บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอบสนองความต้องการรถยนต์ระดับหรูแบรนด์มินิที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค เริ่มการประกอบสำหรับรถยนต์มินิ คันทรี่แมน เป็นครั้งแรกที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง ถือเป็นอีกขั้นแห่งความสำเร็จของมินิ นับตั้งแต่เริ่มผลิตรถยนต์มินิคันแรกเมื่อปี พ.ศ. 2502 ณ เมืองอ๊อกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร

พิธีเปิดการขยายสายการประกอบรถยนต์ใหม่นี้จัดขึ้นที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จ.ระยอง โดยมีทั้งตัวแทนจากภาครัฐ พันธมิตรธุรกิจ สื่อมวลชน และทีมงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เข้าร่วมฉลองความสำเร็จที่สำคัญอีกก้าวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป พร้อมเปิดตัวรถยนต์มินิ ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ มินิ คูเปอร์ คันทรี่แมน, มินิ คูเปอร์ ดี คันทรี่แมน และ มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรี่แมน ที่ได้รับการประกอบขึ้นในประเทศอีกด้วย เปิดราคาที่ 1,840,000 บาท, 2,040,000 บาท และ 2,490,000 บาท ตามลำดับ โดยมีส่วนต่างราคาลดลงจากรุ่นนำเข้าประมาณ 24-29%
การขยายสายการประกอบรถยนต์มินิใหม่นี้จะช่วยตอบสนองความต้องการรถยนต์มินิที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาดภายในประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2556 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปประเทศไทยคาดว่าจะสามารถทำลายสถิติยอดจำหน่ายรถยนต์มินิของปี พ.ศ. 2555 ที่ทำไว้ 501 คัน รวมถึงการประกอบรถยนต์เพื่อรองรับยอดขายที่จะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในปีต่อๆ ไป

ในภาพจากซ้าย ฯพณฯ รอล์ฟ ชูลเซ่ เอกอัครราชทูตเยอรมณีประจำประเทศไทย, มร.ปีเตอร์ วูล์ฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย, มร. คาร์ล-ไฮนซ์ เฮคเฮาเซ่น ประธานหอการค้าเยอรมัน-ไทย, คุณจตุพล พุทธวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย และ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ถ่ายภาพร่วมกัน ในพิธีเปิดการขยายสายประกอบรถยนต์ มินิ คันทรี่แมน ณ บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย พร้อมเปิดตัวรถยนต์มินิ คันทรี่แมน ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ มินิ คูเปอร์มินิ คูเปอร์ ดี และ มินิ คูเปอร์ เอสดี ที่ได้รับการประกอบขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “การขยายสายการประกอบรถยนต์มินิ คันทรี่แมนซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศไทย ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของเรา เนื่องจากตลาดในประเทศไทยให้ความสำคัญต่อยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมอันล้ำสมัย พร้อมด้วยสมรรถนะที่เต็มเปี่ยม ในขณะเดียวกัน การเปิดสายการประกอบรถยนต์ใหม่นี้ยังเป็นการตอกย้ำพันธกิจของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อย่างชัดเจนต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยาวนานและมั่นคง รวมถึงความมั่นใจของเราว่าประเทศไทย เป็นศูนย์กลางด้านยนตรกรรมที่มั่นคงของภูมิภาคอาเซียน”

มร. ปีเตอร์ วูลฟ์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย กล่าวถึงการขยายสายการประกอบที่โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ครั้งนี้ ว่า “นับตั้งแต่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนู แฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทยเริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนเมษายน พ.ศ. 2543 บริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพและประสิทธิภาพในการประกอบรถยนต์ที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญมาจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจของทีมงานคนไทยที่เปี่ยมไปด้วยทักษะและความสามารถ บริษัทฯ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถประกอบรถยนต์มินิ คันทรีแมนซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม เพิ่มเติมขึ้นในสายการผลิต เพื่อเป็นการขยายศักยภาพสูงสุดของกำลังการประกอบรถยนต์ รวมถึงเป็นการสร้างงานให้กับภาคอุตสาหกรรม และยังคงรักษาระดับคุณภาพตามมาตรฐานสากลของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สำหรับทั้งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิอีกด้วย”
รายละเอียดด้านเทคนิคและราคารถยนต์มินิ คันทรี่แมน

โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จ.ระยอง
โดดเด่นด้วยศักยภาพและประสิทธิภาพที่มีความหลากหลาย
บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย เริ่มเดินสายการผลิตเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2543 สามารถประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้มากถึง 5 ซีรี่ส์ (ซีรี่ส์ 3, ซีรี่ส์ 5, ซีรี่ส์ 7, X1 และ X3) รวมทั้งหมดถึง 22 รุ่น ด้วยพื้นที่การผลิตที่ครอบคลุมมากกว่า 75,000 ตารางเมตร (ประมาณ 250,000 ตารางฟุต) ตั้งอยู่ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 114 กิโลเมตร (70 ไมล์) โดยมีทีมงานทั้งหมดกว่า 400 คน
ด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักรอันทันสมัย ทีมงานที่พร้อมด้วยทักษะความสามารถระดับสูง และกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ทำให้โรงงานบีเอ็มดับเบิลยูสามารถควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ยนตรกรรมระดับหรูเปี่ยมด้วยคุณภาพระดับมาตรฐานสากลในทุกๆ รุ่น โดยนับตั้งแต่มีการก่อตั้งบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2543 บริษัทฯ เป็นส่วนสำคัญในการเสริมศักยภาพการแข่งขันของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในตลาดประเทศไทยซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการขยายสายการประกอบรถยนต์สำหรับมินิ คันทรี่แมน
การขยายศักยภาพในการผลิตและโครงข่ายการประกอบรถยนต์ทั่วโลก
การเสริมศักยภาพและประสิทธิภาพในการผลิตและประกอบรถยนต์ระดับโลกเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่กำลังเติบโตเช่นประเทศไทย เพื่อให้สามารถรองรับการผลิตและประกอบรถยนต์ที่มีความรวดเร็วและหลากหลายมากที่สุด จากสถิติ เมื่อปี พ.ศ. 2555 มินิมียอดจำหน่ายรถยนต์ถึง 301,526 คันทั่วโลก โดยมีการเติบโตมากกว่าปีก่อนๆ ถึงร้อยละ 31 ในทวีปเอเชีย ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์มินิในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2555 สูงถึง 501 คัน ถือเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ดำเนินกิจการมา นอกจากนี้ มินิมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าขยายประสบการณ์สำหรับแบรนด์ระดับโลกอันเป็นตำนานของมินิอย่างต่อเนื่องในปีถัดจากนี้ โดยการขยายศักยภาพและเครือข่ายการผลิตทั่วโลกอันเป็นความมุ่งหมายเพื่อช่วยเสริมกระบวนการดังกล่าวเช่นกัน
โรงงานประกอบรถยนต์ทั่วโลก
และผู้นำแห่งอุตสาหกรรยานยนต์ในด้านความยั่งยืน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก โดยผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce พร้อมด้วยเครือข่าย การผลิตและประกอบรถยนต์ 28 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายจำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2555 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 1.85 ล้านคัน รถมอเตอร์ไซค์มากกว่า 117,000 คัน และมีพนักงานรวมถึง 105,876 คน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปเกิดจากวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และมอบบริการอย่างดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการใส่ใจในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกผลิตภัณฑ์และทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้ผู้นำแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านเทคโนโลยีอนาคตที่ยั่งยืนโดยสถาบันดาวโจนส์ มาแล้วถึง 8 ปีติดต่อกัน