คลัตช์เป็นส่วนหนึ่งของระบบส่งกำลังรถยนต์เกียร์ธรรมดาที่ขาดไม่ได้ โดยหน้าที่หลักของคลัตช์นั้นคือ ตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์กับชุดเกียร์ โดยใช้ความฝืดของผ้าคลัตช์ที่ถูกกดเข้ากับฟลายวีลด้วยหวีคลัตช์ ทำให้สามารถเข้าเกียร์ได้ตามความต้องการ
ส่วนเรื่องของอายุการใช้งานนั้นไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนว่าอายุการใช้งานของผ้าคลัตช์และชุดคลัตช์อยู่ที่กี่กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน และสภาพการจราจร ถ้าผู้ขับชอบเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์สูงอยู่บ่อย ๆ หรือการจราจรติดขัด จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ และออกตัวบ่อย ๆ อาจทำให้อายุการใช้งานของชุดคลัตช์สั้นลง เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 กิโลเมตร
นอกจากนั้น การใช้งานไม่ถูกวิธีตามความเชื่อเก่า ๆ เช่น เหยียบคลัตช์พร้อมกับเหยียบเบรก หรือใช้การลดเกียร์ช่วยลดความเร็วอย่างไม่จำเป็น ก็ทำให้อายุการใช้งานของผ้าคลัตช์หมดเร็วไปด้วย ซึ่งวิธีที่ถูกต้องคือ ควรเหยียบเบรกก่อนจนรถยนต์เกือบหยุด จึงเหยียบคลัตช์ตามลงไป เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ดับ ส่วนสัปดาห์นี้เรามาดูกันว่าอาการต่าง ๆ ของคลัตช์นั้นมีวิธีสังเกตกันอย่างไร
อาการผ้าคลัตช์ใกล้หมด เมื่อกดคันเร่งแล้วรอบเครื่องยนต์ขึ้น แต่ความเร็วไม่ค่อยขึ้นตามปรกติ และถ้าผ้าคลัตช์หมดสนิท จะไม่สามารถพารถยนต์ให้แล่นไปได้ ทั้งที่รอบเครื่องยนต์จะถูกเร่งขึ้นไปแล้ว และเข้าเกียร์พร้อมปล่อยคลัตช์แล้วก็ตาม สำหรับบนแผ่นคลัตช์บางรุ่นจะมีหมุดทองเหลืองติดอยู่ เมื่อผ้าคลัตช์ใกล้หมด หมุดทองเหลืองจะเสียดสีกับฟลายวีล (ล้อช่วยแรง) และหวีคลัตช์ ทำให้เกิดเสียงดัง เพื่อเตือนให้ทราบว่าผ้าคลัตช์ใกล้หมด และหากปล่อยไว้นาน ๆ ฟลายวีล และหวีคลัตช์อาจเป็นรอยจากการขูดของหมุดทองเหลืองจนเสียหายได้
สายคลัตช์-น้ำมันคลัตช์ การส่งผ่านแรงกดจากแป้นคลัตช์ไปสู่หวีคลัตช์ มีทั้งระบบใช้สายหรือใช้น้ำมันในการถ่ายทอดแรงกด ซึ่งคลัตช์แบบน้ำมันมีพื้นฐานคล้าย ๆ กับระบบเบรก หากท่อหรือซีลยางมีการรั่วซึมหรือขาด จะทำให้ไม่สามารถถ่ายทอดแรงกดจากแป้นคลัตช์ไปสู่หวีคลัตช์ได้ และไม่สามารถเข้าเกียร์ได้ จึงต้องรีบซ่อมแซม สำหรับคลัตช์สาย หากมีการขาดของสายจะทำให้ไม่สามารถเข้าเกียร์ได้ ต้องเปลี่ยนสายคลัตช์ใหม่ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบเป็นประจำว่าถึงกำหนดอายุของการเปลี่ยนสายคลัตช์ใหม่หรือยัง หรือติดสายคลัตช์สำรองไว้ที่ท้ายรถยนต์เมื่อใกล้ถึงระยะที่กำหนด
สำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อน้ำมันคลัตช์รั่วหรือสายคลัตช์ขาด สามารถกระทำได้ไม่ยาก แต่การจราจรต้องไม่ติดขัดมาก เส้นทางด้านหน้าต้องว่างไม่น้อยกว่า 10 เมตร โดยเริ่มจากปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด เข้าเกียร์ 1 หรือ 2 กดคันเร่งพอประมาณ บิดกุญแจสตาร์ตเครื่องยนต์ รถยนต์จะกระตุกตามแรงหมุนเครื่องยนต์ของไดสตาร์ตแล้วจะเริ่มแล่นต่อไปโดยไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ เพราะไม่สามารถควบคุมชุดคลัตช์ได้ พอขับรถยนต์คลานไปเรื่อย ๆ ได้ เมื่อต้องเบรกก็กดแป้นเบรกตามปรกติโดยไม่ต้องเหยียบคลัตช์ เพราะยังไงก็ไม่สามารถควบคุมชุดคลัตช์ได้ ปล่อยให้เครื่องยนต์ดับไป การออกตัวครั้งใหม่ก็ปฏิบัติเหมือนเดิม และเมื่อเข้าอู่ก็ไม่ควรเปลี่ยนเฉพาะผ้าคลัตช์ ควรเปลี่ยนทั้งหวีคลัตช์และลูกปืนคลัตช์ไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องไล่เปลี่ยนชิ้นส่วนอื่น ๆ เพราะค่าแรงในการเปลี่ยนชุดคลัตช์ค่อนข้างสูง และใช้เวลาในการเปลี่ยนนานพอสมควร
ทางที่ดีก่อนออกจากบ้านทุกครั้งควรตรวจเช็กรถทั้งคันให้ดี ไม่ใช่เฉพาแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง และเมื่อถึงเวลาหมดอายุของอุปกรณ์ก็ควรรีบเปลี่ยน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาบนท้องถนน