บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรมหรูจากอังกฤษ ที่สุดของความสมบูรณ์แบบและความทรงพลังอย่างเต็มพิกัด เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทอล จีที สปีด (Continental GT SPEED) ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยราคาค่าตัว 22 ล้านบาท ณ โชว์รูม Performance Auto Gallery (PAG) ชั้น 2 สยามพารากอน

เบนท์ลี่ย์เปิดเผยข้อมูลทางเทคนิคอย่างเต็มรูปแบบของรถยนต์รุ่น Flagship อย่างคอนติเนนทัล จีที สปีด (Continental GT Speed) รถยนต์ที่ถือได้ว่าเป็นรถยนต์ที่วิ่งบนถนนที่เร็วที่สุดจากเบนท์ลี่ย์ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 205 ไมล์ต่อชั่วโมง (330 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ขับเคลื่อนสี่ล้อ และพร้อมที่จะรับสั่งจองและส่งมอบแล้ว
เครื่องยนต์ของเบนท์ลี่ย์คันนี้มีขนาด 6 ลิตรแบบ twin-turbo W12 ซึ่งทำให้ จีที สปีด (GT Speed) คันนี้มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 625 PS (616 แรงม้า) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที ซึ่งถือได้ว่ามากกว่ารุ่นคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) อยู่ถึง 50 PS เลยทีเดียว แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 800 นิวตันเมตร (590 lb. ft) รอบแรงบิดจะอยู่ระหว่าง 2,000 ถึง 5,000 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้น 100 นิวตันเมตร) ซึ่งถือได้ว่าเต็มไปด้วยประสิทธิภาพและพละกำลังเครื่องยนต์ที่สูงอย่างเต็มพิกัดเลยทีเดียว ระบบส่งผ่านกำลังหรือระบบเกียร์อัตโนมัติออกมาในรูปแบบ ZF 8 สปีดใหม่ล่าสุด ประกอบกับซอฟต์แวร์การจัดการเครื่องยนต์ที่เหนือชั้น ทำให้จีที สปีด (GT Speed) คันนี้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลา 4.2 วินาที

ประสิทธิภาพของรถที่เหนือชั้นนี้ได้มาจากการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพของตัวถังให้มากขึ้น พร้อมด้วย up-rated springs, บาร์ป้องกัน (anti-roll bars), และการปรับช่วงล่างให้ต่ำลงได้อีก 10 มิลลิเมตร ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังพร้อมด้วยการควบคุมระบบช่วงล่างด้วยไฟฟ้าอีกด้วย ถึงแม้คอนติเนนทัล (Continental) คันนี้จะเต็มไปด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ที่มหาศาล แต่คงความเป็นเบนท์ลี่ย์ซึ่งเต็มไปด้วยความปราณีตและนุ่มนวลก็ยังคงไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นกัน
การขับเคลื่อนออกมาในรูปแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเน้นการกระจายแรงบิดไปทางด้านหลังแบบ 60:40 เพื่อการทรงตัวของรถที่ดีเยี่ยม และเต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการขับเคลื่อนไปในทุกๆ สภาวะอากาศและพื้นผิวถนนนั่นเอง
ความเป็นเอกลักษณ์ของจีที สปีด (GT Speed) คันนี้โดดเด่นและแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทัพด้วยล้ออัลลอยด์ 21 นิ้ว ลาย 10 ก้าน กระจังและตะแกรงช่องดักอากาศด้านหน้าและด้านใต้กันชนออกมาในรูปแบบแมทริกซ์สีดำโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารจะได้พบกับการตกแต่งด้วยชุดแต่งพิเศษ Mulliner Driving Specification หนังมีความนุ่มนวล โลหะมีความสว่างเหมาะแก่การสัมผัส รวมไปถึงการตกแต่งชิ้นส่วนจากอลูมิเนียมสีเข้มพิเศษรวมไปถึงคาร์บอนไฟเบอร์อีกด้วย ผลลัพธ์ที่ได้คือความเป็นคูเป้ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เหนือใคร ร่วมสมัย สปอร์ต และหรูหรานั่นเอง
