“บางจาก” โชว์แผนงานปี 2558 ทุ่มกว่า 10,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางเป้าหมายสู่ “The Most Admired Brand” ภายในปี 2563
“วิเชียร อุษณาโชติ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ในปี 2558 บางจากฯตั้งงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นการพัฒนาธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจการตลาดประมาณ 5,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบสำหรับสร้างสถานีบริการและธุรกิจ Non-Oil รวม 1,500 ล้านบาท และสร้างถังน้ำมันเพิ่มอีก 300 ล้านบาท

ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5,000 ล้านบาท จะขยายสู่ธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ กระจายความเสี่ยงธุรกิจเดิม สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยจะเพิ่มปริมาณการกลั่นน้ำมันให้ได้มากกว่า 100,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากปี 2558 ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี คาดว่าจะมีค่าการกลั่นเฉลี่ย 6-7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และยังคงปรับปรุงเพิ่มศักยภาพของโรงกลั่นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจการตลาดมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการสนองความต้องการของผู้บริโภค พร้อมขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 70 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,093 แห่ง โดยเป็นสถานีบริการขนาดใหญ่ (Flagship) 2 แห่ง พร้อมพัฒนารูปแบบของสถานีบริการให้ทันสมัย ซึ่งในอีก 6 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 400 แห่ง หรือเพิ่มเป็นกว่า 1,500 แห่ง
“บางจากฯวางเป้าหมายเพื่อก้าวสู่ The Most Admired Brand ภายในปี 2563 โดยมุ่งเป้าปริมาณจำหน่ายน้ำมันเป็น 580 ล้านลิตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีปริมาณการจำหน่ายอยู่ที่ 360 ล้านลิตรต่อเดือน โดยปี 2558 ตั้งเป้าปริมาณจำหน่าย 400 ล้านลิตรต่อเดือน”
นายวิเชียรกล่าวว่า ปี 2558 จะเพิ่ม EBITDA ของธุรกิจ Non-Oil จาก 145 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40% โดยจะดึงพันธมิตรด้านธุรกิจอาหารที่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค เช่น แมคโดนัลด์ แบล็คแคนยอน เคเอฟซี รวมทั้งธุรกิจอาหารที่เป็นแบรนด์ใหม่มาเปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันบนทำเลถนนสายหลักและอยู่ในย่านธุรกิจ ซึ่งจะเพิ่มอีก 10 แห่ง จากปัจจุบัน 6 แห่ง โดยจะมีความชัดเจนในไตรมาสแรกปี 2558 รวมทั้งขยายร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่ 91 แห่ง และขยายร้านกาแฟอินทนิลบางจากอีก 70 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 320 แห่ง

นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาน้ำมัน บางจากฯได้เข้าถือหุ้นบริษัท Nido Petroleum ในออสเตรเลีย ที่ได้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยล่าสุดบริษัท Nido Petroleum ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท Otto Energy Limited ตั้งเป้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Galoc Production Company WLL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Otto มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ Nido มีสัดส่วนถือครองแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc จาก 22.88% เป็น 55.88% สามารถเข้าไปบริหารได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ Nido มีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นประมาณ 4,000 บาร์เรลต่อวัน
ด้านธุรกิจพลังงานทดแทน บางจากฯมีแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะและพลังงานจากก๊าซชีวภาพ ก๊าซชีวมวล ตอกย้ำความเป็นผู้นำพลังงานทดแทน อีกทั้งจะขยายธุรกิจผลิตเอทานอลและไบโอดีเซล ขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้เต็มกำลัง 118 เมกะวัตต์เรียบร้อยแล้ว