เป้าหมายในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ของ อาวดี้ ไม่ได้เพียงแค่เน้นความประหยัด การไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นสิ่งที่ทุกวงการทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ความสำคัญเท่านั้น แต่แนวคิดในการพัฒนา รถพลังงานไฟฟ้ามีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ จะต้องเป็นรถที่มี DNA ของอาวดี้ Vorsprung Durch Technik ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบาย สมรรถนะทรงพลัง อารมณ์สปอร์ต ที่สำคัญความสามารถในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้พลังงานชนิดใดก็ตาม นั่นจึงทำให้ Audi e-tron รถพรีเมียมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของอาวดี้ มีความสมบูรณ์และพร้อมที่จะตอบสนองในทุกการใช้งาน สามารถเดินทางได้ถึง 417 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP การที่สามารถใช้งานได้ระยะทางไกล มาจากประสิทธิภาพในการชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี ทั้งในช่วงการชะลอความเร็ว การเบรก รวมไปถึงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วลอยตัว (coasting) สำหรับแบตเตอรีลิเธียม ไอออน มีขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง 396 โวลต์ มีน้ำหนักรวม 700 กก. แต่มีขนาดกะทัดรัด โดยใช้พื้นที่ในการจัดวางขนาด 2.28 x 1.63 x 0.34 เมตร เท่านั้น การชาร์จไฟ ทำได้ทั้งการชาร์จด้วยไฟบ้านสูงสุด 11 กิโลวัตต์ และมีออปชั่นเพิ่มเป็น 22 กิโลวัตต์ โดยระยะเวลาในการชาร์จ 16 แอมป์ – 3 เฟส ใช้เวลา 9 ชั่วโมง ประจุไฟฟ้าได้จาก 0 – 100 % และในการชาร์จกระแสไฟตรง 150 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จประจุไฟฟ้าได้ จาก 0 – 80 % ภายในเวลา 30 นาที


e-motors ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง
สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยม
Audi e-tron ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ควบคุมการทำงานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยส่งกำลังโดยตรงไปยังล้อทั้ง 4 ทำให้มีความฉับไวในการถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ (single gear) ส่งผลให้รถออกตัวได้รวดเร็ว มีอัตราเร่งที่น่าพอใจ มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกันสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 664 นิวตันเมตร ทำให้มันมีสมรรถนะที่ไม่ต่างจากรถสปอร์ต โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.7 วินาที (บูสต์โหมด) และทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม.ไดชาร์จและไดสตาร์แต่ละหน่วยจะถูกควบคุมด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในการแปลงพลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งผสมผสานการทำงานร่วมกับระบบควบคุมการขับขี่ มอเตอร์ไฟฟ้าจะถ่ายทอดกำลังโดยตรงไปยังล้อ ควบคู่ไปกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) ที่จะเสริมสร้างให้การออกตัวในลักษณะเร่งแซงมีประสิทธิภาพและสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ขับสนุก มั่นใจได้ทุกการเดินทาง
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ quattro ที่ประกอบด้วยโหมด Auto, Dynamic และ Off-road พร้อมปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับในทุกสถานการณ์ ในสภาพการขับขี่ ปกติระบบจะประมวลผลการใช้พลังงานในระดับต่ำ ที่เพียงพอสำหรับการขับเคลื่อน เพื่อประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า จากข้อมูลการขับขี่ในขณะนั้น และเตรียมพร้อมสำหรับปรับเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังระหว่างเพลาหน้าและหลังได้อย่างอิสระเพียงเสี้ยววินาที ให้เหมาะสมในแต่ละสภาพการขับขี่ โดยสูญเสียพลังงานน้อยที่สุด เร้าใจ สุขกับทุกจังหวะการขับขี่จากโหมด ESC Sport และ ESC Off

นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่อย่างชาญฉลาด Energy Recuperation
ด้วยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และผลิตพลังงาน Audi e-tron ได้พัฒนาวิธีการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (recuperation) จากพฤติกรรมการขับขี่ 2 รูปแบบ ที่จะก่อกำเนิดให้มีพลังงานในระบบเพิ่มขึ้น เพื่อที่ผู้ขับขี่จะสามารถเดินทางได้ระยะทางมากกว่าเดิม
• พลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว (coasting) เมื่อผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจาก คันเร่ง กำลังของการชะลอความเร็วรถจะลดลงสูงสุดที่ 0.1 g โดยมีการนำพลังงานส่วนเกิน กลับมาใช้ใหม่ 3 ระดับ ผ่านการตั้งค่าจากแป้น paddle shifts ที่ติดตั้งหลังพวงมาลัย
ระดับที่ 1 การปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว
ระดับที่ 2 การชะลอความเร็วในระดับปานกลาง
ระดับที่ 3 การชะลอความเร็วในระดับสูง
นอกจากนั้นแล้ว ผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะตั้งระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่โดยอัตโนมัติ ผ่านฟังก์ชั่น Predictive efficiency assist (PEA) ในระบบ MMI ได้อีกด้วย จากการประมวลผล และควบคุมการเคลื่อนที่เชิงฟิสิกส์ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วของรถได้จากการถอนเท้าออกจากคันเร่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรกได้
• พลังงานจากการเบรก เมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรก กำลังของการชะลอความเร็วรถ จะลดลงถึง 0.3 g ระบบควบคุมการเบรกจะให้การตอบสนองเสมือนการเหยียบแป้นเบรกปกติ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กำลังของการชะลอความเร็วรถลดลงมากกว่า 0.3 g จะทำให้แรงเสียดทานของเบรกไฮดรอลิกทำงานโดยอัตโนมัติ

ดุดัน โดดเด่นด้วยแอโร่ ไดนามิค
Audi e-tron มีขนาดตัวถังยาว 4.9 เมตร กว้าง 1.94 เมตร สูง 1.62 เมตร มีฐานล้อยาว 2.93 เมตร และมีรูปลักษณ์ของ เอสยูวี เต็มรูปแบบ ทั้งความดุดันของรูปทรงตัวถัง หลังคาแบบแฟลทรูฟ เสา ดี พิลลาร์ ที่มีความแข็งแรง และมีแผ่นป้องกันการกระแทกติดตั้งใต้ท้องรถ กระจังหน้าแบบชิ้นเดียวสีเทาอ่อน ไฟหน้าเรียว ดุดัน ไฟท้ายแนวกว้างเชื่อมต่อกันจากซ้าย-ขวา และแน่นอน ไม่มีท่อไอเสียให้เห็นแต่อย่างใด สำหรับแบตเตอรีแรงดันสูง ออกแบบการติดตั้งให้เป็นส่วนหนึ่งของเฟรมรถ เพื่อไม่ให้รบกวนพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร และเพื่อเสริมความแข็งแรง และปลอดภัยในการใช้งาน และการติดตั้งแบตเตอรีไว้บริเวณกลางตัวรถ ทำให้รถมีการจ่ายน้ำหนักที่สมดุล ส่งผลต่อการขับขี่รถ ที่ให้อารมณ์สปอร์ต และการควบคุมรถที่ทำได้ง่าย ทั้งนี้โครงสร้างตัวถัง มีส่วนประกอบจาก อลูมิเนียมจำนวนมาก ร่วมกับเหล็กแรงดึงสูง ซึ่งทำให้น้ำหนักของรถอยู่ที่ 2,490 กก. นอกจากนี้การออกแบบยังคำนึงหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งมีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ และประหยัดพลังงาน โดยค่าซีดี เมื่อรวมกระจกมองข้างอยู่ที่ 0.28 หากไม่มีกระจกเหลือ 0.27 ซึ่งเป็นค่า ซีดี ที่ดีที่สุดในกลุ่มรถเอสยูวี และยังมีผลให้ e-tron มีความเงียบในห้องโดยสารที่โดดเด่น


ห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา
ระบบควบคุมและจอแสดงผลล้ำสมัย ใช้งานง่าย
