ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายยนตกรรมหรูแบรนด์ บราบัส วิสแมน และไนท์เอฟเอฟ และนำเข้ายนตกรรมหรูระดับซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ พร้อมเปิดกลยุทธ์กลางปี 2555 เพิ่มศักยภาพการบริหารผ่านคอนเซ็ปต์ “ยูม่า เน็กซ์” (YUMA NEXT) หรือ“ก้าวใหม่ของยูม่า” ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคย้ำจุดยืนหลัก “ที่หนึ่งในใจลูกค้า...สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” พร้อมพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารการขาย และการวางแผนธุรกิจการนำเข้าผลิตภัณฑ์ รวมถึงการบริการหลังการขาย และศูนย์บริการครบวงจรโดยช่างผู้เชี่ยวชาญพร้อมเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ ทุ่มงบลงทุนผลักดันความสำเร็จปี 2555 มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท o ภาพรวมตลาดรถยนต์ประเภทพรีเมียม คาร์ และซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ o การบริหารกลยุทธ์การตลาด การวางแผนพัฒนาธุรกิจ o การบริการหลังการขาย และศูนย์บริการเต็มรูปแบบ o การบริหารกลยุทธ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์ o การบริหารการจัดจำหน่าย นายยศวัจน์ ถิรพรสวัสดิ์ – ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และบริการ บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายยนตกรรมหรูแบรนด์ บราบัส วิสแมน และไนท์ เอฟเอฟ และนำเข้ายนตกรรมหรูระดับซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ กล่าวว่า “หลังจากบริษัท ยูมา มอเตอร์ส จำกัด ดำเนินธุรกิจมากว่า 3 ปี บริษัทฯ เห็นว่าตลาดรถเฉพาะกลุ่มประเภทรถซุปเปอร์ คาร์ และลักชัวร์รี่ คาร์ มีการเติบโต และได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอ็นด์ โดย 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำยอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการก้าวเข้าสู่ความแข็งแกร่งด้านการบริหารจัดการที่ครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น บริษัท จึงทำการเปลี่ยนชื่อจาก บริษัท ยูมา มอเตอร์ส จำกัด (เดิม) เป็น บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด (ใหม่) พร้อมกับการปรับปรุงโครงสร้างการบริหาร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารทั้งด้านกลยุทธ์การตลาด และการขาย รวมถึงกลยุทธ์การนำเข้ายนตกรรมที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าสูงสุด และเพื่อเสริมประสิทธิภาพของศูนย์บริการ และบริการหลังการขายให้มีความทันสมัยก้าวนำเทคโนโลยีของรถยนต์ระดับซุปเปอร์ลักชัวร์รี่ คาร์ ทุกประเภทให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ในส่วนของการปรับปรุงโครงสร้างบริหารใหม่ และการเปลี่ยนชื่อของบริษัทฯ เป็นการดำเนินงานตามแนวคิด “ยูม่า เน็กซ์” (YUMA NEXT) เพื่อให้แบรนด์ยูม่าก้าวสู่ความเป็น ที่หนึ่งในใจลูกค้า...สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน “เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยการปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาสู่การเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี ลูกค้าสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสินค้า บริการ ภายใต้แบรนด์ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป รวมถึงเพื่อให้มีความชัดเจนด้านการบริหาร มีความมั่นคง และน่าเชื่อถือซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นใจ และดึงดูดให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้า และบริการมากขึ้น” ยูม่า เน็กซ์ (YUMA NEXT) สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ภายใต้แนวคิด “ยูม่า เน็กซ์” (YUMA NEXT) จะมุ่งเน้นไปที่การบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนรวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุดอันดับหนึ่งสำหรับยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป คือ การบริการ และความน่าเชื่อถือซึ่งเรามุ่งมั่นเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีทำให้ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป คงความเป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์ชั้นนำที่อยู่ในใจของผู้บริโภค ตลอดจนสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และยังมุ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ในตลาดไฮเอ็นด์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ธุรกิจเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้านภาพรวมของตลาดรถยนต์ประเภทซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ซึ่งถือเป็นตลาดไฮเอ็นด์ที่ยังคงมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยบวกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในรอบปีที่ผ่านมาโดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินยูโรในภาคพื้นยุโรปอ่อนค่าลงส่งผลดีต่อราคาต้นทุนรวมของรถยนต์จากยุโรปทำให้รถมีระดับราคาที่สมเหตุสมผลมากกว่าอดีต และเนื่องจากรถยนต์โมเดลใหม่ของรถซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนโมเดลใหม่ทดแทนรุ่นเก่ารวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และระหว่างช่วงของการเปลี่ยนแปลงโมเดลเป็นธรรมชาติของผู้ใช้รถที่จะต้องการเปลี่ยนรถเพื่อนำไปใช้งาน หรือเลือกซื้อเพื่อสะสม ดังนั้นตัวแทนจำหน่ายหรือผู้นำเข้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันที มีความเชี่ยวชาญในการสั่งซื้อและนำเข้า และสามารถส่งมอบรถใหม่ได้อย่างรวดเร็วจะถือเป็นโอกาสในการสร้างความโดดเด่น และเนื่องจากยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านการนำเข้า และการส่งมอบรถยนต์รุ่นใหม่ให้กับลูกค้าได้ตามความต้องการทำให้ปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายได้ 120 คัน หรือมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นรถระดับพรีเมียม คาร์ และรถซุปเปอร์ คาร์ ที่มีราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป และในปี 2555 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท การบริหารการตลาด และการวางแผนพัฒนาธุรกิจ สำหรับกลยุทธ์การตลาดปี 2555 หลังจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการบริษัทฯ มุ่งให้ทุกกลยุทธ์มีความสอดคล้องกับ คอนเซ็ปต์ "ยูม่า เน็กซ์" หรือ ”ก้าวใหม่ของยูม่า” ทั้งด้านการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเตรียมวางแผนเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 1 แห่งในกรุงเทพมหานคร คือย่านบางนา และในอนาคตวางแผนขยายเพิ่มในต่างจังหวัดอีก 2แห่ง โดยเลือกจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ เช่น จังหวัดภูเก็ต และอุดรธานี เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของเราส่วนใหญ่มีบ้าน หรือที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงโชว์รูมได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นบริเวณที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ ในปีนี้บริษัทฯ เน้นกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยการเพิ่มกิจกรรมโรดโชว์ให้มีความถี่ยิ่งขึ้นเพื่อโปรโมททั้งสินค้า บริการ และภาพลักษณ์ขององค์กรให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีแก่ลูกค้า (Customer Relation Management-CRM) ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าร่วมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะแยกเป็นกิจกรรมตามกลุ่มเป้าหมาย อาทิ กิจกรรมสำหรับลูกค้า เช่น Yuma Motors Supra Driving Experience, Caravan Yuma Club และ Once Upon A Time with Yuma The Concert ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนอกจากจะเป็นการเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าแล้วยังจะเป็นการเพิ่มความสนิทสนมระหว่างลูกค้าต่อลูกค้าด้วย โดยบริษัทฯ จัดสรรงบประมาณการพัฒนาธุรกิจ และงบการตลาดรวม 40 ล้านบาท ในปี 2555 นี้ กลยุทธ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์ นายพชร ลิ้มปัญญากุล - ผู้อำนวยการฝ่ายนำเข้าผลิตภัณฑ์ และการเงิน บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ถือเป็นตัวแทนจำหน่ายยนตรกรรมรายใหญ่เพียงรายเดียวในตลาดที่จำหน่ายยนตรกรรมระดับซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ หรือรถยนต์กลุ่มไฮเอ็นด์ครบวงจร และมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ครองใจลูกค้าด้วยคุณภาพของสินค้าที่ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด โดยสามารถนำรถที่เพิ่งเปิดตัวเข้ามาจำหน่ายในเวลาอันรวดเร็ว เช่น รุ่น 991 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเลต ที่นำเข้าและส่งมอบเป็นรายแรกของประเทศ ซึ่งระยะเวลาการสั่งซื้อและการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าถือเป็นจุดเด่นด้านการตลาดของบริษัท การเลือกนำเข้ารถยนต์แต่ละประเภทบริษัทฯ จะวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคผ่านเทรนด์การเลือกซื้อรถของลูกค้าเก่าที่เคยซื้อรถจากยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป และวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่กำลังตัดสินใจซื้อให้มีความสอดคล้องกับรถในโมเดลต่างๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในแต่ละช่วงของปี มีการวิเคราะห์ด้านดีไซน์ สมรรถนะของเครื่องยนต์ เทคโนโลยีต่างๆ รวมทั้งการเลือกสีทั้งภายใน และภายนอกตัวรถตามรสนิยมของลูกค้าในประเทศที่มีความแตกต่างกัน และในปี 2555 นี้ ตลาดรถยนต์ซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องโดยในไตรมาสแรกมีการเปิดตัว 991 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเลต ในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ ซึ่งยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ปได้นำเข้า และส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้วถึง 11 คัน และหลังจากนี้จะมียนตกรรมอาทิ Porsche New Boxster, Brabus SL และBrabus ML เริ่มทยอยเปิดตัวไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งบริษัทฯ สามารถเจรจากับเจ้าของแบรนด์เพื่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศได้เป็นรายแรกๆ และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างแน่นอน การบริหารการจัดจำหน่าย นายชัชวัฏ สุวรรณโณชิน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า” เนื่องจากรถยนต์ที่บริษัทฯ นำเข้ามาจำหน่ายส่วนใหญ่มีความแตกต่าง ซึ่งบางรุ่นเป็นลิมิเต็ด อิดิชั่นที่ผลิตเพียงไม่กี่คันทั่วโลก ดังนั้นลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ หรือนักสะสมมักทราบกันดีว่าจะมีการผลิตหรือนำเข้ามาในช่วงเวลาใด ส่วนรถพรีเมี่ยม คาร์ หรือซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ประเภทอื่น บริษัทเน้นความรวดเร็วของการนำเข้า และการส่งมอบ ดังนั้นในส่วนของการขายเรามั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการด้านผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ทันท่วงที ซึ่งโดยทั่วไปสำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถ บริษัทจะทำการขนส่งโดยเครื่องบิน (Air freight) ซึ่งจะสามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ในระยะเวลาเพียง 3 วัน นับจากวันที่ลูกค้าสั่งจอง การบริการหลังการขาย และศูนย์บริการ ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป มีการให้บริการหลังการขายแบบครบวงจรด้วยเครื่องมือเฉพาะของรถยนต์แต่ละประเภท ผนวกกับความเชี่ยวชาญของพันธมิตรจากประเทศผู้ผลิตที่ถ่ายทอดเทคนิค และฝึกอบรมช่างอย่างต่อเนื่อง เช่น บราบัสได้มีการทำงานร่วมกับยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป อย่างใกล้ชิดโดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญบินตรงมาให้ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีในทุกๆ ไตรมาส ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเรามีการพัฒนาด้านการบริการหลังการขายและการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานสูงสุดที่กำหนดไว้ “บริการหลังการขายเป็นหัวใจสำคัญสำหรับธุรกิจรถยนต์ทุกประเภท เทคโนโลยีของเครื่องมือ และความเชี่ยวชาญของช่างผู้ชำนาญการเป็นปัจจัยหลักของการสร้างความไว้วางใจ และเกิดการซื้อซ้ำ-ใช้ซ้ำ อย่างต่อเนื่อง” นายยศวัจน์ กล่าวเสริม