ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 รถแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้มีความโดดเด่นทันสมัยครบทุกมิติ ด้วยแนวคิดสำคัญ ได้แก่ การออกแบบโครงสร้างตัวรถใหม่ ให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งขุมพลังใหม่ ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและความสนุกสนานในการขับขี่ และเสริมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
*** ติดตามการทดสอบ ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ พร้อมคลิป VDO ได้ที่นี่... ***
https://www.auto-thailand.com/TestDrive/Test-All-New-Honda-Jazz-2014-Pattaya-Rayong-Testdrive-VDO.html
การออกแบบภายนอก
แจ๊ซ ใหม่ ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกแบบ Crossfade Monoform สะท้อนถึงความปราดเปรียว เปี่ยมไปด้วยพลัง ด้วยการออกแบบเส้นสาย Character Line ด้านข้างตัวรถที่คมชัด จึงเพิ่มความปราดเปรียวให้กับส่วนบน ในขณะที่ส่วนล่างยังให้ความแข็งแกร่ง มั่นคง นับเป็นการออกแบบที่ผสานกันได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ ไฟหน้ารูปทรงเพรียวบาง ที่ออกแบบอย่างกลมกลืนกับกระจังหน้า ช่วยเพิ่มมิติความกว้าง โฉบเฉี่ยว และสะดุดตา มาพร้อมสเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์หลัง ส่วนไฟท้ายแบบแอลอีดีที่ออกแบบให้เชื่อมไปยังฝากระโปรงท้าย ยังช่วยเพิ่มความหรูหราและล้ำสมัยยิ่งขึ้น
รูปลักษณ์ใหม่ สดใสและดูสปอร์ต :
แจ๊ซ ใหม่มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ที่สดใส และดูสปอร์ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์แห่งพลังของการขับเคลื่อน และการบังคับควบคุมรถ งานออกแบบตลอดทั้งคันยังเน้นไปที่ความเพรียวลมและประโยชน์ใช้สอย ซึ่งถูกรวบรวมเข้ากับแนวเส้นสายตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงด้านหลัง และเส้นที่อยู่บนฝากระโปรงและแนวหลังคา รวมถึงโดยรอบคันรถซึ่งสื่อให้เห็นถึงพลัง
กระจกมองข้างสไตล์ทูโทน : ในรุ่นใหม่นี้มีการออกแบบกระจกมองข้างใหม่ในแบบทูโทนด้วยการจับคู่โทนสีดำเข้ากับสีตัวถัง และตัวกรอบกระจกยังได้รับการออกแบบให้ลดการต้านลมซึ่งจะส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันและการลดเสียงดังที่เข้าสู่ห้องโดยสาร ส่วนฐานและตัวยึดกระจกยังถูกออกแบบใหม่เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยที่ดีในการมองเห็นรอบด้าน
ไฟ : ไฟหน้าเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ซึ่งรวมชุดไฟเลี้ยวที่มาพร้อมกับเลนส์ใสและหลอดสีเหลืองอำพัน นอกจากส่วนไฟท้ายซึ่งประกอบด้วยชุดไฟท้าย ไฟเบรกที่ใช้หลอดแอลอีดี และไฟเลี้ยว ในแจ๊ซ ใหม่ยังมีไฟตัดหมอก (รุ่น SV, SV+) ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บนกันชนหน้า เช่นเดียวกับการติดตั้งไฟเลี้ยวอีกชุดเอาไว้บนกรอบของกระจกมองข้าง (รุ่น SV, SV+)
กระจกบังลมหน้าให้ทัศนวิสัยที่ดี : กระจกบังลมหน้าของแจ๊ซมาพร้อมกับพื้นที่หน้าตัดขนาดใหญ่ซึ่งจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีให้กับผู้ขับ และให้สัมผัสที่ปลอดโปร่งสำหรับผู้โดยสาร ทัศนวิสัยที่ดีสำหรับด้านหน้าถือเป็นจุดเด่นสำคัญของงานออกแบบของฮอนด้า และเป็นประเด็นสำคัญของแจ๊ซ ที่จะต้องมีเส้นสายตาที่ดีทั้งด้านหน้าและด้านหลังสำหรับผู้ขับ ซึ่งก็รวมถึงระดับของการมองเห็น
ล้อ : แจ๊ซ ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วที่ได้รับการออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวด้วยแนวเส้นตลอดทั้งวง พร้อมยางขนาด 185/55 R16 (รุ่น SV, SV+) ส่วนล้อขนาด 15 นิ้ว (รุ่น V, V+ เป็นอัลลอย รุ่น S MT/AT เป็นล้อกระทะ) มาพร้อมกับยางขนาด 175/65 R15 (รุ่น S, V, V+) โดยยางอะไหล่จะมีความกระทัดรัดด้วยขนาด T135/80 D15 ซึ่งจะติดตั้งอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
การออกแบบมุมมองด้านหน้า : Solid Wing Face คือ เอกลักษณ์การออกแบบใหม่สำหรับรถยนต์ของฮอนด้า แนวเส้นกระจังหน้า และไฟหน้าถูกเชื่อมต่อกัน ซึ่งให้ความรู้สึกเฉียบคมและเรียบหรู
การออกแบบภายในห้องโดยสาร
จากแนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสาร แบบ Futuristic Cockpit จึงให้ความรู้สึกล้ำสมัย และสนุกสนานในการขับขี่ โดยการจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum ในการออกแบบ ทำให้ความยาวของตัวถังรถและฐานล้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ และมีพื้นที่โดยสารตอนหลังที่กว้างขึ้น ซึ่งฐานล้อที่ยาวขึ้นนี้ยังช่วยให้การยึดเกาะถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ห้องโดยสารที่มีความยาวเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถปรับพับเบาะแบบอัลตร้า ซีทได้หลากหลายรูปแบบ และมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ตอบสนองการใช้งานในทุกรูปแบบได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
โดดเด่นทุกฟังก์ชั่น ตอบสนองทุกความต้องการ
แจ๊ซ ใหม่ โดดเด่นในทุกฟังก์ชั่น ตอบสนองได้ทุกความต้องการ ได้แก่
1. Advanced Multi-Function
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในขณะขับขี่ ควบคุมทุกการใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ได้แก่
• ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+)รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI (เฉพาะ V+, SV และ SV+) รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri Eyes Free Mode (สำหรับ iPhone 4s ขึ้นไปและมีเฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+) รองรับการเชื่อมต่อ HondaLink Application (เฉพาะ Smart Phone บางรุ่น) จอแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+)
• มาตรวัดเรืองแสง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (เฉพาะรุ่น V, V+, SV และ SV+)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ One Push Ignition System (เฉพาะรุ่น V, V+, SV และ SV+)
• ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ Honda Smart Key System (เฉพาะรุ่น V, V+, SV และ SV+)
• พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ให้การควบคุมทุกสิ่งได้ดั่งใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)
สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+)
2. Advanced Multi-Drive
ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่แรงเร้าใจของเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น พร้อมให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ทั้งยังตอบสนองทุกการขับขี่ได้อย่างสนุกมากขึ้น ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และรองรับพลังงานทางเลือก E85
เกียร์แบบ CVT รุ่นใหม่ พร้อม G-Design Shift : แจ๊ซ ใหม่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT รุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology โดยจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพในการขับขี่ และความประหยัดน้ำมัน อัตราทดเกียร์ที่อยู่ในช่วงกว้างจะช่วยทำให้การขับเคลื่อนมาพร้อมกับแรงบิดที่สูงในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลง ดังนั้น จึงช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน ขณะเดียวกัน อัตราทดเกียร์ที่กว้างนี้ยังช่วยเพิ่มกำลังในช่วงเร่งเครื่องตอนออกตัวเมื่อทำงานร่วมกับ G-Design Shift ซึ่งเป็นระบบควบคุมการทำงานของเกียร์ ลิ้นปีกผีเสื้อ และการควบคุมระบบไฮดรอลิก ทำให้สามารถตอบสนองทันทีที่กดคันเร่ง และคงความยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดกำลังอย่างมั่นใจและต่อเนื่องในระหว่างที่กำลังเร่งเครื่องยนต์ เพื่อให้สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของการขับขี่ในสไตล์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ชุดเกียร์ CVT แบบใหม่ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบายังมาพร้อมกับสายพานที่มีความทนทาน และน้ำมันแบบพิเศษสำหรับเกียร์ CVT จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และส่งผลต่อเนื่องไปยังการเพิ่มความประหยัดน้ำมัน และการตอบสนองต่ออัตราเร่งที่ทันใจและต่อเนื่อง