Audi e-tron เป็นรถขนาด 5 ที่นั่ง และมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย 600 ลิตร และสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 1,725 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลง และยังมีที่เก็บสัมภาระด้านหน้าอีก 60 ลิตร ระบบ MMI Touch Response หน้าจอดิสเพลย์ MMI แบบทัชสกรีน ขนาด 8.6 และ 10.1 นิ้ว มีฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียง เพิ่มความสะดวก และเพลิดเพลินในการใช้งาน กล้องแสดงภาพด้านข้าง (Virtual exterior mirrors)* นวัตกรรมแห่งเทคโนโลยีด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย สัมผัสประสบการณ์ใหม่จากกล้องแสดงภาพด้านข้าง ที่จะแสดงผลบนหน้าจอ OLED ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นควบคุมแบบสัมผัส ที่ติดตั้งบริเวณแผงประตูซ้าย-ขวา เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้มองเห็นภาพด้านข้างตัวรถที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้อยู่ในสภาวะการเดินทางที่ไม่เอื้ออำนวย (*อุปกรณ์สั่งพิเศษ กรุณาสอบถามข้อมูลรายละเอียดผู้จำหน่าย Audi อย่างเป็นทางการ) ระบบนำทางแสดงภาพคมชัด ติดตั้งระบบอาวดี้ คอนเนคท์ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ทั้งระบบช่วยการขับขี่ในเมือง ระบบช่วยจอด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ผลิตจากโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Audi e-tron 55 quattro เป็นรถยนต์นำเข้าและผลิตจากโรงงานของอาวดี้ในเมือง บรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในโรงงานเป็นของตนเอง อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคด้วย และโรงงานผลิตรถยนต์แห่งนี้ ยังเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พรีเมียมแห่งแรก ที่ได้รับการรับรองให้เป็นโรงงานคาร์บอนนิวทรัล ขณะที่อาวดี้มุ่งให้โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานที่มีคาร์บอนเป็นศูนย์ด้วย
เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันยอดจองทั่วโลก 20,000 คัน
Audi e-tron เป็นยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100 % รุ่นแรกของ Audi เปิดตัวครั้งแรกในโลก ในเดือนกันยายน 2561 ที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเปิดตัวในยุโรป เมื่อต้นปี 2562 อาวดี้ตั้งเป้าว่าก่อนปี 2025 จะพัฒนาให้รถยนต์รุ่นหลักๆให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า และภายในปี 2025 หนึ่งในสามของยนตกรรมที่ส่งมอบให้ลูกค้าจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือประมาณ 800,000 คัน ปัจจุบัน Audi e-tron มียอดจองกว่า 20,000 คันทั่วโลก และวางอนาคตเข้าสู่การพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า 14,000 ล้านยูโร เรียบร้อย
เปิดตัวในไทย ก้าวแรกครั้งสำคัญ
รุ่นที่เปิดตัวในประเทศไทย เป็นครั้งแรกในประเทศไทย คือ Audi e-tron 55 quattro ในราคา 5,099,000บาท พร้อมเกิดพันธกิจความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ข้ามธุรกิจครั้งสำคัญ “Dare to Change” ระหว่าง อาวดี้ ประเทศไทย และบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำครบวงจรของไทย เพื่อยกระดับกรีนอีโคซิสเต็ม และสนองนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น Smart City ซึ่งบริษัท “แสนสิริ” ได้ตกลงเป็นลูกค้ารายแรก ที่สั่งจอง Audi e-tron เพื่อนำร่องเปลี่ยนรถผู้บริหารของแสนสิริให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปีนี้
Audi e-tron 55 quattro มีให้เลือก 6 สี คือ สีดำ สีขาวกลาเซีย สีเทา สีน้ำเงินกาแล็คซี่ และสีSiam beige