ด้วยระบบการจัดการเครื่องยนต์ (engine management system) ใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังหรือระบบเกียร์ 8 สปีด ผสมผสานเข้ากับเครื่องยนต์ W12 ที่มาพร้อมกับระบบหมุนเวียนพลังงาน (energy recuperation system) ทำให้เครื่องยนต์ของรถคันนี้ได้รับการพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นและลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีก 12% สำหรับรุ่น GT W12 และ 10% สำหรับรุ่น GTC W12 เลยทีเดียว

เครื่องยนต์ W12 POWERTRAIN
จีที สปีด (GT Speed) – เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและน่าสนใจเพื่อประสิทธิภาพของรถที่สูงสุด คอนติเนนทัล จีที สปีด (Continental GT Speed) ใหม่ล่าสุดนี้คือรถยนต์ที่เร็วที่สุดจากเบนท์ลี่ย์และยังเป็นรุ่นที่การันตีให้เห็นถึงความสามารถของเครื่องยนต์ W12 ที่ทรงพลังจนกลายเป็นตำนาน พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 616 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 800 นิวตันเมตรจากรอบเครื่องยนต์ 2,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์แบบ twin-turbo 48 วาล์ว 6 ลิตร และมาพร้อมกับระบบการจัดการเครื่องยนต์ ME17 ใหม่ล่าสุด ที่มีศักยภาพความสามารถในการคำนวนที่รวดเร็ว ช่วยในการควบคุมตัว turbocharger และจัดการกับแรงบิดรวมไปถึงการพัฒนาการขับเคลื่อนให้ดียิ่งขึ้น โหมดขับขี่สปอร์ตได้รับการปรับปรุงใหม่โดยเน้นคันเร่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นพร้อมด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วเพื่ออัตราเร่งเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมในทุกๆ ระดับความเร็วของรถอีกด้วย
เครื่องยนต์ W12 ทำงานร่วมกับระบบส่งผ่านกำลังแบบ ZF 8 สปีดเป็นครั้งแรก โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รองรับระดับของแรงบิดที่เครื่องยนต์สร้างขึ้นในระดับสูงสุด ระบบเกียร์จะตัดระยะเวลาการเร่งเครื่องยนต์โดยการทำให้เครื่องยนต์นั้นอยู่ในระดับความเร็วที่แรงบิดสูงสุดจะจัดส่งได้ ไม่เพียงเท่านี้ระบบเกียร์นี้ยังเสริมทัพด้วยเทคโนโลยี “Block Shifting” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเกียร์โดยตรง เช่น จากเกียร์ 8 ไปเป็นระดับเกียร์ 4 ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วและการเร่งเครื่องยนต์ที่รวดเร็วและเสียงดังกังวาน
การผสมผสานของระบบส่งผ่านกำลังใหม่ล่าสุดและเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีนี้เองที่ทำให้รถยนต์คันนี้มีประสิทธิภาพเฉกเช่นรถซูเปอร์คาร์ โดยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ทำได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 4.2 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระดับศักยภาพของเครื่องยนต์นี้จะคล้ายกันกับคอนติเนนทัล ซูเปอร์สปอร์ต (Continental Supersports) และเร็วกว่ารุ่นจีที ธรรมดาเกือบ 2 วินาทีเลยทีเดียว
ระบบท่อไอเสีย (Exhaust system) ที่ถูกออกแบบให้กับคอนติเนนทัล ซูเปอร์สปอร์ต ไอซ์ สปีดเรคคอร์ด (Continental supersports Ice Speed record) ได้ถูกนำมาใช้ในจีที สปีด (GT Speed) ใหม่ล่าสุดคันนี้ ระบบใหม่นี้จะช่วยทำให้รถมีความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ผลิตเสียงเครื่องยนต์ได้อย่างทรงพลัง อีกทั้งยังให้เสียงที่เงียบสงัดเมื่อยามขับขี่ในลักษณะ cruising

ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นถึง 12%
สำหรับคอนติเนนทัล (Continental) 2 ประตูคันนี้ ทีมวิศวกรจากเบนท์ลี่ย์ให้ความสำคัญและเน้นการพัฒนาการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้คือการเพิ่มแรงบิดให้กับจีที สปีด (GT Speed) คันนี้พร้อมด้วยการพัฒนาให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีก 12%
ระบบส่งผ่านกำลัง 8 จังหวะใหม่ล่าสุดช่วยให้รถประหยัดได้ถึง 6% อัตราการทดเกียร์ที่ระดับ 8 จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างประหยัดเมื่ออยู่ในลักษณะการขับขี่อย่างผ่อนคลาย อีกทั้งยังติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดเข้าไปเพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและลื่นไหล
ระบบส่งผ่านกำลังใหม่ล่าสุดและระบบการจัดการเครื่องยนต์ (engine management system) ME17 ต่างได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) และ จีทีซี (GTC) ทุกรุ่น
เครื่องยนต์ W12 มีลักษณะเด่นพิเศษจากการเสริมทัพด้วยระบบการไหลเวียนพลังงานเป็นครั้งแรก ซึ่งส่งผลให้เครื่องยนต์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 1.6% สำหรับการไหลเวียนพลังงานนี้คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระบบไฟฟ้าของรถและตัวกำเนิดไฟฟ้าให้ผลิตไฟฟ้าในลักษณะที่ยืดหยุ่น ผลผลิตของตัวกำเนิดไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นระหว่างที่เครื่องยนต์อยู่ในสภาวะโหลดต่ำ อาทิเช่น เมื่อลดอัตราเร่งลงพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อเครื่องยนต์อยู่ในสภาวะ under load ผลิตผลจากตัวกำเนิดไฟฟ้าจะลดลง และทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์มากขึ้นในขณะที่แบตเตอรี่ทำการเก็บพลังงานไว้สำหรับทดแทน
สำหรับรุ่นคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) และ จีที สปีด (GT Speed) นี้จะมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 14.5 ลิตร/100 กิโลเมตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 338 กรัม/กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับการรับรอง) ซึ่งถือได้ว่าเป็นประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับรุ่น 12 สูบ แกรนด์ทัวเร่อร์ อีกด้วย สำหรับรุ่นจีทีซี (GTC) นั้นมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ 14.9 ลิตร/100 กิโลเมตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 347 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น
ด้วยแนวคิดการพัฒนาให้รถมีความประหยัดมากขึ้นเช่นนี้ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของรุ่นจีที (GT) และ จีทีซี (GTC) รุ่นมาตรฐานด้วยเช่นกัน โดยรุ่นจีที (GT) มาตรฐานนั้นมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.5 วินาที โดย สำหรับรุ่นจีทีซี (GTC) ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกันด้วยคือ อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลา 4.7 วินาที เท่านั้น

ตัวถัง :
จีที สปีด (GT Speed) – ต่ำลง
เพิ่มความคล่องตัวให้กับระบบช่วงล่าง สะดวกสบายและปราณีต
คอนติเนนทัล จีที สปีด (Continental GT Speed) ใหม่ล่าสุดรุ่นนี้ได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาทั้งระบบฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ของตัวถังใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ได้มาซึ่งศักยภาพการขับขี่แบบสปอร์ตและเหมาะสมกับระบบการขับเคลื่อนที่มีความเร็วสูง ทางด้านหน้าจะติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่อลูมิเนียม และทางด้านหลังจะติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบ trapezoidal multi-link รวมถึงการเสริมทัพด้วยระบบช่วงล่างสปริงแบบถุงลม เพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวและการควบคุมตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบจะทำการปรับเปลี่ยนระดับของช่วงล่างโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำการตรวจสอบความสูงของตัวรถและช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวถนน ตำแหน่งของรถจะลดต่ำได้มากขึ้นอีก 10 มิลลิเมตร หากเทียบกับคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) รุ่นมาตรฐานอีกด้วย
การควบคุมการรักษาเสถียรภาพของรถที่แม่นยำ
และให้ผู้ขับขี่มีส่วนร่วมมากที่สุด
ระบบควบคุมการรักษาเสถียรภาพของรถด้วยไฟฟ้าหรือ Electronic Stability Control (ESC) system ได้ถูกใช้งานและใช้ร่วมกับระบบการจัดการเครื่องยนต์ ME17 (ME17 engine management system) ใหม่ล่าสุดได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ระบบ ESC จะถูกตั้งค่าอยู่ในโหมด “Dynamic Mode” เพื่อให้ล้อรถนั้นทำงานดีขึ้นเมื่อต้องอยู่ในความเร็วสูงเพื่อการตอบสนองต่อแรงบิดของเครื่องยนต์ให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และด้วยระบบเหล่านี้เองที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถค้นหาศักยภาพของการตั้งค่าตัวถังและพละกำลังเครื่องยนต์ที่สูงได้ การตอบสนองของพวงมาลัยต่อผู้ขับขี่ได้รับการพัฒนาด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีระบบควบคุมช่วงล่างอย่าง Continuous Damping Control (CDC) system เข้ามาช่วยทำงานอย่างระมัดระวังในการปรับเปลี่ยนช่วงล่างให้เหมาะสมและเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่อย่างสูงสุด

พละกำลังการเบรกและหยุดรถที่เหนือชั้น
เบรกของจีที สปีด (GT Speed) ใหม่ล่าสุดติดตั้งจานเบรกแบบ Cast iron และคาลิปเปอร์เบรก 8 สูบ โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 405 มิลลิเมตร ทางด้านหน้าและ 305 มิลลิเมตร ทางด้านหลังมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ และหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและพละกำลังการเบรกให้มากขึ้นไปอีก ท่านยังสามารถเลือกติดตั้งจานเบรกแบบ cross-drilled Carbon Silicon-Carbide (CSiC) ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 420 มิลลิเมตร ทางด้านหน้าและ 356 มิลลิเมตร ทางด้านหลังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ระบบเบรกนี้จะช่วยให้ลดน้ำหนักของรถลง 20 กิโลกรัมหากเทียบกับเบรกแบบมาตรฐาน จานเบรก CSiC ยังมีอายุการใช้งานตลอดชีพ ในขณะที่ผ้าเบรกมีอายุใช้งานนานเป็น 2 เท่าหากใช้รถในสภาวะปกติทั่วไปอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ จีที สปีด (GT Speed) คันนี้ยังเสริมทัพด้วยระบบเสริมอื่นๆ เข้ามาเป็นระบบมาตรฐานเพื่อประสิทธิภาพในการเบรกที่เต็มพิกัดด้วยเช่นกัน อาทิเช่น ระบบ ABS, ระบบ Electronic Brake Force Distribution, ระบบ Hydraulic Brake Assistance, ระบบ Drag Torque Control และระบบ aquaplane detection เป็นต้น

ขับเคลื่อนสี่ล้อ – ประสิทธิภาพที่เหนือชั้นตลอดกาล