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบ Eco Coaching (เฉพาะรุ่น V, V+, SV และ SV+) ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน รวมทั้งปุ่ม Econ Mode (เฉพาะรุ่น S AT, V, V+, SV และ SV+) เป็นระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ให้ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมกับอุณหภูมิภายนอกรถ เพื่อช่วยควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
3. Advanced Multi-Safety
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ให้ความมั่นใจตลอดการเดินทางด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยให้การบังคับพวงมาลัยเมื่อต้องการเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) เพิ่มการยึดเกาะถนน ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยของรถระดับพรีเมียม อาทิ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags (เฉพาะรุ่น SV+) กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน
4. Advanced Multi-Utility
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ ได้รับการออกแบบให้ตอบรับทุกการใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งแบบอัลตร้า ซีท เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายให้มีขนาดใหญ่และยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่
• Utility Mode : พับเบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลังได้มากถึง 906 ลิตร
• Long Mode : พับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาวได้ถึง 2,480 มิลลิเมตร
• Tall Mode : พับเบาะด้านหลังขึ้น ขยายเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูงได้ถึง 1,280 มิลลิเมตร
• Refresh Mode : พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด
พร้อมที่วางแก้วน้ำมากสุด 9 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น S, V และ V+) ที่วางโทรศัพท์มือถือ และกล่องเก็บ
แท็บเล็ต (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)
ระบบแชสซีส์ :
แจ๊ซ ใหม่ มาพร้อมแชสซีส์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ทำให้พื้นตัวถังมีน้ำหนักเบาขึ้น แต่แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการติดตั้งจุดยึดระบบช่วงล่างที่มีความแข็งแกร่ง การออกแบบระบบกันสะเทือนด้านหน้าและหลังใหม่ การปรับเซ็ตช็อคอัพรวมถึงสปริง และการลดอาการ Unsprung weight ล้วนถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพในการขับขี่
ระบบกันสะเทือนหน้าใหม่มาพร้อมกับเหล็กกันโคลง :
ระบบช่วงล่างหน้าได้รับการออกแบบใหม่และปรับแต่งเพื่อปรับปรุงการดูดซับแรงกระแทกของช็อคอัพ โดยจุดเชื่อมใหม่ระหว่างระบบกันสะเทือนและเหล็กกันโคลงมีการลดแรงเสียดทานเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในแนวราบ การทำงานของช็อคอัพในช่วงความเร็วสูงก็ได้รับการปรับปรุงด้วยการใช้วาล์วระบายแรงดัน เพื่อช่วยลดการสะเทือนในช่วงความเร็วสูง อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของน้ำมันที่อยู่ข้างใน ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบกันสะเทือนทำงานได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ล้อสัมผัสกับพื้นถนนอย่างเต็มที่แม้ว่าจะขับอยู่บนเส้นทางขรุขระ
การเปลี่ยนแปลงในเชิงมุมเรขาคณิตจะมีส่วนช่วยให้แจ๊ซ ใหม่มีการตอบสนองต่อความมั่นคง และการบังคับควบคุมที่ดีขึ้น การปรับปรุงนี้จะมีทั้งการลดค่า Roll Center ที่ด้านหน้าให้ต่ำลง โดยพวงมาลัยมีการปรับแรงบิดด้วยตัวเองซึ่งมีการปรับปรุงในแง่ของสัมผัสและการตอบสนองกลับ ซึ่งการปรับปรุงนี้มีการเพิ่มระยะ Trail ของ Caster
การออกแบบโครงสร้างของซับเฟรมหน้าใหม่ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็มีน้ำหนักลดลง ประโยชน์ที่ได้รับตรงนี้เป็นผลมาจากการใช้เหล็กที่มีความทนทานสูงและแข็งแกร่ง และการออกแบบปีกนกล่าง ตัวบุชเชื่อมในระบบช่วงล่าง และเหล็กกันโคลงใหม่ โดยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอกใหญ่ขึ้น แต่ก็มีน้ำหนักเบาขึ้นเพราะว่าออกแบบให้เป็นโพรงแทนที่จะเป็นเหล็กตัน
ค่าความแข็งของบุชเชื่อมต่อของปีกนกล่างในระบบกันสะเทือนหน้าก็ถูกลดลงเพื่อการเคลื่อนที่ในแนวนอนที่สะดวกขึ้นของล้อหน้าในการดูดซับแรงกระแทกเมื่อเกิดการปะทะเข้ากับสภาพที่ขรุขระบนท้องถนน และนั่นทำให้ระบบช่วงล่างด้านหน้ามีการปรับปรุงที่ตอบสนองในด้านของความสะดวกสบายมากขึ้น
ระบบช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม :
สำหรับระบบช่วงล่างหลังได้รับการปรับปรุงมาเพื่อการทรงตัวในระหว่างขับขี่ ความสะดวกสบาย และลดน้ำหนัก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่ของห้องโดยสาร โดยในระบบนี้มีการออกแบบและปรับค่าทางคณิตศาสตร์ของชิ้นส่วนในระบบ ซึ่งมีการนำแนวคิดของการแยกประเภทจุดยึดของตัวช็อคอัพ ทำให้ลดมุมในการยึดช็อคอัพ และมีการนำบุชแบบ Fluid Sealing Type มาใช้ แรงที่เกิดจากโช้กอัพก็จะได้รับการปรับปรุงเพื่อความนุ่มนวลในการขับขี่ อีกทั้งยังมีการปรับแต่งในอีกหลายจุด เช่น การขยายขนาดลูกสูบในช็อคอัพ ช่วยเพิ่มการทรงตัวที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการเพิ่มความแข็งแกร่งได้ดีขึ้น ความยาวของแขนยึดในระบบช่วงล่างหลังถูกปรับให้ลดลง เพื่อการตอบสนองที่ดีขึ้นในการควบคุมรถ
ระบบบังคับเลี้ยวคุณภาพสูง พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ใหม่ :
โดยแกนพวงมาลัยได้ถูกขยายขนาดขึ้นเพื่อปรับปรุงในส่วนของความแข็งแกร่งของตัวรถ และประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน ส่วนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า หรือ EPS จะมีการปรับอัตราทดพวงมาลัยให้สูงขึ้น ทำให้การตอบสนองมีความรวดเร็วขึ้นเมื่อขับขี่ในแบบสปอร์ต
ประสิทธิภาพในการลดเสียงและการสั่นสะเทือน :
แจ๊ซ ใหม่ ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างตัวถังและระบบกันสะเทือนใหม่ ซึ่งช่วยในเรื่องของการสกัดกั้นเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ถูกส่งมาจากถนน โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งและการปรับปรุงโครงสร้างของระบบช่วงล่าง จะช่วยลดอาการรับแรงสะเทือนเมื่อขับอยู่บนถนนขรุขระ นอกจากนี้ยังสามารถใช้สปริง ช็อคอัพ และตัวบุชของจุดยึดได้อย่างอิสระ ซึ่งช่วยให้ตัวรถสามารถขับบนเส้นทางที่มีพื้นผิวถนนที่หลากหลายโดยที่ไม่ส่งผลต่อความนุ่มนวลในการขับ
บริเวณแผงหน้าปัดจะถูกออกแบบเป็นพิเศษในฐานะที่เป็นเส้นทางการเดินทางของเสียงเข้าสู่ห้องโดยสาร ขณะที่ใต้ท้องรถมีการติดตั้งแผ่นตัวถังแบบเรียบ เพื่อช่วยให้การไหลของลมสะดวกขึ้นและไม่ก่อให้เกิดแรงต้าน จึงช่วยลดเสียงที่เกิดจากเครื่องยนต์ ถนน และเสียงลมได้ดี
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มีให้เลือก 6 รุ่น ได้แก่ รุ่น S MT ราคา 555,000 บาท, S AT ราคา 594,000 บาท, V ราคา 654,000 บาท, V+ ราคา 694,000 บาท, SV ราคา 739,000 บาท และรุ่น SV+ ราคา 754,000 บาท โดยมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และสีขาวทาฟเฟต้า และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเหลืองแอทแทรค (มุก) สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) (สำหรับสีมุกเพิ่ม 6,000 บาท) ส่วนภายในห้องโดยสารทุกรุ่นเป็นสีดำ รุ่น S, V และ V+ เป็นเบาะผ้าสีดำ และรุ่น SV และ SV+ เป็นเบาะผ้าสีดำแบบสปอร์ต