มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดศูนย์กลางกระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่บนถนนบางนา-ตราด พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับการบริการหลังขาย การลงทุนของมาสด้าในประเทศไทยเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2538 ในการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กับพันธมิตร ภายใต้ชื่อ บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อทำการผลิตรถกระบะเพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายกว่า 140 ประเทศ ซึ่งโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ประเทศไทย และมีพนักงานกว่า 9,000 คน มีกำลังการผลิต 270,000 คันต่อปี ล่าสุดนั้นทาง มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับโรงงานผลิตรถยนต์ ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ส่งความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนอีกกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ All-New Mazda2 ซึ่งเป็นรถยนต์ภายใต้โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ซึ่งรถยนต์ All-New Mazda2 นี้นับเป็นรยนต์ ที่ทันสมัยที่สุดในรถระดับเดียวกัน มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน และเครื่องยนต์คลีนดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูง ส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน นอกจากนี้มาสด้ายังทุ่มเม็ดเงินก้อนโต เพื่อก่อตั้ง บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย Mazda Powertrain Manufacturing Thailand ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการผลิตชุดเกียร์ออโตเมติก SKYACTIV-DRIVE โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 400,000 ยูนิตต่อปี เพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตรถยนต์ ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย และส่งออกสู่ตลาดโลก นับเป็นครั้งแรกที่มาสด้าได้ทำการผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาด นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลายสิบปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยมีการขับเคลื่อนที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุด จากการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการลงทุนจากทางภาครัฐ ที่สำคัญภาคเอกชนก็มีทั้งศักยภาพและความพร้อมด้านการผลิตชิ้นส่วนและการผลิตยานยนต์ ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนประกอบ อะไหล่ยานยนต์ เติบโตจนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกและเศรษฐกิจในประเทศไทย นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า ในธุรกิจยานยนต์นั้น การที่ลูกค้าได้รับอะไหล่ที่ถูกต้องในเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินคุณค่าของแบรนด์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพสูงสักเพียงใด หากบริการอะไหล่ไม่เข้มแข็งแล้ว แบรนด์เองก็ไม่สามารถจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของลูกค้าได้ ในอดีตที่ผ่านมานั้น มาสด้าได้ทำการบริหารด้านอะไหล่ผ่านทางคู่ค้าธุรกิจในภูมิภาคนี้ ดังนั้น โครงสร้างการบริการของเราจึงยังเป็นรองคู่แข่งอยู่มาก ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ของมาสด้านี้จะช่วยส่งเสริมให้มาสด้าสามารถให้บริการงานอะไหล่ได้ด้วยคุณภาพด้านการบริการสูงสุด เนื่องจากสามารถทำการควบคุมการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อันประกอบด้วย ประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่นๆ นี้มีศักยภาพสูงยิ่งในการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือตลาดที่สำคัญที่สุดของมาสด้าในการขยายธุรกิจให้เติบโต มาสด้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้จะมีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า เนื่องจากศูนย์ฯแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานบริการในระดับภูมิภาค ดังนั้น มาสด้าจึงถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนมหาศาล พร้อมทั้งส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนอกเหนือจาก ประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน และล่าสุดประเทศเม็กซิโก นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา มาสด้าได้มุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อลูกค้าชาวไทย ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมาสด้ามียอดการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย จำนวน 320,000 คัน (2548 – 2558) ดังนั้นมาสด้าจึงให้ความสำคัญอย่างมากต่อการบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับคุณภาพของการบริการให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เนื่องจากมีรถยนต์มาสด้าที่วิ่งอยู่บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการบริหารจัดการเกี่ยวกับอะไหล่ที่มีคุณภาพ รวมถึงความรวดเร็วในการส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การที่มาสด้าได้พันธมิตรอย่างกลุ่มยูเซ็นซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่ง หรือ ระบบโลจิสติกส์ จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้มาสด้าสามารถจัดส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายได้ถูกต้องรวดเร็วในทุกพื้นที่ สำหรับศูนย์การกระจายอะไหล่ของมาสด้าก่อสร้างขึ้นด้วยซึ่งการร่วมมือกันกับพันธมิตรระหว่าง บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท ยูเซ็น โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่คือ Mazda Logistics & Yusen (Asia) Co., Ltd. (บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ แอนด์ ยูเซ็น (เอเชีย) จำกัด) มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 22,281 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็น พื้นที่ส่วนที่เป็นสินค้าหลักประมาณ 14,636 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าย่อยอีกประมาณ 7,645 ตารางเมตร มีจำนวนอะไหล่หมุนเวียนเข้า-ออกทั้งสิ้นประมาณ 53,500 รายการ มูลค่าสินค้าหมุนเวียนในโกดังประมาณ 360 ล้านบาท ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้มีซัพพลายเออร์ส่งชิ้นส่วนเข้ามาประมาณ 260 ราย เพื่อทำแพ็คเกจจิ้ง แล้วส่งออกไปยังศูนย์บริการมาสด้าทั้ง 125 แห่งทั่วประเทศไทย โดยในส่วนของกรุงเทพฯ จะมีรถจัดส่งจำนวน 6 คัน จัดส่งวันละ 2 เที่ยวต่อวัน ส่วนต่างจังหวัด 1 เที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ศูนย์กระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่นี้ยังทำการส่งออกอะไหล่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน และทั่วโลกอีกกว่า 100 ประเทศ โดยอะไหล่ที่สำคัญหลักๆ ประกอบด้วย อะไหล่ของรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 และมาสด้า2 มาสด้ามุ่งมั่นในเรื่องการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมเพื่อสร้างความพึงพอใจในการบริการหลังการขายเพิ่มสูงขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์มาสด้า นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติม