บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวคลังอะไหล่แห่งใหม่ในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ถนนบางนา-ตราด กม. 23 อย่างเป็นทางการ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 220 ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจากนายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และพันธมิตรในภาคโลจิสติกส์ ร่วมฉลอง อีกหนึ่งความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อประเทศไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน (ขวาสุด) พร้อมด้วย มร. วูล์ฟแกง บาวแมนน์ รองประธานฝ่ายการจัดการโลจิสติกส์อะไหล่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป (ที่ 4 จากซ้าย) และ มร. ซีซาร์ บาดิลย่า ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมเปิดตัวคลังอะไหล่แห่งใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยมีคุณพรชัย ตระกูลวรานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม (กลาง) และคุณวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ (ซ้ายสุด) ให้เกียรติเข้าร่วมงาน ณ โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ถนนบางนา-ตราด กม.23 มร. วูล์ฟกัง เบาว์แมน รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายการจัดการอะไหล่ โลจิสติกส์ จากสำนักงานใหญ่ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในนครมิวนิค ประเทศเยอรมนี เผยว่า “ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การทำตลาดของบีเอ็มดับเบิลยู ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค การเปิดตัวคลังอะไหล่แห่งใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการให้บริการด้านโลจิสติกส์ พร้อมรองรับความต้องการด้านบริการของลูกค้าทั้งในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง” “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมของการฉลองความสำเร็จของเราในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจครบรอบ 100 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก ด้วยแรงสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านความเชี่ยวชาญของการบริหารธุรกิจ ความสามารถของบุคลากรของพันธมิตร และความมุ่งมั่นของทีมงานของเรา ผมเชื่อมั่นว่าเราสามารถร่วมกันสร้างความเติบโตที่แข็งแกร่ง และนำไปสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในอนาคต” คลังอะไหล่แห่งใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 14,000 ตารางเมตร กว้างขวางกว่าคลังอะไหล่เดิมถึงเกือบ 3 เท่าตัว รองรับการจัดเก็บอะไหล่ถึง 40,000 รายการ และจัดเก็บชิ้นส่วนอะไหล่แบ่งตามโซน และแยกตามขนาดของอะไหล่ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนจากคู่ค้าอย่างทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ ยูเซ็น โลจิสติกส์ และ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน คลังอะไหล่แห่งนี้จึงสามารถรองรับการส่งอะไหล่เพิ่มเติมได้กว่า 2,000 ไลน์ต่อวัน มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวเสริมอีกว่า “หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด และเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยูในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับพรีเมี่ยม คือการมอบบริการด้วยมาตรฐานสูงสุดให้กับลูกค้า เราจึงเดินหน้ายกระดับการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าทุกท่าน การเปิดตัวคลังอะไหล่แห่งใหม่นี้สามารถร่นเวลาการจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิได้อย่างมาก ทั้งยังยกระดับความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน เพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ และเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการของลูกค้า คลังอะไหล่แห่งนี้จะเสริมให้เราทำผลงานตามดัชนีความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction Index; CSI) ได้ดียิ่งขึ้น จึงถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี หลังจากที่สามารถทำยอดขายได้สูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา” นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมแสดงความยินดีและกล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นด้านการลงทุนในประเทศไทยที่มีอย่างต่อเนื่อง กระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้ให้การสนับสนุนในหลากหลายด้าน ทั้งการขยายการดำเนินงาน และการแสวงหาโอกาสเพื่อพัฒนาธุรกิจ ความร่วมมือเหล่านี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและบีเอ็มดับเบิลยู และการเปิดตัวคลังอะไหล่แห่งใหม่ในโอกาสนี้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้รุดหน้าบนเวทีโลก” ทั้งนี้ บริษัททีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ แมเนจเม้นท์, ยูเซ็น โลจิสติกส์ ประเทศไทย และดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในการพัฒนาขยายคลังอะไหล่แห่งใหม่ครั้งนี้ โดย ทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ เป็นผู้สนับสนุนด้านการบริหารจัดการคลังสินค้าและการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ ส่วนยูเซ็น โลจิสติกส์ ประเทศไทย สนับสนุนด้านการบริหารโลจิสติกส์ และระบบขนส่ง ในขณะที่ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทยเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการพื้นที่ในการขยายคลังอะไหล่