เทคโนเซลเปิดตัวฟิล์มสมรรถนะสูง ‘ลูม่าร์ ไพร์ม’ ครั้งแรกในประเทศไทย เจาะกลุ่มลูกค้ารถยนต์ซุปเปอร์คาร์และรถยนต์ระดับหรู มาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านการป้องกันความร้อนจากแสงแดดสูงสุด 68% และรังสียูวีสูงสุด 99.99% พร้อมเปิดตัว 12 รุ่นย่อย วางราคาจำหน่ายพร้อมติดตั้งที่ 21,000 – 36,000 บาท มั่นใจรองรับความต้องการผู้บริโภคกลุ่มพิเศษได้อย่างแน่นอน นางสาวจันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” และฟิล์มกลุ่มพิเศษ “ลูม่าร์” จากประเทศสหรัฐอเมริกา มาตรฐาน ISO9001 ที่มีเลขหมายกำกับชัดเจนรายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มซูเปอร์คาร์และยานยนต์หรูลักชัวรี่ ที่ต้องการความโดดเด่นของฟิล์มกรองแสงเป็นพิเศษ ลูม่าร์ ไพร์ม คือฟิล์มกรองแสงรุ่นใหม่ล่าสุดของโรงงานซีพีฟิล์ม อิงค์ โรงงานผลิตฟิล์มกรองแสงที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประวัติการผลิตยาวนานมากว่า 60 ปี และเป็นโรงงานผลิตฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงของลามิน่าที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งฟิล์มกรองแสงรุ่นใหม่นี้ ได้รับการผลิตขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับสูง ทำให้ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญเป็นพิเศษในการติดตั้งเท่านั้น “ฟิล์มกรองแสงลูม่าร์ ไพร์ม รุ่นใหม่ของเราจะเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างนิช คือกลุ่มลูกค้าซูเปอร์คาร์ที่มีตลาดอยู่ปีละ 500-600 คัน รวมไปถึงกลุ่มรถยนต์หรูหราที่มีตลาดรวมปีละ 20,000 คัน ซึ่งถือเป็นฟิล์มกลุ่มพิเศษในการทำตลาดภายใต้ตราสินค้าลูม่าร์ ซึ่งจะเน้นการจำหน่ายในฟิล์มกลุ่มพิเศษของเทคโนเซลมาโดยตลอด เช่น ฟิล์มนิรภัย ฟิล์มปกป้องสีรถยนต์ เป็นต้น” ทั้งนี้ เทคโนเซลจะทำตลาดฟิล์มกรองแสงลูม่าร์ ไพร์ม ใน 4 ซีรีส์ 12 รุ่นย่อย ทั้งฟิล์มใสและฟิล์มเข้ม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้อย่างรอบด้าน เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจว่าได้รับสินค้าคุณภาพสูงที่ผลิตจากโรงงานที่ใหญ่และมีมาตรฐานอันดับ 1 ของโลก รวมถึงได้รับการติดตั้งและดูแลโดยช่างผู้ชำนาญการที่สุดในธุรกิจฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย ลูม่าร์ ไพร์ม คือฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงสุด ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง UVA, UVB, UVC ได้สูงสุด 99.9% มีค่าการสะท้อนแสงที่ 6-12% ลดแสงจ้า และยังช่วยลดความร้อนจากแสงแดดสูงสุดถึง 68% ช่วยปกป้องสุขภาพตา ให้รู้สึกสบายทุกขณะขับขี่ โดยมีให้เลือกถึง 12 รุ่นย่อยใน 4 ซีรีส์ที่จำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างครบวงจร “นี่คือฟิล์มกรองแสงระดับมาตรฐานสูงสุดที่เทคโนเซลทำตลาดในประเทศไทยในปัจจุบัน โดยจะวางจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายฟิล์มลูม่าร์ทั่วประเทศ พร้อมให้บริการติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการอบรมจากเทคโนเซลและซีพีฟิล์ม อิงค์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะให้บริการได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ตั้งแต่ 21,000 – 36,000 บาท สำหรับฟิล์มกรองแสงลูม่าร์ ไพร์ม” การเปิดตัวฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงในครั้งนี้ ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยาวนานถึง 20 ปีของเทคโนเซลกับซีพีฟิล์ม อิงค์ ผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงระดับโลก โดยในการเปิดตัวครั้งนี้ นางสาวแพ็ตตี้ ชาง ผู้อำนวยการ ธุรกิจฟิล์มกรองแสงภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ซีพีฟิล์ม อิงค์ ในเครือบริษัทอีสท์แมน เคมิคอล สหรัฐอเมริกา ได้ให้เกียรติเข้าร่วมงานดังกล่าว และได้กล่าวว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เทคโนเซลได้เปิดตัวฟิล์มกรองแสงลูม่าร์ ไพร์ม ในวันนี้ ทั้งนี้ ซีพีฟิล์ม อิงค์ มองว่าตลาดฟิล์มกรองแสงระดับไฮเอนด์กำลังเติบโตทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่เจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องการความโดดเด่น และแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปบนท้องถนน ซึ่งผู้บริโภคเหล่านี้ จะต้องพึงพอใจกับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าที่ซีพีฟิล์ม อิงค์ ทำการพัฒนาขึ้นมาสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้เป็นพิเศษอย่างแน่นอน “ซีพีฟิล์ม อิงค์ นั้นมีความต้องการที่จะพัฒนาสินค้ามาตรฐานสูงสุดเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างและหลากหลาย เราจึงเชื่อมั่นว่าลูม่าร์ ไพร์ม จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ครอบครองซูเปอร์คาร์และรถยนต์หรูในประเทศไทย ทั้งคุณสมบัติเรื่องของการกันความร้อนและความสวยงามของตัวฟิล์ม ที่เหนือกว่าฟิล์มพรีเมี่ยมทั่วไป จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความพิเศษของฟิล์มกรองแสงนี้อย่างแน่นอน” กรรมการผู้จัดการยังได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย ว่าในปีนี้ตลาดยังคงหดตัวตามภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์รวมของประเทศไทยหดตัวไปราว 18% ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจฟิล์มกรองแสงรถยนต์อย่างแน่นอน โดยทำให้ตลาดฟิล์มกรองแสงในช่วง 5 เดือนแรกยังหดตัวอยู่ที่ 15% อย่างไรก็ตาม เทคโนเซลยังคงตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเหนือตลาดให้ได้ 15% ในปีนี้ หรือคิดเป็นเป้าหมายการจำหน่าย 760 ล้านบาท แบ่งออกเป็นธุรกิจฟิล์มกรองแสง 720 ล้านบาท และธุรกิจอื่น ๆ 40 ล้านบาท ซึ่งทั้งลามิน่าและลูม่าร์มั่นใจว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายส่วนแบ่งตลาด 37% ในเชิงปริมาณฟิล์มที่ติดตั้งเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ แม้ภาพรวมตลาดจะยังหดตัวก็ตาม “สิ่งที่เราจะมุ่งเน้นก็คือการเดินหน้าตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเรื่องการหาสินค้าใหม่ ๆ มานำเสนอ การให้บริการทั้งก่อนการขาย ระหว่างการขาย และหลังการขายอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์นั้นน่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งแน่นอนตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตอันใกล้”