สำหรับคอนติเนนทัล (Continental) ทุกรุ่นที่มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่มีชื่อเสียงของเบนท์ลี่ย์จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่กระจายแรงบิดไปทางด้านหลังมากกว่าโดยอยู่ที่ 60% ทางด้านหลัง และ 40% ทางด้านหน้า ซึ่งเผยโฉมออกมาครั้งแรกในรุ่นซูเปอร์สปอร์ต (Supersports) ด้วยระบบขับเคลื่อนที่เหนือชั้นนี้เองที่ทำให้ ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและรักษาความสมดุลของรถได้อย่างดีเยี่ยม การกระจายแรงบิดไปทางด้านหลังมากกว่านั้นช่วยในเรื่องของการลดการเกิดอาการปัดหรือ understeer ระหว่างการเข้าโค้ง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังช่วยให้รถมีสมรรถนะการเกาะถนนและการทรงตัวได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกๆ สภาวะอากาศและทุกๆ พื้นผิวถนนนั่นเอง
รูปลักษณ์ของตัวรถ
ตัวรถที่ได้รับการออกแบบให้เต็มไปด้วยสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นถึงความเป็นสปีดที่โดดเด่น เอกลักษณ์ของความเป็นคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) คือการสร้างความสมดุลระหว่างพละกำลังเครื่องยนต์และความสง่างามให้เข้ากันและสร้างระบบขับเคลื่อนให้มีความโดดเด่นเร้าใจและทนทานต่อการใช้งาน ส่วน DNA และ สายพันธุ์ความเป็นเบนท์ลี่ย์อย่างคลาสสิคจะถูกส่งผ่านเส้นสายของรถที่ตระการตาตั้งแต่ด้านหน้าไปยังด้านหลัง
เทคโนโลยี superforming ชั้นนำได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างความร้อนและแรงกดอากาศเพื่อสร้างกันชนหน้าให้ออกมาอย่างปราณีต และมีเส้นสายของรถที่วาดลวดลายอย่างสวยงามเป็นชิ้นเดียว ชิ้นส่วนของรถสร้างจากอลูมิเนียม อัลลอยด์ที่ใช้ในการสร้างเครื่องบินเกรด 5083 เลยทีเดียว ด้วยเทคนิคการสร้างโครงสร้างตัวรถนี้เองที่ส่งผลให้เส้นสายของรถมีความปราณีตในทุกๆ ส่วนของการออกแบบภายนอก เส้นสายและส่วนโค้งต่างๆ ของรถคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถรุ่นคอนติเนนทัล R-Type ที่โด่งดังเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 1950s นั่นเอง

ด้วยรูปทรงที่สง่างามมากขึ้นและเหมาะสมกับคำว่าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จีที สปีด (GT Speed) ยังเสริมทัพความโดดเด่นด้วยล้อขนาด 21 นิ้วแบบ 10 ก้านคู่ ที่ได้รับการเคลือบสีให้เข้มและมาพร้อมกับยางขนาด 275/35 ZR21 ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับรุ่นจีที สปีด (GT Speed) คันนี้เท่านั้น กระจังหม้อน้ำรถยนต์ด้านหน้าแบบแมทริกซ์และกันชนด้านหน้าได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดักอากาศและนำรูปแบบการออกแบบจากรถเบนท์ลี่ย์ที่ชนะการแข่งขัน Le Mans ในปี 1920s มาใช้เพื่อเพิ่มความดุดันและความเป็นสปอร์ตให้กับด้านหน้ารถให้มากขึ้น
ทางด้านหลังรถจีที สปีด (GT Speed) คันนี้ท่านจะได้สัมผัสกับปลายท่อแบบ Rifled ใหม่ล่าสุดที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์พิเศษสำหรับจีที สปีด (GT Speed) เท่านั้น อีกทั้งยังผสมผสานเข้ากับกรอบโคมไฟหลังแบบโครเมี่ยมที่ โดดเด่นและเริ่มนำมาใช้กับรุ่นคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) และคอนติเนนทัล จีทีซี (Continental GTC) เมื่อไม่นานมานี้ได้อย่างลงตัว สัญลักษณ์ W12 ใหม่ล่าสุดได้รับการประดับเข้าไปบนเครื่องยนต์ 6.0 ลิตรของรุ่นคอนติเนนทัล (Continental) นี้ ภายใต้ฝากระโปรงนั้นท่านจะได้พบกับเครื่องยนต์แบบ twin-turbocharged สีดำเพิ่มความดุดันให้กับรูปลักษณ์ของเครื่องยนต์
