นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า Mazda MX-5 เจนเนอเรชั่นแรก หรือที่แฟนพันธุ์แท้เรียกว่า NA เปิดตัวในงาน Chicago Auto Show เมื่อปี1989 โดยทีมพัฒนาและออกแบบของมาสด้า ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างรถสปอร์ตเปิดประทุน น้ำหนักเบา ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ หรูหราสง่างาม ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้บรรลุตามโจทย์ที่ตั้งไว้ทุกประการ จึงทำให้ Mazda MX-5 เป็นรถเปิดประทุน สองที่นั่ง มาพร้อมกับเอกลักษณ์ไฟหน้าแบบ Pop-Up ได้รับความนิยมจากแฟนทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ยอดขายเติบโตขึ้นเกินคาด ไม่เพียงเท่านี้ ทีมงานยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องจนถือกำเนิดเจนเนอเรชั่นที่ 2 (NB) เปิดตัวครั้งในงาน Tokyo Motor Show ในปี 1997 ด้วยรูปทรงไฟหน้าที่เปลี่ยนไป ต่อมาเจนเนอเรชั่นที่ 3 (NC) ได้เปิดตัวในงาน Geneva Motor Show ในปี 2005 โดยเพิ่มรุ่นหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ (Retractable Hard Top) และเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อ Mazda MX-5 การเปิดตัวของเจนเนอเรชั่นที่ 4 (ND) จึงเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งที่ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ในปี 2014 เริ่มจากรุ่นหลังคาผ้า ต่อเนื่องด้วยเปิดตัวในรุ่นหลังคาแข็งแบบ Retractable Fastback เพิ่มเติม ได้รับความชื่นชอบจากแฟนๆ เป็นอย่างมาก อีกทั้ง Mazda MX-5 ยังการันตีคุณภาพด้วยรางวัลระดับโลกมากมาย อาทิ รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2015-2016 (Japan Car of the Year) ต่อด้วยรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีประเทศอังกฤษ (2016 UK Car of the Year) รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก และรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2016 (World Car of the Year, World Car Design of the Year) ความนิยมยังคงเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกจนกระทั่งยอดผลิตของ Mazda MX-5 สูงถึง 1 ล้าน คัน ในปี 2016 และถูกบันทึกสถิติโดย Guinness World Records ในการเป็นโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก