด แต่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรอบด้าน ทั้งยังช่วยให้กระบวนการผลิตมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และสร้างกำไรให้แก่บริษัทได้โดยอาศัยการผลิตในปริมาณมากเพื่อวางจำหน่ายทั่วโลก
ภายในปีพ.ศ. 2556 รถที่ผลิตขึ้นภายใต้แผน One Manufacturing ของฟอร์ดจะมีสัดส่วนมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ที่ฟอร์ดผลิตขึ้นจากโครงสร้างตัวถังหลักๆ ทั้งหมด 9 ชุด และทำให้บริษัทสามารถนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ในอีก 4 ปีข้างหน้า ฟอร์ดจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ระดับโลกรุ่นใหม่ๆ มากที่สุด โดยบริษัทคาดว่า 168 เปอร์เซ็นต์ของรถที่วางจำหน่ายทั้งหมดจะได้รับการออกแบบใหม่หรือได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ไปตลอดจนถึงปีพ.ศ. 2559
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตขึ้นอีกขั้น ระบบ One Manufacturing ยังได้กำหนดกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน ใช้ศักยภาพในการผลิตที่มีอยู่อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้น และเพิ่มค่าตอบแทนจากการลงทุนของบริษัท เทคนิคในการผลิตอันทันสมัย กระบวนการประกอบตัวถังที่มีความยืดหยุ่นสูง และการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบเสมือนจริงในการผลิต จะช่วยให้โรงงานที่มีความยืนหยุ่นสูงสามารถผลิตรถได้สูงสุดถึง 7 รุ่นบนสายการผลิตเดียว ซึ่งจะช่วยให้บริษัทตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเพิ่มความมีคุณภาพ และลดใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกมากมายที่เกี่ยวเนื่องกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ หรือการปรับโฉมรถรุ่นใหม่ของบริษัท
การที่ผู้บริโภคทั่วโลกมีความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ฟอร์ดจึงวางแผนที่จะใช้แนวทางการผลิตดังกล่าวเพื่อเพิ่มยอดขายรถฟอร์ดทั่วโลกราว 50 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวน 8 ล้านคันภายในช่วงกลางทศวรรษ โดยมีทวีปเอเชียเป็นตลาดหลัก บริษัทคาดว่าตลาดเอเชียจะมีสัดส่วนเท่ากับหรือมากกว่า 1 ใน 3 ของยอดขายรถฟอร์ดทั้งหมดภายในไม่กี่ปีข้างหน้า