ชุดแต่งพิเศษ Mulliner Styling Specification
พร้อมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบมันเงา
คอนติเนนทัล (Continental) 2 ประตูทุกรุ่นสามารถเลือกติดตั้งแพ็คเกจชุดแต่ง Mulliner Styling Specification ได้ ไม่เพียงเท่านี้ยังมี “Classic Pack” ที่สามารถเลือกติดตั้งที่ตัวแทนจำหน่ายได้ โดยจะรวมไว้ด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ดังนี้:


• ตะแกรงคู่บนกันชนด้านหน้า
• คิ้วกันชนหน้า
• กาบบันไดข้าง
• แผ่นครีบกันชนหลัง
สำหรับชิ้นส่วนที่ติดตั้งมาแล้วนั้นจะรวมถึงกระจกข้างบนประตูแบบคาร์บอนไฟเบอร์ สปอยเลอร์หลังในรูปแบบคาร์บอนไฟเบอร์ และล้อขนาด 21 นิ้วแบบ “Elegant” สีดำสนิท เป็นต้น
สีภายนอกของรุ่นคอนติเนนทัล (Continental) นี้มีให้เลือกถึง 17 สีเป็นสีมาตรฐาน ไม่เพียงเท่านี้ยังมีสีอีกกว่า 100 สีให้เลือกเพิ่มเติมเป็นสีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสีแบบเข้มสนิท สีเมทัลลิค หรือสีแบบซาติน และหากลูกค้าต้องการสีที่พิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทางเบนท์ลี่ย์ยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการพ่นสีพิเศษนี้ให้กับลูกค้าได้เช่นกัน
รูปลักษณ์ภายในห้องโดยสาร
จีที สปีด (GT Speed) – โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ล้วนทำจากงานหัตถกรรมร่วมสมัยชั้นเยี่ยม และเป็นห้องโดยสารที่สปอร์ตและหรูหราถึงแม้จีที สปีด (GT Speed) จะเต็มไปด้วยความเป็นสปอร์ตอย่างเต็มพิกัด แต่ภายในห้องโดยสารของรถแกรนด์ทัวร์เร่อร์ (Grand Tourer) คันนี้ล้วนทำจากงานหัตถกรรมและงานฝีมือชั้นเยี่ยม และแต่ละชิ้นส่วนและใช้วัสดุชั้นนำเท่านั้น ภายในห้องโดยสารเต็มไปด้วยสัมผัสแห่งความเป็นเบนท์ลี่ย์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสแห่งความนุ่มนวล เนื้อไม้ที่ได้รับการขัดและเจียระไนมาอย่างดี รวมไปถึงโลหะต่างๆ เมื่อสัมผัสแล้วจะให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย ต่างล้วนแล้วแต่รวมกันเป็นงานหัตถรรมชั้นเยี่ยมจากเบนท์ลี่ย์



จีที สปีด (GT Speed) ใหม่ล่าสุดคันนี้ ติดตั้งชุดแต่งภายในที่หรูหราแบบสปอร์ตอย่าง Mulliner Driving Specification มาด้วย เบาะได้รับการตกแต่งให้ออกมาในลวดลายที่ตัดกันเหมือนรูปเพชร พร้อมด้วยการฉลุหนังทั้งสี่ที่นั่ง ลายประตู และแผงทางด้านหลัง ไม่เพียงเท่านี้ยังสามารถเลือกสลักโลโก้เบนท์ลี่ย์ไว้ตรงที่พักศีรษะของเบาะนั่งได้อีกด้วยหากต้องการ
ก้านเกียร์สปอร์ตได้รับการออกแบบให้เต็มไปด้วยความคลาสสิค ในขณะที่แป้นคันเร่งออกมาในรูปแบบสปอร์ตอัลลอยด์ แผงไม้ Dark Stained Burr Walnut หรือ Piano Black ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วยเช่นกัน
วัสดุและงานฝีมือของแผงหน้าปัดแบบ ‘Old Number One’ ที่ใช้ใน Speed Six รุ่นที่ชนะการแข่งขัน Le Mans 24 Hour races ถึง 2 สมัยได้ถูกนำมาใช้ในรถคันนี้เช่นกัน แผงหน้าปัดมีให้เลือก 2 รูปแบบนั่นคืออลูมิเนียมแบบ Bright ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรุ่นคอนติเนนทัล จีที สปีด (Continental GT Speed) หรืออลูมิเนียมแบบ Dark Tint ที่เข้ากับโทนสีของตะแกรงระบายอากาศที่ออกมาในรูปแบบ Dark tint ได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งตัวเลือกที่เบนท์ลี่ย์นำแรงบันดาลใจจาก Le Mans มาใช้ คือการเลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์สำหรับหลังคา คอนโซลกลาง และใช้การเคลือบซาตินที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อลดการสะท้อนเงา
สีหนังภายในมีให้เลือกถึง 17 สี และยังสามารถเลือกสีสองสีหรือ Duo-tone ที่เป็นสีภายในเฉพาะของ จีที สปีด (GT Speed) ได้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถเลือกลายตะเข็บที่เป็นสีตัดกันเพื่อความโดดเด่นได้ รวมไปถึงขอบพวงมาลัยที่สามารถเลือกขอบลายตะเข็บสีตัดกันได้ด้วยเช่นกัน
เทคโนโลยีให้ความบันเทิงชั้นนำ
หนึ่งคุณลักษณะเด่นของระบบให้ความบันเทิงคือระบบหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว โดยมีหน่วยความจำถึง 30 GB มาพร้อมกับระบบค้นหาเส้นทางโดยดาวเทียม “Personal Points of Interest” ซึ่งระบบนี้จะอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยผู้ใช้งานสามารถบันทึกเส้นทางเข้าสู่ระบบได้ (อาทิเช่น ร้านอาหารที่เฉพาะเจาะจง)

หน้าจอระบบสัมผัสจะแสดงผลระบบเสียงของรถ การใช้งานโทรศัพท์ การตั้งค่าการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับขี่แบบสะดวกสบายหรือโหมดธรรมดา และระบบข้อมูลการค้นหาเส้นทาง โดยระบบนี้จะทำงานผ่านทั้งหน่วยความจำและ DVD Player เพื่อเข้าสู่ข้อมูลเส้นทางที่ต้องการ
ลำโพงได้รับการติดตั้งมา 8 ตัวเป็นมาตรฐานให้กับรถ อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Balanced Mode Radiator technology เพื่อความถี่ของเสียงที่เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ยังมีระบบเสียง Naim ระบบเสียงระดับพรีเมี่ยมสำหรับรถเบนท์ลี่ย์ที่มาพร้อมกับลำโพง 11 ตัวที่พร้อมจะผลิตเสียงคุณภาพชั้นนำให้กับทุกตำแหน่งของที่นั่งภายในห้องโดยสารให้สามารถเลือกติดตั้งได้
เสียงเพลงสามารถเรียกฟังและควบคุมโดยตรงผ่านจากหลายแหล่งและหลายระบบได้ อาทิเช่นจาก iPod? หรือเครื่องเล่น CD แบบ 6 แผ่น หรือเครื่องอ่านการ์ดหน่วยความจำแบบ SD หรือเรียกใช้งานโดยตรงจาก hard drive ของรถที่มีหน่วยความจำในการเก็บข้อมูลเพลงถึง 15GB เลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ยังมีระบบ DAB digital radio ที่สามารถเรียกใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
สามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ ได้จาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ พร้อมให้บริการรถเบนท์ลี่ย์ของท่าน และซื้อรถยนต์เบนท์ลี่ย์จากทางเอเอเอสฯ เท่านั้นที่สามารถได้สิทธิ์การรับประกันจากโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมการบริการดูแลและบำรุงรักษารถยนต์เบนท์ลี่ย์จากผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ตลอด 5 ปี (5 Years Free Service Package) มากกว่านั้นเอเอเอสฯ ยังมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงตลอดระยะเวลารับประกัน และบริการสายด่วนให้คำแนะนำปรึกษาทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง* โดยรถยนต์เบนท์ลี่ย์ที่ซื้อจากทางเอเอเอสฯเท่านั้น ที่จะสามารถเข้ารับบริการจากศูนย์บริการของทางเอเอเอสฯ ได้ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ ได้ที่โทร. 02-522-6703 หรือ 02-610-9911 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.bentleymotors.com
ทดสอบรถ New Bentley Continental GT V8 (มี VDO)/ที่มา :
https://www.auto-thailand.com/TestDrive/New-Bentley-Continental-GT-V8.html